ลำพูน - นำชม คุ้มเจ้ายอดเรือน ณ ลำพูน ชายาของเจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์สุดท้าย

คุ้มเจ้ายอดเรือน ณ ลำพูน

บ้านเลขที่ 4 ถนนรถแก้ว ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน


ภาพเจ้ายอดเรือน ณ ลำพูน ในช่วงประมาณปี พ.ศ.2500


ประวัติเจ้าของบ้าน

..........เจ้ายอดเรือน ณ ลำพูน กำเนิดในราชตระกูล ณ ลำพูน
เป็นบุตรของเจ้าน้อยเมืองใจ๋ ณ ลำพูน และ เจ้าแว่น ณ ลำพูน ไม่สามารถค้นพบว่ากำเนิดเมื่อไร
เป็นชายาของเจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์
(เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์สุดท้าย มีชายา 4 องค์ คือ เจ้าแว่นแก้ว เจ้าแขกแก้ว เจ้าส่วนบุญ เจ้ายอดเรือน)
เจ้ายอดเรือนไม่มีบุตร ธิดา และได้รับความกรุณาและความโปรดเป็นอย่างยิ่งจากท่านเจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์

ภาพแสดงบ่อน้ำที่ใช้ภายในคุ้ม


..........เจ้ายอดเรือน ณ ลำพูน ทรงมีสิริโฉมยิ่งนัก
ท่านเจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ทรงมอบภาพถ่ายและสิ่งของเครื่องถ้วยชามและชุดถ้วยแก้วสั่งพิเศษจากประเทศอังกฤษ
ลงพระนามย่อ เนื้อแก้วสีชมพูสวยงามยิ่งนักให้กับเจ้ายอดเรือน
(ขณะเดียวกันทรงมอบชุดถ้วยแก้วสั่งพิเศษจากประเทศอังกฤษ ลงพระนามย่อเนื้อแก้วสีม่วงแบบเดียวกันนี้ให้กับเจ้าส่วนบุญ ณ ลำพูน)
ภายหลังจากเจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ถึงแก่พิลาลัย เจ้ายอดเรือนได้รับเงินเลี้ยงชีพจากทางราชการ
โดยเริ่มต้นได้รับเดือนละ 750 บาท และปรับสูงขึ้นจนกระทั่งถึงแก่กรรมในปี พ.ศ.2506
เจ้ายอดเรือนได้พำนักอยู่ ณ คุ้มแห่งนี้ระหว่างปี พ.ศ.2486-2506 เป็นเวลา 20 ปี


ประวัติบ้าน

ภาพถ่าย เจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์สุดท้าย

ภาพถ่ายเขียนไว้ว่า

"ให้ยอดเรือนไว้โดยความรัก 13/11/66"


..........คุ้มเจ้ายอดเรือน เป็นคุ้มซึ่งเจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ได้สร้างขึ้นให้แก่เจ้ายอดเรือนเมื่อปี พ.ศ.2470
โดยที่ขณะนั้นเจ้ายอดเรือนอาศัยอยู่ที่คุ้มหลวง
บ้านหลังนี้จึงใช้เป็นบ้านเช่าให้แก่ผู้พิพากษาจังหวัดลำพูน
จวบจนเจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ ถึงแก่พิลาลัย ใน พ.ศ.2486
เจ้ายอดเรือนจึงได้ย้ายออกจากคุ้มหลวง ไปอาศัยอยู่ที่คุ้มเจ้ายอดเรือนกับหลานสาว 7 คน
ซึ่งเป็นบุตรีกำพร้ามารดาของ เจ้าอินทนนท์ ณ ลำพูน ซึ่งเป็นน้องชายของเจ้ายอดเรือน ซึ่งมีรายนามดังนี้

1. นางพวงแก้ว นาคราช (ณ ลำพูน)

2. นางวนิดา ประเสริฐชัย (ณ ลำพูน)

3. นางวารุณี หล้าพระบาง (ณ ลำพูน)

4. นางอำภา เอกัตต์ (ณ ลำพูน)

5. นางราศรี ไชยยันต์ (ณ ลำพูน)

6. นางนฤมล สุขเกษม (ณ ลำพูน)

7. นางกาญจนา มหาแสน (ณ ลำพูน)


..........นางราศรี ไชยยันต์ เล่าว่าตอนเป็นเด็กอายุประมาณ 5-6 ขวบ
ได้เข้ามาอาศัยอยู่กับเจ้าป้ายอดเรือนกับพี่น้องทั้ง 7 คน
ด้านหน้าคุ้มจะมียุ้งข้าว ข่วงหน้าบ้าน และพืชพรรณไม้สวยงาม มีบ่าวไพร่อาศัยอยู่มากมาย
คุ้มซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเรือนจำเดิม (ปัจจุบันคือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหริภุญไชย)
ทุกเช้าจะได้ยินเสียงโซ่ตรวนของนักโทษที่ยึดข้อเท้าดังกร้องแกร้งๆ (เรียกนักโทษว่า "ขี้โซ่") เดินผ่านหน้าคุ้มเพื่อไปทำงานสาธารณะประโยชน์


