สวัสดีค่ะทุกท่าน
หนึ่งใน Landmark สำคัญอับดับต้นๆ ของญี่ปุ่นก็คือภูเขาไฟฟูจิใช่มั้ยคะ หลายคนปักหมุดในการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกไว้เลยว่าจะต้องไปเห็นกับตา เราคนนึงก็เป็นเช่นนั้น แต่ว่าจะได้เห็นต้องครั้ง 2 -3 ไปแล้วนู่นเลย มีความขี้อายสมชื่อจริงๆ อย่ากระนั้นเลยค่ะ ไหนๆ ก็ขี้อายขนาดนั้นแล้ว เราลุยไปให้ถึงยอดฟูจิเลยดีกว่า จะได้เห็นว่าเมื่ออยู่บนนั้นแล้วเราจะมองเห็นอะไร ในมุมมองจากยอดภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น
เมื่อปีที่แล้ว ในช่วงเวลานี้แหละ 22-23 กค. 2018 เราได้มีโอกาสไปสัมผัสยอดภูเขาไฟฟูจิ ที่เคยคิดว่าเราคงทำไม่ได้หรอก เพราะเราก็อายุไม่ใช่น้อยแล้ว (40+) เราไม่แข็งแรง เราไม่ออกกำลังกายเลย คิดว่าชาตินี้คงไม่ได้ไปหรอก แต่พอจังหวะมันจะได้ไปแบบ "เอาวะไปก็ไป" ก็เลยฮึบและเตรียมพร้อมร่างกายหน่อย อย่างน้อยก็ 3 เดือนก่อนปีน
ก่อนปีนฟูจิ
เดือนมีนาคม -> เราได้ตั๋วไปญี่ปุ่น Thai Air Asia X ไป-กลับ 2x,xxx (ไปแบบ Flat Bed)
เดือนเมษายน ->เริ่มจองที่พักแต่เต็ม!! ก็เลยตัดสินใจซื้อทัวร์ Willer Express Fuji Tour (มีเหตุผลอีกนิดขยายข้างล่างค่ะ)
เดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม -> ออกกำลังกายด้วยการวิ่ง+เวท อาทิตย์ละ 3 วัน บางอาทิตย์ก็ไม่ได้ทำ -"-
ทำไม่ถึงเลือกใช้ทัวร์
1. เราจองที่พักชั้นบนสุดไม่ได้ คือตอนที่เค้าเปิดให้จองเป็นช่วงหยุดยาวสงกรานต์แล้วเราลืม พอกดเข้าไปอีกที มันเต็มไปแล้วประกอบกับขี้เกียจหาที่อื่นแล้วด้วยในช่วงนั้นยุ่งๆ หลายอย่าง
2. เราไม่มีอุปกรณ์ปีนเขาใดๆ เลย ถ้าไปเองก็ต้องซื้อใหม่ทั้งหมด และอาจจะได้ใช้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวด้วย
3. การมีผู้นำทางอาจจะดีกว่าดุ่ยๆ ไปกันเอง และอายุ 40+ แบบง่อยๆ ออกกำลังกายแบบง้องแง้งๆ แถมไปปั่นจักรยานก็เป็นลม ไปเดินขึ้นเขาเตี้ยๆ ก็เป็นลม เออ เจ้าจงใช้เงินแก้ปัญหาเถอะนะ เดี๋ยวจะเป็นภาระคนข้างๆ เปล่าๆ
เหตุผล 3 ข้อนี้ ก็เลยตัดสินใจไปดูทัวร์ของ Willer Express Fuji Tour
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตาม link นี้ http://willerexpress.com/en/fuji/tokyo/?fbclid=IwAR1jAVdZVoMbF6jxi1H_6fbLOdtPExegVozvMUVWl-gY4RGWsIJZrCf8_yk
ทัวร์มีแบบไหนบ้าง ทัวร์มี 2 แบบ
