สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน วันนี้จขกท.ขอเล่าประสบการณ์ความรักและขอคำแนะนำจากเพื่อนๆชาวพันทิปที่มีประสบการณ์หรือคำแนะนำดีๆเกี่ยวกับการปรับตัวเพื่อยอมรับความจริง..ว่าถึงรักแค่ไหนก็ต้องจากกันเพราะการ"คลุมถุงชน"
(เพื่อนๆชาวพันทิปที่เข้ามอ่านส่วนใหญ่คงอยู่ในวัยทำงานแล้ว ขอแทนตัวเองว่าหนูและเรียกเพื่อนๆชาวพันทิปว่าพี่ๆนะคะ)
ก่อนอื่นหนูขอเล่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงตอนนี้นะคะ
หนูเป็นเด็กมัธยมปลายคนหนึ่งที่มาเรียนต่อม.ปลายที่ต่างจังหวัด และหนูมีความสุขกับการใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนแห่งนั้นมากๆค่ะ
เรื่องราวที่น่าจดจำนี้ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่หนูกำลังตัดสินใจเลือกสถานศึกษาเพื่อเรียนต่อชั้นม.ปลาย ช่วงนั้นบังเอิญตรงกับช่วงหาเสียงเลือกตั้งสภานักเรียนพอดี หนูก็เข้าไปดูความเคลื่อนไหวตามเพจโรงเรียนและเฟสบุ๊คนักเรียนโรงเรียนนั้นค่ะ
และหนูก็ไปเจอพรรคหนึ่งเท่มากๆเลยค่ะ และพี่ที่สมัครเป็นหัวหน้าพรรคก็เท่และดูเป็นคนเก่งมากๆ หนูมีความฝันอยากเป็นสภานักเรียนอยู่แล้ว และตั้งใจว่าถ้าเข้าไปเรียนต่อที่นั่นหนูจะต้องทำงานสภานักเรียนให้ได้เลยอยากรู้ว่าพี่เขาทำกิจกรรมอะไรบ้าง อยากรู้จักกับพี่เขา และหนูก็ได้รู้จักพี่เขาในเบื้องต้นว่าพี่เขาเป็นคนที่ทำกิจกรรมเก่ง เรื่องเรียนก็ไม่แพ้กันค่ะ
"ตั้งแต่วันนั้น..พี่เขาคือแรงบันดาลใจที่ทำให้หนูตั้งใจเรียนมากขึ้นจากที่เป็นอยู่ เพื่อที่จะเข้าโรงเรียนนั้นให้ได้และได้รู้จักกับพี่เขา"
จนวันที่หนูรอคอยก็มาถึง หนูสอบติดโรงเรียนนั้น..และได้เจอพี่เขาตัวเป็นๆในวันรับน้องค่ะ มันเป็นวันที่หนูมีความสุขที่สุด ที่ได้เจอรุ่นพี่ที่ทำให้หนูมีกำลังใจในการเรียนและมีแรงบันดาลใจเริ่มต้นทำสิ่งต่างๆ
หลังจากวันนั้นไม่นาน ก็มีเหตุการณ์ทำให้หนูกับพี่เขาได้คุยกัน จนสุดท้ายเราสองคนก็ตกลงคบหากันค่ะ
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาหนูมีความสุขที่ได้คบกับพี่เขามากค่ะ พี่เขาเป็นคนเก่ง คนดี หนูมองว่าการที่ได้เจอพี่เขาถือเป็นความโชคดีครั้งหนึ่งในชีวิตของหนูเลย เราคบกันอย่างสบายใจ เพราะต่างคนต่างทำหน้าที่ในการเรียนเต็มที่ เวลาใครคนหนึ่งเจออุปสรรคในการเรียน อีกฝ่ายจะคอยให้กำลังใจและให้คำแนะนำอยู่เสมอ
ในส่วนของนิสัย พี่เขาเป็นคนที่มีความตั้งใจ ถ้าเขาลงมือทำอะไรแล้วเขาจะทำจนกว่ามันจะสำเร็จ มีความเป็นผู้นำ มีความเป็นผู้ใหญ่ และเป็นคนที่มีเหตุผล
และในอีกด้านพี่เขามีความอ่อนโยน อบอุ่น ใจดี และดูแลเอาใจใส่ อยู่มากไม่แพ้กันทำให้หนูรู้สึกมีความสุขที่ได้คบกับพี่เขามากค่ะ
นอกจากนิสัย พี่เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ให้เกียรติแฟนมากๆคนหนึ่ง เพราะตั้งแต่คบกันมาเรารักษาระยะห่างกันเสมอ และเราไม่เคยถูกเนื้อต้องตัวกันเลย
ในช่วงเวลาที่คบกัน เราทั้งสองคนเชื่อใจ และฟังเหตุผลซึ่งกันและกันตลอด ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และมีหลายๆอย่างที่เหมือนกันทำให้เราไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้ง
ทุกอย่างมันดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เพราะเราทั้งสองคนมีความสุข และพอใจกับสิ่งที่มีอยู่ ทุกอย่างดูพร้อมไปหมดจนหนูไม่ได้เผื่อใจเลยว่า "สักวันจะต้องจากกัน" ทั้งๆที่หนูคอยเตือนตัวเองเสมอว่าต้องเตรียมใจและยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ถ้าวันนั้นมาถึง..
