ตอนนี้เราทำงานในบริษัทของสามีค่ะ เป็นคนบริหารจัดการทุกอย่างเกี่ยวกับบริษัท ที่เราทำเพราะโดนบังคับทางอ้อมนะคะ จริงๆไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะได้มาทำตรงนี้
ปกติเรามีปัญหากับคนในบ้านสามีอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่ต่างคนต่างอยู่ ไม่ค่อยเจอกัน เลยไม่ได้มีเรื่องน่าหงุดหงิดใจมากมายเท่าไหร่
แต่พอมาทำบริษัท กลายเป็นว่าเราคือหัวหน้าครอบครัวของบ้านสามีไปโดยปริยาย จะมีแม่สามีที่จะเบิกทุกอย่างที่อยากจะเบิก ซึ่งก่อนทำเรามีเอกสารเรื่องข้อตกลงกันอยู่แล้ว ว่าจะรับผิดชอบค่าอะไรภายในบ้านบ้าง ซึ่งทุกครั้งที่เจอหน้าแม่สามี เราจะต้องโดนทวงค่าสัพเพเหระต่างๆ เช่น ค่าประกันส่วนตัว ค่าข้าวที่ซื้อมาให้เองไม่มีใครสั่ง ค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำค่าไฟตึกเช่าของแม่สามีเอง ค่าโทรศัพท์มือถือ เงินเดือน ค่าทีวี ค่าแม่บ้าน สาระพัดค่าที่เขาจะคิดได้ หลังๆเราเลยลำบากใจที่จะให้ เห็นหน้าเราเป็นตู้เอทีเอ็มหรือยังไงก็ไม่รู้🙂
เราเทคโอเวอร์บริษัทมาในราคาหลายล้าน+ต้องยอมรับสภาพพนักงานที่ไม่มีคุณภาพเกือบ30คน เพราะถือว่าอยู่ด้วยกันมานาน แถมบริษัทก็เป็นธุรกิจขาลงด้วย นับวันลูกค้ายิ่งน้อยลง เราก็ยิ่งต้องทำการบ้านให้หนักขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่ใครเห็นใจเราเลยค่ะ
เราไม่มีเพื่อน ครอบครัวเรานับวันยิ่งห่างเหิน สามีก็เป็นคนกลางที่ลำบากใจ สรุปว่าเราไม่มีทางระบายเลย (มีพบจิตแพทย์2ครั้ง ครั้งที่สองนี่ร้องไห้อย่างกับคนรู้จักกับหมอมาเนิ่นนาน😅)
เราเลยอยากระบาย อยากมีเพื่อนๆพี่ๆให้คำแนะนำ ว่าควรคิดอย่างไร จัดการความคิดอคตินี้ยังไง
สำหรับเรา ชีวิตการเป็นผู้ใหญ่มันยากจริงๆนะคะ การเป็นคนที่ทุกคนคาดหวัง การเป็นคนที่เก่งในสายตาใครๆ ทั้งๆที่ใจเราอยากมีคนดูแล 😔
ข้อวิธีรับมือกับแม่สามีประเภทนี้หน่อยค่ะ
ปกติเรามีปัญหากับคนในบ้านสามีอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่ต่างคนต่างอยู่ ไม่ค่อยเจอกัน เลยไม่ได้มีเรื่องน่าหงุดหงิดใจมากมายเท่าไหร่
แต่พอมาทำบริษัท กลายเป็นว่าเราคือหัวหน้าครอบครัวของบ้านสามีไปโดยปริยาย จะมีแม่สามีที่จะเบิกทุกอย่างที่อยากจะเบิก ซึ่งก่อนทำเรามีเอกสารเรื่องข้อตกลงกันอยู่แล้ว ว่าจะรับผิดชอบค่าอะไรภายในบ้านบ้าง ซึ่งทุกครั้งที่เจอหน้าแม่สามี เราจะต้องโดนทวงค่าสัพเพเหระต่างๆ เช่น ค่าประกันส่วนตัว ค่าข้าวที่ซื้อมาให้เองไม่มีใครสั่ง ค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำค่าไฟตึกเช่าของแม่สามีเอง ค่าโทรศัพท์มือถือ เงินเดือน ค่าทีวี ค่าแม่บ้าน สาระพัดค่าที่เขาจะคิดได้ หลังๆเราเลยลำบากใจที่จะให้ เห็นหน้าเราเป็นตู้เอทีเอ็มหรือยังไงก็ไม่รู้🙂
เราเทคโอเวอร์บริษัทมาในราคาหลายล้าน+ต้องยอมรับสภาพพนักงานที่ไม่มีคุณภาพเกือบ30คน เพราะถือว่าอยู่ด้วยกันมานาน แถมบริษัทก็เป็นธุรกิจขาลงด้วย นับวันลูกค้ายิ่งน้อยลง เราก็ยิ่งต้องทำการบ้านให้หนักขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่ใครเห็นใจเราเลยค่ะ
เราไม่มีเพื่อน ครอบครัวเรานับวันยิ่งห่างเหิน สามีก็เป็นคนกลางที่ลำบากใจ สรุปว่าเราไม่มีทางระบายเลย (มีพบจิตแพทย์2ครั้ง ครั้งที่สองนี่ร้องไห้อย่างกับคนรู้จักกับหมอมาเนิ่นนาน😅)
เราเลยอยากระบาย อยากมีเพื่อนๆพี่ๆให้คำแนะนำ ว่าควรคิดอย่างไร จัดการความคิดอคตินี้ยังไง
สำหรับเรา ชีวิตการเป็นผู้ใหญ่มันยากจริงๆนะคะ การเป็นคนที่ทุกคนคาดหวัง การเป็นคนที่เก่งในสายตาใครๆ ทั้งๆที่ใจเราอยากมีคนดูแล 😔