แบบแรกคือไม่มีอุปกรณ์ให้ราคาอยู่ที่ 27,800 เยน*
แบบที่ 2 คือมีอุปกรณ์ปีนเขาแบบครบเซ็ท ได้แก่ ชุดกันลมกันฝน (เสื้อ+กางเกง), ไม้เท้า 1 คู่, รองเท้าปีนเขา, เป้ และไฟฉายคาดหัว อันนี้อยู่ที่ 36,800 เยน*

ทั้ง 2 แบบ จะมีโปรแกรมเหมือนกันคือ รถบัสออกจากชินจุกุ ไปส่งชั้น 5 และรับกลับมาโตเกียวในอีกวัน, ที่พัก 1 คืนที่ชั้น 8 ชื่อ Tomoe-kan (ความสูงมากกว่า 3,200 เมตร ซึ่งเราต้องการสูงๆ แบบนี้ กลัวจะเป็น ams), อาหาร 2 มื้อ มื้อเย็นตอนไปถึง hut และ ตอนเช้า ตอนลงมาจากชั้น 10 แล้ว
(*เป็นค่าทัวร์ปี 2018 ปีต่อๆ ไปอาจจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วนะคะ)
วันเริ่มเดินทาง (22 กค. 61)
7:30 นัดกันที่ Shinjuku Central Building ต้องไปก่อนประมาณครึ่ง ชม. เพื่อเช็คชื่อ แจกของไรงี้ จากนั้นรถออกตรงเวลา ในกลุ่มเราจมีลูกทัวร์ 25 คน นานาชาติมากมีแคนาดา อังกฤษ ฮ่องกง สิงคโปร์ และไทย และไกด์ประจำรถ 1 คน เค้าก็แนะนำ อธิบายโปรแกรมทัวร์นู่นนี่

9:30 ถึงที่พักรถ เราก็ไปเข้าห้องนำ ซื้อของอะไรได้ (ส่วนเราลงไปโด๊ปสตาร์บักส์หน่อยนึง)
10:30 ถึงร้านเช่าชุด ถ้าเราเลือกโปรแกรมรวมเช่าชุดปีนเขาไว้ด้วย เค้าจะเตรียมทุกอย่างไว้ให้ แล้วเราก็ไปลองว่าโอเคมั้ย ถ้าไม่ก็เปลี่ยนได้
10:50 ถึงชั้น 5 ของเส้นทาง Yoshida Trail แวะพักทานข้าว เปลี่ยนชุด เอาของเก็บล็อคเกอร์
11:40 มารวมตัวบรี๊ฟกันก่อนขึ้นเขา วอร์มอัพกันนิดหน่อย พร้อมทำความตกลงกันเรื่องการเดิน การหายใจลึกๆ ช้าๆ จิบน้ำบ่อยๆ ป้องกัน ams ให้เดินช้าๆ ห้ามเดินแซงไกด์ ตามไกด์อย่างเดียว ไกด์บอกว่าใครแซงไกด์ละก็ "I'll Kill You!!" แล้วประมาณเที่ยงเริ่มเดินทางออกจากชั้น 5 ไปชั้น 6 ช่วงนี้ชิลๆ ได้ เพราะเส้นทางผ่านป่าสนเบาๆ วันนี้อากาศดีมาก มีเมฆหมอกครึ้มเหมือนฝนจะตก แต่ไม่ตกเลย อากาศเลยเย็นสบายไม่มีแดดตลอดเส้นทาง (ช่วงนี้มีแวะพักเป็นระยะๆ ไกด้์จะย้ำเรื่องเดินช้าๆ หายใจช้าๆ ตลอด)

13:00 ถึงชั้น 6 หยุดพักประมาณ 15 นาที จะเข้าห้องน้ำ จะแวะกินขนมกินน้ำก็ตามสบาย และเตรียมตัวปีนของจริง ช่วง 6-7 เดินขึ้นเป็นทางแบบซิกแซกลาดชันน้อย ค่อยๆ เดิน เหนื่อยนิดๆ ไม้เท้าคืออุปกรณ์เทพมากๆ ช่วยชีวิตได้เยอะมาก

14:30 ถึงชั้น 7 เราจะมีพักกันที่ Tomoe-kan ชั้น 7 พักแบบเข้าไปนั่งกินชา กินน้ำ กินหนมได้เลย