แต่สำหรับพี่เขา หนูเตรียมใจไว้สำหรับการเลิกกันที่มาจากใครคนหนึ่งทำลายเท่านั้น จนลืมคิดว่ายังมีเรื่องหนึ่งที่ต้องเตรียมใจนั่นก็คือ"การจากลาที่ไม่ได้เกิดจากเราสองคน"
เราคบหากันมาจนถึงวันหนึ่งค่ะ..
วันที่หนูบอกพี่เขาว่าจะต้องย้ายกลับไปเรียนต่อที่บ้านเกิดเพราะเหตุจำเป็น จนผ่านไปไม่กี่วันหนูก็ได้พบกับวันที่ทำให้หนูเจ็บปวดที่สุด เพราะพี่เขาได้บอกความจริงอย่างหนึ่ง ที่หนูไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับเรา และไม่เคยรับรู้มาก่อน
"เรื่องที่เราสองคนคบกัน พ่อของพี่รู้ตั้งแต่วันแรกที่เราคบกันแล้ว ที่พี่บอกว่าทุกอย่างโอเคมาตลอดมันไม่จริง และพี่ไม่ควรยื้อความสัมพันธ์ของเราแบบนี้ที่พี่ทำไปเพราะพี่มีความสุข"
ในตอนนั้นหนูไม่รู้จะต้องทำอะไรต่อไป หนูจึงขอให้พี่เขาเล่าความจริงทั้งหมด ซึ่งสรุปได้แบบนี้ค่ะ
"ความจริงพ่อของพี่เลือกผู้หญิงไว้ให้แล้ว และเขาต้องการให้เราเลิกกัน พี่พยายามทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์แล้วว่าเรารักกันแค่ไหน และพยายามทำให้พ่อเห็นแล้วว่าหนูดีแค่ไหน แต่พ่อของพี่ไม่ฟังพี่เลย แต่ถ้าพี่ไม่เลิกกับหนู เขาจะตัดขาดพ่อลูกกับพี่และแม่จองพี่ไม่เห็นด้วย"
; คุณแม่ของพี่เขารู้ว่าเราสองคนคบกันค่ะ ไม่กีดกันเราสองคนและยังเห็นว่าเราสองคนน่ารักดี แต่คุณแม่ไม่สามารถช่วยเราได้ อาจเป็นเพราะเหตุจำเป็นที่อีกไม่นานพี่เขาต้องย้ายไปอยู่กับคุณพ่อ จากที่เมื่อก่อนอยู่กับคุณแม่ค่ะ
หลังจากวันนั้นไม่นานก็เป็นวันครบรอบค่ะ พี่เขาเลยขอถ่ายรูปด้วยกันก่อนจะไม่ได้เจอกันอีก
หนูยังจำวันนั้นได้ค่ะ.. วันนั้นฝนตกลงมาตอนหนูเลิกเรียนพอดี หนูมองลงไปที่ทางเดินจากชั้น 2 ก็เห็นว่าพี่เขาเดินฝ่าฝนมาหาหนูค่ะ
หนูเองก็เดินลงไปหาพี่เขา แต่ตอนนั้นหนูรู้สึกชาไปหมดจนพูดอะไรไม่ออก หนูได้แต่มองหน้าพี่เค้าที่กำลังร้องไห้ แล้วบอกพี่เขาว่า "มันไม่ได้เป็นเพราะพี่ พี่ทำเต็มที่แล้ว ไม่เป็นไรนะ"
หนูกลั้นน้ำตาตัวเองไว้ต่อหน้าพี่เขา แต่พี่เขาไม่สามารถกลั้นมันไว้ได้และพูดประโยคหนึ่งที่หนูจะไม่มีวันลืม
"ต่อไปนี้ พี่คงไม่มีความสุขเพราะพี่ไม่ได้อยู่กับคนที่พี่รัก"
วันนั้นเป็นวันที่หนูรู้สึกเคว้งคว้างไปหมด