..........นางราศรี ไชยยันต์ ได้ตั้งข้อสังเกตอีกว่า เสาเรือนคอนกรีตของคุ้มที่ฉาบด้วยซีเมนต์
และมีบัวหัวเสาจะมีเฉพาะเรือนของชายาเจ้าหลวงชั้นสูงเท่านั้น
เสาเรือนคอนกรีตของเจ้านาย หม่อมที่รองลงมาจะฉายด้วยปูนขาวด้วยเทคนิควิธีการที่ดีรองลงมา
ส่วนเสาเรือนของไพร่ พ่อค้า พลเรือนทั่วไปจะนิยมใช้ไม้จริงเท่านั้น


..........จนกระทั่งประมาณ ปี พ.ศ.2536 หลานสาวคนสุดท้ายจำเป็นต้องย้ายออกไป
จึงปิดบ้านไว้และมาดูแลเสมอทุกปี มีการจัดทำบุญในช่วงเทศกาลสงกรานต์
เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์และเจ้ายอดเรือน รวมถึงบรรพบุรุษทุกท่านตลอดมา
ปัจจุบันคุ้มเจ้ายอดเรือนได้รับการดูแลโดย นายบุญมี ไชยยันต์ และ นางราศรี ไชยยันต์ บุตรีคนที่ 5 ของเจ้าอินทนนท์ ณ ลำพูน
และครอบครองกรรมสิทธิ์โดย นางกาญจนา มหาแสน บุตรีคนที่ 7 ของเจ้าอินทนนท์ ณ ลำพูน

ลักษณะสถาปัตยกรรม

..........ตามการแบ่งประเภทสถาปัตยกรรม
คุ้มเจ้ายอดเรือน ณ ลำพูน นับเป็นเรือนพักอาศัยในระดับเจ้าครองนคร ที่มีสภาพดีมาก มีความเก่าแก่และรักษาสภาพเดิมที่ค่อนข้างสมบูรณ์

..........ลักษณะสภาพแวดล้อมประกอบไปด้วย
ข่วง ลานดินกว้างหน้าบ้าน และต้นไม้มงคล ให้ร่มเงาแก่ข่วง เดิมมียุ้งข้าว บ่อน้ำ และส่วนประกอบอื่นๆ ที่สมบูรณ์ในอดีต


..........เรือนไม้จริงทั้งหลัง ยกใต้ถุนสูงประมาณ 2.00 เมตร โปร่งโล่งตลอด
ฐานรากและเสาด้านล่างเป็นคอนกรีต เสาด้านล่างฉาบด้วยซีเมนต์ ด้วยเทคนิควิธีการชั้นสูงในสมัยร่วมร้อยปีที่แล้ว
ซึ่งทำให้ในปัจจุบันเสาและฐานรากด้านล่างยังแข็งแรงอย่างยิ่ง
เรือนชั้นบนทำด้วยไม้เนื้อแข็งโดยมากเป็นไม้สักมีความปราณีตละเอียดในการทำโครงสร้าง เสาไม้ โครงเคร่าฝาไม้ตีประกบด้วยไม้ฝา (ไม้แป้นฝา)
แนวนอนทั้งด้านในและด้านนอก พื้นปูด้วยไม้สัก (ไม้แป้นพื้น) ขนาดใหญ่ แข็งแรง แน่นหนา แม้ว่าจะผ่านการใช้งานมานาน
ส่วนเครื่องเรือนและอุปกรณ์อาคาร โคมไฟ สวิสท์ ยังพอหลงเหลือให้ได้ชมบางชิ้น
หน้าต่างเป็นแบบบานเปิดคู่ ทุกช่วงเสาตลอดทั้งเรือนสัดส่วนเรือนจากพื้นถึงเพดานค่อนข้างสูงแบบตะวันตก
มีช่องระบายอากาศใต้เพดานไม้ระแนงเพื่อระบายอากาศ ทำให้เย็นสบาย
หลังคาของเรือนเป็นทรงจั่วมนิลา ซึ่งเป็นรูปทรงที่ทันสมัยมากในขณะนั้น
โครงสร้างหลังคาเป็นไม้เนื้อแข็งทั้งหมดที่ผ่านการแปรรูปยังมีสภาพดี
มุงด้วยกระเบื้องซีเมนต์หรือกระเบื้องว่าวมุมยอดจั่วและมุมชายคาจะประดับประดาด้วยสะระไน ตามรูปแบบของเรือนคหบดี
ซึ่งน่าจะนำรูปแบบมาจากภาคกลางและจากเรือนขนมปังขิงในแบบของอังกฤษ แล้วนำมาประยุกต์ให้สัดส่วนเล็กลง


..........สภาพคุ้มเดิมมีอาณาบริเวณกว้างขวางกว่าปัจจุบัน
มีบ่อน้ำอยู่ทางทิศใต้สำหรับเป็นน้ำใช้
ทิศตะวันตกเป็นโรงครัวและที่พักของข้าทาสบริวารซึ่งปัจจุบันทำการรื้อถอนไปแล้ว
อาคารโรงครัวนั้นสร้างขึ้นพร้อมกับคุ้มแต่เริ่มมีการใช้งานในช่วงปีที่เจ้ายอดเรือนย้ายเข้ามาอาศัย
โดยก่อนหน้านั้นผู้พิพากษาได้ใช้ห้องชั้นบนทางด้านทิศตะวันตกเป็นห้องทำครัว ปัจจุบันยังปรากฏร่องรอยการใช้งานและรอยไฟไหม้อยู่