❗ ระหว่างเดินขึ้นกับไกด์จะช้ามากๆ ถ้ามีคนจะแซงก็ให้เค้าแซงไป ทัวร์นี้ค่อนข้างเซฟ ไม่รีบ ไม่เร่ง ให้กำลังใจตลอดทาง เพราะเราเป็นตัวแทนชาวไทยที่อ่อนแอ .. (ขอโทษนะทุกคน ฮือออ..T_T) เราเลยรั้งท้ายอยู่เรื่อยๆ (จากเดินตามไกด์ข้างหน้าอยู่ดีๆ พอถึงชั้น 7 ไป 8 เราไปอยู่กลุ่มท้ายสุดเลย)
15:30 ไปชั้น 8 ต่อ อันนี้แหละ ปีนป่ายของจริง มันเป็นหินก้อนใหญ่ๆ สำหรับเราตรงนี้ยากสุดๆ ในการปีนขาขึ้น ต้องมีสกิลการหาจุดปีนด้วย มือต้องเกาะเหนี่ยวไต่หินไปด้วย ไม้เท้ายังช่วยได้อยู่

❗ ใครที่จะซื้อไม้พลองมาปั๊ม ก็จัดไปนะ แต่หวังจะให้มาช่วยปีนป่ายด้วยมั้ยเนี่ย เราว่าไม่ช่วย ออกจะเกะกะเสียมากกว่า ตัวเราเองเอามาแค่ไม้พลอง 1 ฟุต เอามาปั๊มที่ hut ที่เราพัก กับชั้นสูงสุด สรุปทั้งหมดได้ 3 ที่เอง แต่ก็โอเคแหละ
18:00 ถึงชั้น 8 ที่ระดับ 3,250 พอพ้นช่วงหินๆ ชันๆ ก็จะเป็นทางซิกแซกอีกครั้ง ใกล้ถึงที่พักละ มองจากระยะไกลๆ คือหลังคาที่สูงที่สุด แต่เราจะไม่มองค่ะ ก้มหน้าก้มตาเดินๆ ไป (ณ เวลานี้ ใครที่แรงดีๆ ก็จะถึงที่พักแล้วนะ)

19:00 เราถึงที่พักแล้ว Tomoe-kan ชั้น 8 เป็นกลุ่ม hut ที่อยู่สูงสุดของชั้น 8 ละ จากนี้ก็จะมีอีก hut เดียว คือที่ 8.5 แล้วก็ไปชั้น 10 เลย ที่พักนอนแบบรวมๆ เรียงกันเป็นปลาทู แต่ตรงที่เรานอนดีอย่างนึงคือไม่อึดอัด โล่งๆ หน่อย
20:00 ทานอาหารค่ำ ก็เป็นแกงกะหรี่ กับหมูฮัมเบิร์ก เรากินแต่หมูแหละ ตัวแกงกะหรี่ไม่กล้ากินกลัวเสาะท้อง เดี๋ยวมีปัญหาเรื่องห้องน้ำ

❗เรื่องห้องน้ำ ความจริงตลอดการเดินขึ้นเราไม่ได้เข้าห้องน้ำระหว่างทางเลย แต่ที่พักที่นี่ห้องน้ำดีมาก สะอาดมาก ไม่เหม็นเลย โอเคมากๆ
❗ ระหว่างทานข้าวไกด์จะมาแนะนำการปีนต่อไปถึงชั้น 10 +ขายของนิดๆ สำหรับการปีนต่อในช่วงดึก
เราจะได้นอนพักถึงประมาณตี 1 แล้ว ตี 1 ครึ่งก็จะเดินต่อไปชั้น 10 ทีนี้ไกด์ก็จะบอกว่ามันก็จะยากนะมันมืด จะไม่ไปก็ได้ นอนนี่และเดี๋ยว 8 โมงเดินลงไปชั้น 5 ส่วนคนที่ไปต่อเราจะต้องเริ่มเดินตอนตี 1 ครึ่ง และไปถึงก่อนตี 4 ครึ่ง (พระอาทิตย์ขึ้นตอนนั้น) จากนั้นใครอยากจะไปเดินรอบ crater ก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ไกด์จะพาไป แต่เสียตังค์เพิ่มนะ คนละ 500 เยน (ขายของอย่างที่ 1) ก็มีคนยกมือกันพรึ่บพรั่บ ส่วนเราไม่ไปเอาแค่ถึงชั้น 10 ก็สุดๆ ละ แต่เราส่งตัวแทนหมู่บ้านไป นางบอกต้องไปให้สุดดิเฮ้ยยย !! โอเค ก็ส่งตัวแทนไปถ่ายรูปมา เดี๋ยวเราจะอุ๊บอิ๊บมาเป็นของเรา โอเคนะ ต่อมาเรื่องโปสการ์ด ถ้าใครอยากจะเขียนโปสการ์ดข้างบนอย่าไปเขียนเพราะคนจะเยอะมาก หนาแน่นมาก เขียนตรงนี้เลยที่ hut นี่แหละ ทาง hut จะจัดการส่งให้เราเอง เดี๋ยวจะไปส่งที่ชั้น 10 ให้เลย เพราะที่นั่นจะมีตราประทับไปรษณีย์ที่สูงที่สุดของญี่ปุ่นอยู่ หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว (ขายของเก่งไปอีก) อะก็โดนไปสิคะ 500 เยน ได้มา 3 แผ่นบวก stamp ส่งถึงไทย เขียนเสร็จเรียบร้อยก็ให้ hut จัดการต่อ ส่วนขายของอย่างสุดท้ายคือ "เช่าชุดกันหนาว" กรณีที่เราไม่ได้แบกเสัอกันหนาวขึ้นมา อุณหภูมิบนยอดฟูจิประมาณ 0-2 องศา หนาวมากๆ แหละ และเราก็ไม่ได้เอามา ก็เลยเช่าไปจ้าาา 500 เยน เสียตังค์สบายใจก็ไปนอนเอาแรงกันได้

โปสการ์ด+ตราประทับ ที่ไม่ต้องไปรอที่ชั้นบนสุด เอาเงินฟาดตรงนี้ก็ได้มาค่ะ ^^
---- จบ Day 1 -----
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ทำ vdo รีวิวปีนฟูจิกับ willer express ไว้ ดูได้ที่นี่ค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=Anzx1AhMpuU
**** ขอไปเรียบเรียงรูป และการเดินขึ้นและลงในวันที่ 2 แล้วจะกลับมาเล่าต่อค่ะ ****
[CR] (รีวิว) "เราเห็นฟูจิแล้ว ฟูจิล่ะเห็นอะไร" ชวนปีนฟูจิแบบไปกับทัวร์ค่ะ
หนึ่งใน Landmark สำคัญอับดับต้นๆ ของญี่ปุ่นก็คือภูเขาไฟฟูจิใช่มั้ยคะ หลายคนปักหมุดในการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกไว้เลยว่าจะต้องไปเห็นกับตา เราคนนึงก็เป็นเช่นนั้น แต่ว่าจะได้เห็นต้องครั้ง 2 -3 ไปแล้วนู่นเลย มีความขี้อายสมชื่อจริงๆ อย่ากระนั้นเลยค่ะ ไหนๆ ก็ขี้อายขนาดนั้นแล้ว เราลุยไปให้ถึงยอดฟูจิเลยดีกว่า จะได้เห็นว่าเมื่ออยู่บนนั้นแล้วเราจะมองเห็นอะไร ในมุมมองจากยอดภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น
เมื่อปีที่แล้ว ในช่วงเวลานี้แหละ 22-23 กค. 2018 เราได้มีโอกาสไปสัมผัสยอดภูเขาไฟฟูจิ ที่เคยคิดว่าเราคงทำไม่ได้หรอก เพราะเราก็อายุไม่ใช่น้อยแล้ว (40+) เราไม่แข็งแรง เราไม่ออกกำลังกายเลย คิดว่าชาตินี้คงไม่ได้ไปหรอก แต่พอจังหวะมันจะได้ไปแบบ "เอาวะไปก็ไป" ก็เลยฮึบและเตรียมพร้อมร่างกายหน่อย อย่างน้อยก็ 3 เดือนก่อนปีน