จนมาถึงวันสุดท้ายที่หนูจะได้เจอพี่เขาจริงๆ.. มันเป็นวันที่หนูไปโรงเรียนแห่งนั้นวันสุดท้าย และหนูไปลาพี่เขาว่าจะกลับบ้านเกิดแล้ว หนูกับพี่เขาลากันด้วยรอยยิ้มและคำอวยพรดีๆก่อนบทสนทนาจะเงียบไป สิ่งที่เห็นคือภาพพี่เขาที่น้ำตาคลอและร้องไห้ออกมา หนูรู้สึกเจ็บปวดมากที่เห็นพี่เขาร้องไห้ และรู้สึกเจ็บปวดว่า"ทำไมเราสองคนต้องมาเจอเรื่องแบบนี้"
ความรู้สึกหนูในตอนนั้น หนูอยากกอดพี่เขามากและอยากร้องไห้ออกมาเหมือนพี่เขา ก่อนที่หนูจะไม่ได้เจอพี่เขาในสถานะนี้อีกแล้ว แต่หนูไม่สามารถทำได้เพราะยังอยู่ในวัยที่ไม่เหมาะสม มันยิ่งทำให้หนูเจ็บปวดไปหมดแต่ก็ต้องกลั้นมันไว้ไม่ให้ร้องไห้ต่อหน้าพี่เขา แต่หลังจากหนูลาพี่เขาแล้ว หนูทนความรู้สึกนั้นไม่ไหวจนต้องร้องไห้ออกมาคนเดียว หลังหนูเริ่มรู้สึกเศร้าจนไม่มีสมาธิทำอะไร หนูคิดถึงแต่ความทรงจำดีๆที่ผ่านมาตลอดเวลา รวมไปถึงความทรงจำที่เจ็บปวดที่หนูกำลังเจออยู่ตอนนี้ และมันทำให้หนูร้องไห้ทุกวัน และโลกดูหม่นหมองไปหมด
ช่วงแรกหลังจากเกิดเรื่องขึ้น เราสองคนตกลงกันว่าจะอยู่ข้างๆกันให้นานที่สุดที่จะทำได้ค่ะ แต่ผ่านไปไม่นานพี่เขาเริ่มยอมรับมันได้มากกว่าหนู.. ในขณะที่หนูพยายามยอมรับมันแล้วแต่มันกลับคิดถึงตลอดเวลา
หนูกับพี่เขาไม่มีใครบอกเลิกกัน..แต่ทุกอย่างทำให้หนูรู้แล้วว่า หนูควรยอมรับมันให้ได้เพราะพี่เขาเองยังสามารถผ่านมันไปได้ และตอนนี้พี่เขาใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้แสดงอาการคิดถึงหรือความรู้สึกอะไรเลย แต่หนูก็ได้รับรู้ความจริงอีกเรื่องนั่นก็คือ "ความจริงพี่เขารักหนูมาก พี่เขาทำทุกอย่างสุดกำลังของเขาแล้ว แต่คุณพ่อไม่ยอมรับเลย หลายๆอย่างบีบคั้นทำให้เขาต้องยอมทำตามที่คุณพ่อบอก เขาไม่มีทางเลือกอื่น และพี่เขาเจ็บปวดไม่น้อยกว่าหนู"
สรุปแล้ว..เราทั้งสองคนไม่ได้ต้องการจากกันแบบนี้เลย หนูเข้าใจและไม่โทษพี่เขาเลยในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นเพราะพี่เขา และพี่เขาทำเต็มที่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้หนูเจ็บปวดอยู่จนถึงวันนี้ คือคำถามที่อยู่ในหัวตลอดเวลาว่า "ทำไมคุณพ่อถึงทำแบบนั้น.." เพราะหนูไม่เคยเจอคุณพ่อเลย แม้แต่คุยกันสักครั้งก็ยังไม่เคย หนูยอมรับได้ถ้าหากคุณพ่อกีดกันเพราะหนูไม่เหมาะสม หรือไม่ดีพอในจุดใดสำหรับเขา หนูเพียงแค่ต้องการทราบเหตุผลที่แท้จริงว่าเพราะอะไรพ่อถึงกีดกันเราขนาดนี้