..........เมื่อเจ้ายอดเรือนย้ายเข้ามาพักอาศัย พร้อมหลานๆ และข้าทาสบริวาร ลักษณะการใช้งานพื้นที่ส่วนต่างๆ มีดังนี้

ชั้นล่างเป็นใต้ถุนโล่ง ส่วนชั้นบนนั้นประกอบด้วยอาคารหลังใหญ่และหลังเล็กอีก 1 หลังมีระเบียงเชื่อมอาคารหลังใหญ่ประกอบด้วยห้องทั้งหมด 5 ห้อง

1. ห้องรับแขกอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของตัวอาคาร

2. ห้องนอนเจ้ายอดเรือน อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอาคาร

3. ห้องทานอาหาร

4. ห้องนั่งเล่น

5. ห้องนอนเล็กใช้สำหรับเป็นห้องนอนของหลานๆ

..........ส่วนอาคารหลังเล็กนั้นหลังจากที่เคยใช้ห้องทางด้านทิศตะวันตกใช้เป็นห้องนอนของหลานๆ เจ้ายอดเรือน

..........ด้านหน้าอาคารมีการก่อปูนเป็นที่เก็บน้ำ ซึ่งคนรับใช้จะตักน้ำมาใส่ไว้ เพื่อใช้สำหรับล้างเท้าก่อนเดินขึ้นบ้าน

ภาพบันไดหน้าบ้านมีที่ใส่น้ำสำหรับตักล้างเท้า

บันได 4 ขั้นแรกเป็นก่ออิฐฉาบปูน ส่วนอีก 9 ขั้นขึ้นไปเป็นไม้


..........เมื่อเจ้ายอดเรือนถึงแก่กรรมใน พ.ศ.2506
หลานๆ ของเจ้ายอดเรือนยังคงอาศัยอยู่ในอาคารคุ้ม และมีการดัดแปลงขยายห้องนั่งเล่นให้มีขนาดใหญ่ขึ้น
โดยการเคลื่อนย้ายฝาผนังระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหาร ร่องรอยของฝาผนังเดิมยังปรากฏอยู่ในปัจจุบัน

ภาพแสดงร่องรอยการย้ายผนังเพื่อขยายห้องนั่งเล่น


..........นอกจากนั้น ได้ทำการรื้อถอนอาคารครัว และห้องน้ำออก มีการต่อเติมอาคารในช่วง พ.ศ.2512 ดังนี้

1. สร้างห้องน้ำและห้องเตรียมอาหารด้านทิศตะวันออกของระเบียงทางเชื่อมระหว่างอาคารหลังเล็กและหลังใหญ่

2. สร้างห้องครัวขึ้นแทนพื้นที่ที่เคยเป็นห้องน้ำเดิม

ภาพแสดง ชาน ห้องน้ำและห้องเตรียมอาหาร ที่ทำการต่อเติมขึ้นในปี พ.ศ. 2512


จะเห็นว่าพื้นไม้เดิมเริ่ม ผุ และ เก่ามาก จึงได้ดำเนินการเปลี่ยนไม่จริงใหม่ ด้วยไม้แดง เสร็จวันที่ 20 กรกฎาคม 2562


ร่องรอยขาวๆ นั้นเกิดจากฝนตกในช่วงเย็นหลังจากปิดคุ้มไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้งานเคลือบไม้เกิดรอยด่าง
(ถ่ายเก็บไว้เป็นหลักฐานวันที่ 21 กรกฎาคม 2562)
3. ต่อเติมใต้ถุนชั้นล่างเป็นห้องเขียนแบบ สำหรับลูกศิษย์ของนายบุญมี ไชยยันต์ ซึ่งเป็นสามีของนางราศรี ไชยยันต์ หลานคนที่ 5 ของเจ้ายอดเรือน
ในสมัยนั้น นายบุญมี รับราชการเป็นอาจารย์ภาควิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีและอาชีวะศึกษา วิทยาเขตเทคนิคภาคพายัพ
และมีลูกศิษย์จากต่างจังหวัดที่มาเรียนและไม่มีที่พัก

ภาพแสดงห้องเขียนแบบ ต่อเติมในปี พ.ศ. 2512


..........ปัจจุบันคุ้มเจ้ายอดเรือนได้รับการดูแลโดย นายบุญมี ไชยยันต์ และ นางราศรี ไชยยันต์
อาคารหลังใหญ่นั้นปิดไว้ไม่ได้มีการใช้งาน ด้านการพักอาศัย
แต่ในอดีตเคยใช้บริเวณรอบๆ คุ้มเป็นร้านขายต้นไม้ ไม้ดอกไม้ประดับ เรือนเพาะชำเล็กๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่