ก่อนปีนฟูจิ
เดือนมีนาคม -> เราได้ตั๋วไปญี่ปุ่น Thai Air Asia X ไป-กลับ 2x,xxx (ไปแบบ Flat Bed)
เดือนเมษายน ->เริ่มจองที่พักแต่เต็ม!! ก็เลยตัดสินใจซื้อทัวร์ Willer Express Fuji Tour (มีเหตุผลอีกนิดขยายข้างล่างค่ะ)
เดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม -> ออกกำลังกายด้วยการวิ่ง+เวท อาทิตย์ละ 3 วัน บางอาทิตย์ก็ไม่ได้ทำ -"-
ทำไม่ถึงเลือกใช้ทัวร์
1. เราจองที่พักชั้นบนสุดไม่ได้ คือตอนที่เค้าเปิดให้จองเป็นช่วงหยุดยาวสงกรานต์แล้วเราลืม พอกดเข้าไปอีกที มันเต็มไปแล้วประกอบกับขี้เกียจหาที่อื่นแล้วด้วยในช่วงนั้นยุ่งๆ หลายอย่าง
2. เราไม่มีอุปกรณ์ปีนเขาใดๆ เลย ถ้าไปเองก็ต้องซื้อใหม่ทั้งหมด และอาจจะได้ใช้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวด้วย
3. การมีผู้นำทางอาจจะดีกว่าดุ่ยๆ ไปกันเอง และอายุ 40+ แบบง่อยๆ ออกกำลังกายแบบง้องแง้งๆ แถมไปปั่นจักรยานก็เป็นลม ไปเดินขึ้นเขาเตี้ยๆ ก็เป็นลม เออ เจ้าจงใช้เงินแก้ปัญหาเถอะนะ เดี๋ยวจะเป็นภาระคนข้างๆ เปล่าๆ
เหตุผล 3 ข้อนี้ ก็เลยตัดสินใจไปดูทัวร์ของ Willer Express Fuji Tour
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทัวร์มีแบบไหนบ้าง ทัวร์มี 2 แบบ
แบบแรกคือไม่มีอุปกรณ์ให้ราคาอยู่ที่ 27,800 เยน*
แบบที่ 2 คือมีอุปกรณ์ปีนเขาแบบครบเซ็ท ได้แก่ ชุดกันลมกันฝน (เสื้อ+กางเกง), ไม้เท้า 1 คู่, รองเท้าปีนเขา, เป้ และไฟฉายคาดหัว อันนี้อยู่ที่ 36,800 เยน*
ทั้ง 2 แบบ จะมีโปรแกรมเหมือนกันคือ รถบัสออกจากชินจุกุ ไปส่งชั้น 5 และรับกลับมาโตเกียวในอีกวัน, ที่พัก 1 คืนที่ชั้น 8 ชื่อ Tomoe-kan (ความสูงมากกว่า 3,200 เมตร ซึ่งเราต้องการสูงๆ แบบนี้ กลัวจะเป็น ams), อาหาร 2 มื้อ มื้อเย็นตอนไปถึง hut และ ตอนเช้า ตอนลงมาจากชั้น 10 แล้ว
(*เป็นค่าทัวร์ปี 2018 ปีต่อๆ ไปอาจจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วนะคะ)
วันเริ่มเดินทาง (22 กค. 61)
7:30 นัดกันที่ Shinjuku Central Building ต้องไปก่อนประมาณครึ่ง ชม. เพื่อเช็คชื่อ แจกของไรงี้ จากนั้นรถออกตรงเวลา ในกลุ่มเราจมีลูกทัวร์ 25 คน นานาชาติมากมีแคนาดา อังกฤษ ฮ่องกง สิงคโปร์ และไทย และไกด์ประจำรถ 1 คน เค้าก็แนะนำ อธิบายโปรแกรมทัวร์นู่นนี่
9:30 ถึงที่พักรถ เราก็ไปเข้าห้องนำ ซื้อของอะไรได้ (ส่วนเราลงไปโด๊ปสตาร์บักส์หน่อยนึง)