แต่มันไม่มีทางออกเลยค่ะ จนตอนนี้ผ่านมาเกือบเดือนแล้วหนูก็ยังเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น หนูพยายามไม่สนใจและทำอย่างอื่นให้มากขึ้นเพื่อรักษาตัวเอง แต่มันก็ไม่ดีขึ้นเลยค่ะ
หนูจึงตัดสินใจเขียนกระทู้นี้ และขอความช่วยเหลือจากพี่ๆ ผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์หรือสามารถให้คำแนะนำในเรื่องนี้ได้
ช่วยให้คำแนะนำหรือแนวทางการดูแลความรู้สึก และรักษาสภาพจิตของหนูให้ดีขึ้นกว่านี้ทีค่ะ หนูไม่รู้จะหาทางออกยังไง คุยกับที่บ้านก็ไม่ได้เพราะที่บ้านหนูยังไม่ยอมรับพี่เขา 100% และที่บ้านหนูกำลังอยู่ในสภาวะตรึงเครียดหนูเลยไม่อยากทำให้คนในบ้านมีเรื่องไม่สบายขึ้นไปอีกค่ะ
หนูยังเป็นแค่เด็กม.ปลายและยังไม่เคยเจอเรื่องนี้มาก่อน เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่หนักและยากมากสำหรับหนู หนูจึงตัดสินใจขอคำแนะนำผ่านช่องทางนี้ค่ะ
ขอขอบพระคุณพี่ๆและผู้ใหญ่ทุกท่านที่เข้ามามากๆนะคะ 🙏
[ขอคำแนะนำ+แชร์ประสบการณ์] ต้องเลิกกับคนรักเพราะคนรักของเราโดนคลุมถุงชน
(เพื่อนๆชาวพันทิปที่เข้ามอ่านส่วนใหญ่คงอยู่ในวัยทำงานแล้ว ขอแทนตัวเองว่าหนูและเรียกเพื่อนๆชาวพันทิปว่าพี่ๆนะคะ)
ก่อนอื่นหนูขอเล่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงตอนนี้นะคะ
หนูเป็นเด็กมัธยมปลายคนหนึ่งที่มาเรียนต่อม.ปลายที่ต่างจังหวัด และหนูมีความสุขกับการใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนแห่งนั้นมากๆค่ะ
เรื่องราวที่น่าจดจำนี้ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่หนูกำลังตัดสินใจเลือกสถานศึกษาเพื่อเรียนต่อชั้นม.ปลาย ช่วงนั้นบังเอิญตรงกับช่วงหาเสียงเลือกตั้งสภานักเรียนพอดี หนูก็เข้าไปดูความเคลื่อนไหวตามเพจโรงเรียนและเฟสบุ๊คนักเรียนโรงเรียนนั้นค่ะ
และหนูก็ไปเจอพรรคหนึ่งเท่มากๆเลยค่ะ และพี่ที่สมัครเป็นหัวหน้าพรรคก็เท่และดูเป็นคนเก่งมากๆ หนูมีความฝันอยากเป็นสภานักเรียนอยู่แล้ว และตั้งใจว่าถ้าเข้าไปเรียนต่อที่นั่นหนูจะต้องทำงานสภานักเรียนให้ได้เลยอยากรู้ว่าพี่เขาทำกิจกรรมอะไรบ้าง อยากรู้จักกับพี่เขา และหนูก็ได้รู้จักพี่เขาในเบื้องต้นว่าพี่เขาเป็นคนที่ทำกิจกรรมเก่ง เรื่องเรียนก็ไม่แพ้กันค่ะ
