มีใครโดน where we belong effect บ้างไหมครับ

ผมไม่รู้ว่าปกติเขาเรียกอาการแบบนี้ว่าอะไรนะครับ แต่อาการนี้มันเริ่มขึ้นตั้งแต่ผมดูหนังเรื่อง where we belong
และผมกำลังมีอาการเบื่อสังคมแบบเดียวกับซูนางเอกของเรื่อง ผมเลยเรียกอาการนี้ของผมเองว่า wwbl effect

ก่อนอื่นขอเล่าถึงสังคมที่ผมอยู่ก่อน

สังคมบ้านผมน่ะ คงเรียกได้เต็มปากว่าเป็นสังคมตลาดล่างของแท้ ผมอยู่ในสลัมใจกลางเมืองมาตั้งแต่เด็กๆ ที่นี่เต็มไปด้วยเด็กติดยาและพวกขี้ขโมย
และญาติผมคือหนึ่งในผู้ค้ายารายย่อย
(จริงๆเรียกว่าแค่เด็กเดินน่าจะถูกกว่า)
ตำรวจเดินเข้าออกบ้านผมประจำ
ที่หน้าบ้านผมมีปาตี้นั่งกินเหล้าแทบทุกวัน เรื่องชกต่อย ทะเลาะ แหกปาก โวยวาย ทั้งคนในบ้านทะเลาะกันเอง
และคนในซอยเมาและทะเลาะกัน
มีจนเป็นเรื่องปกติของซอยผม
ผมไม่คุยกับคนในซอยและคนในสังคมเดียวกันเลย เพราะถ้าได้รู้จักเมื่อไหร่
จะโดนยืมเงิน พวกเขาเรียกว่าการซื้อใจอะนะ -​ -​ จริงใจต่อกันเรื่องเงินมิใช่ปัญหา
ที่นี่เรื่องยาหาง่ายมากกก ให้ค่าเดินแค่หนึ่งขาก็พอ(ไม่เอาเงินด้วย)​
ไม่ใช่แค่ในซอยแต่เรียกได้ว่าแถวที่ผมอยู่เป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่มีการพัฒนา​อะไร

ฟังดูเป็นสังคมที่เลวร้าย แต่ผมก็อยู่ที่นี่
มาตั้งแต่เด็กจนโตโดยไม่คิดอะไร
และผมก็ไม่เคยคิดว่ามันเลวร้ายเลยด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าชิน

จนกระทั่งผมได้ดูหนังเรื่อง wwbl 
หนังเรื่องนี้พูดถึงซูที่เบื่อสังคมตัวเอง
และตัดสินใจที่จะหนีออกไป
ผมจะไม่เล่านะ อยากให้ไปดูกันเอง
แต่หนังเรื่องนี้ทำให้ผมมานั่งคิดอะไรและตั้งคำถามหลายๆอย่างกับตัวเอง
จนกระทั่งมาถึงคำถามที่ว่า

"ที่ๆผมอยู่มันดีรึเปล่านะ" 

คำตอบคือ"ไม่" 
ผมหลีกเลี่ยงคนพวกนั้นมาตลอด 
ถ้ามันดี ผมคงอยากกลับไปพักผ่อน
ถ้ามันดี ผมคงไม่ขับมอเตอร์ไซค์​ร่อนไปร่อนจนดึก 
ถ้ามันดี ผมคงคุยกับชาวบ้าน
สังคมนี้เป็นสาเหตุที่ผมเก็บตัวไม่คุยไม่สุงสิงกับใคร
แต่ทำไมที่ผ่านมาผมถึงไม่รู้ตัวเลยนะ
ผมน่ะอึดอัดมาตลอด แต่เก็บมันเอาไว้
เพราะไม่สามารถหาเหตุผลที่ตัวเอง
ต้องออกไปอยู่ที่อื่นได้
จริงๆก่อนที่ดูหนังเรื่องนี้ ผมยังแฮปปี้
กับชีวิตและคิดว่าตัวเองโชคดีอยู่เลยนะ
นี่ผมหลอกตัวเองไปเบอร์ไหนวะเนี่ย

พอในหัวผมเริ่มคิดแบบนั้น
ผมก็เริ่มที่จะอึดอัดกับสังคมของตัวเอง
เสียงทะเลาะที่มีอยู่ประจำทำให้ผมไม่สามารถนอนหลับได้
เด็กเดินยาเสี่ยงคุกแลกกับยาแค่หนึ่งขา
ทำให้ผมเริ่มขยะแขยง​ในทัศนคติ​ของเขา 
ป้าผมที่ชอบมาขอเงินกินข้าวผมประจำเริ่มทำให้ผมเริ่มรู้สมเพชเขาและลูกของเขา(ซึ่งเป็นพี่ของผม)​
ผมเริ่มรู้สึกสงสารพวกเด็กแถวบ้านที่พ่อแม่ปล่อยออกมาเล่นตอนตี1 ตี2
และพากันไปขโมยของ
แสดงถึงความละเลยของพ่อแม่เด็กพวกนั้น
ผมรู้สึกรำคาญเวลาที่คนพวกนั้นอวดโม้และเอาเรื่องเลวๆมาข่มกัน
ทั้งการมีลูกพี่ การได้มอมยา ข่มขืน การไล่กระทืบทำร้ายร่างกายคนอื่น
ล้วนแต่เป็นเรื่องที่พวกนั้นภูมิใจ

สิ่งเหล่ามันหนักขึ้นทุกวันๆจนผมอยากจะหนีไปจากที่ตรงนี้
และมันก็เกิดอีกคำถามตามมา
"แล้วจะไปที่ไหนละ" 
คำตอบคือ "ที่ไหนก็ได้" 
แต่พอมองออกไปอีกทีในมุมที่กว้างขึ้น
ผมก็พบว่า ในประเทศนี้ ที่ไหนก็เหมือนกันสังคมแบบที่บ้านผมมีอยู่ทั่วไปหมด
ทุกวันที่ออกมาทำงาน
ผมก็ต้องเจอกับคนขับรถเห็นแก่ตัว
ทุกวัน มอไซค์ฝ่าแดงจนเป็นเรื่องปกติ
สามล้อแหกปากเรียกชาวต่างชาติ
ยิ่งอ่านข่าวยิ่งก็ยิ่งเหนี่อยใจ
หลายๆข่าวมันตอบย้ำผมว่าคนแบบนั้น
มีอยู่ในทุกที่และมันยังกำเริญกันมากขึ้นทุกวันๆ
วงการบรรเทิงพักหลังๆก็หยาบคาย
กับจนเป็นปกติ ตลาดล่างมากมาย
โด่งดังมีคนชื่นชอบ
คลิปเกี่ยวกับใต้สะดือคนดูเป็นล้าน
ตำรวจมีเหมือนไม่มี
นั้นวันยิ่งดูจะถอยลงไปเรื่อยๆ
หลายๆสิ่งหลายๆอย่างมันตอบย้ำผมว่า
ที่นี่ไม่ใช่ที่ของผม มันคือที่ของคนพวกนั้นตะหาก
ยิ่งคิดก็ยิ่งทรมานยิ่งคิดก็ยิ่งสิ้นหวัง
ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากจะรีบไปให้ไกลจากที่นี่

แต่ผมก็ไม่มีปัญญาที่จะออกจากที่นี่
ตอนนี้ผมได้แต่พยามโยนเรื่องพวกนี้
ออกจากหัวเพราะยิ่งคิดก็ยิ่งจิตตก
พยามมองไปทางที่ดีๆของสังคม
เพื่อจะโยนเรื่องพวกนี้ออกจากหัวให้ได้
เพื่อจะมีชีวิตตามปกติไม่หดหู่เกินไป
ในตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองมองโลกในแง่ร้ายเกินไปแต่ก็ไม่รู้ว่าที่เห็นอยู่

มันคือมองโลกในแง่ร้ายรึความเป็นจริงกันแน่

ขอบคุณอุตส่าห์​อ่านจนจบนะครับ
จริงๆแค่อยากระบายความรู้สึกเท่านั้นเอง -​ -​ ไม่รู้จะขอบคุณพี่คงเดช
รึจะด่าพี่คงเดชดี ที่มาทำให้ผมเป็นขนาดนี้ได้เนี่ย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่