"ตั้งแต่วันนั้น..พี่เขาคือแรงบันดาลใจที่ทำให้หนูตั้งใจเรียนมากขึ้นจากที่เป็นอยู่ เพื่อที่จะเข้าโรงเรียนนั้นให้ได้และได้รู้จักกับพี่เขา"
จนวันที่หนูรอคอยก็มาถึง หนูสอบติดโรงเรียนนั้น..และได้เจอพี่เขาตัวเป็นๆในวันรับน้องค่ะ มันเป็นวันที่หนูมีความสุขที่สุด ที่ได้เจอรุ่นพี่ที่ทำให้หนูมีกำลังใจในการเรียนและมีแรงบันดาลใจเริ่มต้นทำสิ่งต่างๆ
หลังจากวันนั้นไม่นาน ก็มีเหตุการณ์ทำให้หนูกับพี่เขาได้คุยกัน จนสุดท้ายเราสองคนก็ตกลงคบหากันค่ะ
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาหนูมีความสุขที่ได้คบกับพี่เขามากค่ะ พี่เขาเป็นคนเก่ง คนดี หนูมองว่าการที่ได้เจอพี่เขาถือเป็นความโชคดีครั้งหนึ่งในชีวิตของหนูเลย เราคบกันอย่างสบายใจ เพราะต่างคนต่างทำหน้าที่ในการเรียนเต็มที่ เวลาใครคนหนึ่งเจออุปสรรคในการเรียน อีกฝ่ายจะคอยให้กำลังใจและให้คำแนะนำอยู่เสมอ
ในส่วนของนิสัย พี่เขาเป็นคนที่มีความตั้งใจ ถ้าเขาลงมือทำอะไรแล้วเขาจะทำจนกว่ามันจะสำเร็จ มีความเป็นผู้นำ มีความเป็นผู้ใหญ่ และเป็นคนที่มีเหตุผล
และในอีกด้านพี่เขามีความอ่อนโยน อบอุ่น ใจดี และดูแลเอาใจใส่ อยู่มากไม่แพ้กันทำให้หนูรู้สึกมีความสุขที่ได้คบกับพี่เขามากค่ะ
นอกจากนิสัย พี่เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ให้เกียรติแฟนมากๆคนหนึ่ง เพราะตั้งแต่คบกันมาเรารักษาระยะห่างกันเสมอ และเราไม่เคยถูกเนื้อต้องตัวกันเลย
ในช่วงเวลาที่คบกัน เราทั้งสองคนเชื่อใจ และฟังเหตุผลซึ่งกันและกันตลอด ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และมีหลายๆอย่างที่เหมือนกันทำให้เราไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้ง
ทุกอย่างมันดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เพราะเราทั้งสองคนมีความสุข และพอใจกับสิ่งที่มีอยู่ ทุกอย่างดูพร้อมไปหมดจนหนูไม่ได้เผื่อใจเลยว่า "สักวันจะต้องจากกัน" ทั้งๆที่หนูคอยเตือนตัวเองเสมอว่าต้องเตรียมใจและยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ถ้าวันนั้นมาถึง..
แต่สำหรับพี่เขา หนูเตรียมใจไว้สำหรับการเลิกกันที่มาจากใครคนหนึ่งทำลายเท่านั้น จนลืมคิดว่ายังมีเรื่องหนึ่งที่ต้องเตรียมใจนั่นก็คือ"การจากลาที่ไม่ได้เกิดจากเราสองคน"
เราคบหากันมาจนถึงวันหนึ่งค่ะ..
วันที่หนูบอกพี่เขาว่าจะต้องย้ายกลับไปเรียนต่อที่บ้านเกิดเพราะเหตุจำเป็น จนผ่านไปไม่กี่วันหนูก็ได้พบกับวันที่ทำให้หนูเจ็บปวดที่สุด เพราะพี่เขาได้บอกความจริงอย่างหนึ่ง ที่หนูไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับเรา และไม่เคยรับรู้มาก่อน
"เรื่องที่เราสองคนคบกัน พ่อของพี่รู้ตั้งแต่วันแรกที่เราคบกันแล้ว ที่พี่บอกว่าทุกอย่างโอเคมาตลอดมันไม่จริง และพี่ไม่ควรยื้อความสัมพันธ์ของเราแบบนี้ที่พี่ทำไปเพราะพี่มีความสุข"
ในตอนนั้นหนูไม่รู้จะต้องทำอะไรต่อไป หนูจึงขอให้พี่เขาเล่าความจริงทั้งหมด ซึ่งสรุปได้แบบนี้ค่ะ
"ความจริงพ่อของพี่เลือกผู้หญิงไว้ให้แล้ว และเขาต้องการให้เราเลิกกัน พี่พยายามทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์แล้วว่าเรารักกันแค่ไหน และพยายามทำให้พ่อเห็นแล้วว่าหนูดีแค่ไหน แต่พ่อของพี่ไม่ฟังพี่เลย แต่ถ้าพี่ไม่เลิกกับหนู เขาจะตัดขาดพ่อลูกกับพี่และแม่จองพี่ไม่เห็นด้วย"
; คุณแม่ของพี่เขารู้ว่าเราสองคนคบกันค่ะ ไม่กีดกันเราสองคนและยังเห็นว่าเราสองคนน่ารักดี แต่คุณแม่ไม่สามารถช่วยเราได้ อาจเป็นเพราะเหตุจำเป็นที่อีกไม่นานพี่เขาต้องย้ายไปอยู่กับคุณพ่อ จากที่เมื่อก่อนอยู่กับคุณแม่ค่ะ
หลังจากวันนั้นไม่นานก็เป็นวันครบรอบค่ะ พี่เขาเลยขอถ่ายรูปด้วยกันก่อนจะไม่ได้เจอกันอีก
หนูยังจำวันนั้นได้ค่ะ.. วันนั้นฝนตกลงมาตอนหนูเลิกเรียนพอดี หนูมองลงไปที่ทางเดินจากชั้น 2 ก็เห็นว่าพี่เขาเดินฝ่าฝนมาหาหนูค่ะ
หนูเองก็เดินลงไปหาพี่เขา แต่ตอนนั้นหนูรู้สึกชาไปหมดจนพูดอะไรไม่ออก หนูได้แต่มองหน้าพี่เค้าที่กำลังร้องไห้ แล้วบอกพี่เขาว่า "มันไม่ได้เป็นเพราะพี่ พี่ทำเต็มที่แล้ว ไม่เป็นไรนะ"
หนูกลั้นน้ำตาตัวเองไว้ต่อหน้าพี่เขา แต่พี่เขาไม่สามารถกลั้นมันไว้ได้และพูดประโยคหนึ่งที่หนูจะไม่มีวันลืม
"ต่อไปนี้ พี่คงไม่มีความสุขเพราะพี่ไม่ได้อยู่กับคนที่พี่รัก"
วันนั้นเป็นวันที่หนูรู้สึกเคว้งคว้างไปหมด
จนมาถึงวันสุดท้ายที่หนูจะได้เจอพี่เขาจริงๆ.. มันเป็นวันที่หนูไปโรงเรียนแห่งนั้นวันสุดท้าย และหนูไปลาพี่เขาว่าจะกลับบ้านเกิดแล้ว หนูกับพี่เขาลากันด้วยรอยยิ้มและคำอวยพรดีๆก่อนบทสนทนาจะเงียบไป สิ่งที่เห็นคือภาพพี่เขาที่น้ำตาคลอและร้องไห้ออกมา หนูรู้สึกเจ็บปวดมากที่เห็นพี่เขาร้องไห้ และรู้สึกเจ็บปวดว่า"ทำไมเราสองคนต้องมาเจอเรื่องแบบนี้"
ความรู้สึกหนูในตอนนั้น หนูอยากกอดพี่เขามากและอยากร้องไห้ออกมาเหมือนพี่เขา ก่อนที่หนูจะไม่ได้เจอพี่เขาในสถานะนี้อีกแล้ว แต่หนูไม่สามารถทำได้เพราะยังอยู่ในวัยที่ไม่เหมาะสม มันยิ่งทำให้หนูเจ็บปวดไปหมดแต่ก็ต้องกลั้นมันไว้ไม่ให้ร้องไห้ต่อหน้าพี่เขา แต่หลังจากหนูลาพี่เขาแล้ว หนูทนความรู้สึกนั้นไม่ไหวจนต้องร้องไห้ออกมาคนเดียว หลังหนูเริ่มรู้สึกเศร้าจนไม่มีสมาธิทำอะไร หนูคิดถึงแต่ความทรงจำดีๆที่ผ่านมาตลอดเวลา รวมไปถึงความทรงจำที่เจ็บปวดที่หนูกำลังเจออยู่ตอนนี้ และมันทำให้หนูร้องไห้ทุกวัน และโลกดูหม่นหมองไปหมด
ช่วงแรกหลังจากเกิดเรื่องขึ้น เราสองคนตกลงกันว่าจะอยู่ข้างๆกันให้นานที่สุดที่จะทำได้ค่ะ แต่ผ่านไปไม่นานพี่เขาเริ่มยอมรับมันได้มากกว่าหนู.. ในขณะที่หนูพยายามยอมรับมันแล้วแต่มันกลับคิดถึงตลอดเวลา
หนูกับพี่เขาไม่มีใครบอกเลิกกัน..แต่ทุกอย่างทำให้หนูรู้แล้วว่า หนูควรยอมรับมันให้ได้เพราะพี่เขาเองยังสามารถผ่านมันไปได้ และตอนนี้พี่เขาใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้แสดงอาการคิดถึงหรือความรู้สึกอะไรเลย แต่หนูก็ได้รับรู้ความจริงอีกเรื่องนั่นก็คือ "ความจริงพี่เขารักหนูมาก พี่เขาทำทุกอย่างสุดกำลังของเขาแล้ว แต่คุณพ่อไม่ยอมรับเลย หลายๆอย่างบีบคั้นทำให้เขาต้องยอมทำตามที่คุณพ่อบอก เขาไม่มีทางเลือกอื่น และพี่เขาเจ็บปวดไม่น้อยกว่าหนู"
สรุปแล้ว..เราทั้งสองคนไม่ได้ต้องการจากกันแบบนี้เลย หนูเข้าใจและไม่โทษพี่เขาเลยในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นเพราะพี่เขา และพี่เขาทำเต็มที่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้หนูเจ็บปวดอยู่จนถึงวันนี้ คือคำถามที่อยู่ในหัวตลอดเวลาว่า "ทำไมคุณพ่อถึงทำแบบนั้น.." เพราะหนูไม่เคยเจอคุณพ่อเลย แม้แต่คุยกันสักครั้งก็ยังไม่เคย หนูยอมรับได้ถ้าหากคุณพ่อกีดกันเพราะหนูไม่เหมาะสม หรือไม่ดีพอในจุดใดสำหรับเขา หนูเพียงแค่ต้องการทราบเหตุผลที่แท้จริงว่าเพราะอะไรพ่อถึงกีดกันเราขนาดนี้
แต่มันไม่มีทางออกเลยค่ะ จนตอนนี้ผ่านมาเกือบเดือนแล้วหนูก็ยังเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น หนูพยายามไม่สนใจและทำอย่างอื่นให้มากขึ้นเพื่อรักษาตัวเอง แต่มันก็ไม่ดีขึ้นเลยค่ะ
หนูจึงตัดสินใจเขียนกระทู้นี้ และขอความช่วยเหลือจากพี่ๆ ผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์หรือสามารถให้คำแนะนำในเรื่องนี้ได้
ช่วยให้คำแนะนำหรือแนวทางการดูแลความรู้สึก และรักษาสภาพจิตของหนูให้ดีขึ้นกว่านี้ทีค่ะ หนูไม่รู้จะหาทางออกยังไง คุยกับที่บ้านก็ไม่ได้เพราะที่บ้านหนูยังไม่ยอมรับพี่เขา 100% และที่บ้านหนูกำลังอยู่ในสภาวะตรึงเครียดหนูเลยไม่อยากทำให้คนในบ้านมีเรื่องไม่สบายขึ้นไปอีกค่ะ
หนูยังเป็นแค่เด็กม.ปลายและยังไม่เคยเจอเรื่องนี้มาก่อน เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่หนักและยากมากสำหรับหนู หนูจึงตัดสินใจขอคำแนะนำผ่านช่องทางนี้ค่ะ
ขอขอบพระคุณพี่ๆและผู้ใหญ่ทุกท่านที่เข้ามามากๆนะคะ 🙏