10:30 ถึงร้านเช่าชุด ถ้าเราเลือกโปรแกรมรวมเช่าชุดปีนเขาไว้ด้วย เค้าจะเตรียมทุกอย่างไว้ให้ แล้วเราก็ไปลองว่าโอเคมั้ย ถ้าไม่ก็เปลี่ยนได้
10:50 ถึงชั้น 5 ของเส้นทาง Yoshida Trail แวะพักทานข้าว เปลี่ยนชุด เอาของเก็บล็อคเกอร์
11:40 มารวมตัวบรี๊ฟกันก่อนขึ้นเขา วอร์มอัพกันนิดหน่อย พร้อมทำความตกลงกันเรื่องการเดิน การหายใจลึกๆ ช้าๆ จิบน้ำบ่อยๆ ป้องกัน ams ให้เดินช้าๆ ห้ามเดินแซงไกด์ ตามไกด์อย่างเดียว ไกด์บอกว่าใครแซงไกด์ละก็ "I'll Kill You!!" แล้วประมาณเที่ยงเริ่มเดินทางออกจากชั้น 5 ไปชั้น 6 ช่วงนี้ชิลๆ ได้ เพราะเส้นทางผ่านป่าสนเบาๆ วันนี้อากาศดีมาก มีเมฆหมอกครึ้มเหมือนฝนจะตก แต่ไม่ตกเลย อากาศเลยเย็นสบายไม่มีแดดตลอดเส้นทาง (ช่วงนี้มีแวะพักเป็นระยะๆ ไกด้์จะย้ำเรื่องเดินช้าๆ หายใจช้าๆ ตลอด)
13:00 ถึงชั้น 6 หยุดพักประมาณ 15 นาที จะเข้าห้องน้ำ จะแวะกินขนมกินน้ำก็ตามสบาย และเตรียมตัวปีนของจริง ช่วง 6-7 เดินขึ้นเป็นทางแบบซิกแซกลาดชันน้อย ค่อยๆ เดิน เหนื่อยนิดๆ ไม้เท้าคืออุปกรณ์เทพมากๆ ช่วยชีวิตได้เยอะมาก
14:30 ถึงชั้น 7 เราจะมีพักกันที่ Tomoe-kan ชั้น 7 พักแบบเข้าไปนั่งกินชา กินน้ำ กินหนมได้เลย
❗ ระหว่างเดินขึ้นกับไกด์จะช้ามากๆ ถ้ามีคนจะแซงก็ให้เค้าแซงไป ทัวร์นี้ค่อนข้างเซฟ ไม่รีบ ไม่เร่ง ให้กำลังใจตลอดทาง เพราะเราเป็นตัวแทนชาวไทยที่อ่อนแอ .. (ขอโทษนะทุกคน ฮือออ..T_T) เราเลยรั้งท้ายอยู่เรื่อยๆ (จากเดินตามไกด์ข้างหน้าอยู่ดีๆ พอถึงชั้น 7 ไป 8 เราไปอยู่กลุ่มท้ายสุดเลย)
15:30 ไปชั้น 8 ต่อ อันนี้แหละ ปีนป่ายของจริง มันเป็นหินก้อนใหญ่ๆ สำหรับเราตรงนี้ยากสุดๆ ในการปีนขาขึ้น ต้องมีสกิลการหาจุดปีนด้วย มือต้องเกาะเหนี่ยวไต่หินไปด้วย ไม้เท้ายังช่วยได้อยู่
❗ ใครที่จะซื้อไม้พลองมาปั๊ม ก็จัดไปนะ แต่หวังจะให้มาช่วยปีนป่ายด้วยมั้ยเนี่ย เราว่าไม่ช่วย ออกจะเกะกะเสียมากกว่า ตัวเราเองเอามาแค่ไม้พลอง 1 ฟุต เอามาปั๊มที่ hut ที่เราพัก กับชั้นสูงสุด สรุปทั้งหมดได้ 3 ที่เอง แต่ก็โอเคแหละ
18:00 ถึงชั้น 8 ที่ระดับ 3,250 พอพ้นช่วงหินๆ ชันๆ ก็จะเป็นทางซิกแซกอีกครั้ง ใกล้ถึงที่พักละ มองจากระยะไกลๆ คือหลังคาที่สูงที่สุด แต่เราจะไม่มองค่ะ ก้มหน้าก้มตาเดินๆ ไป (ณ เวลานี้ ใครที่แรงดีๆ ก็จะถึงที่พักแล้วนะ)
19:00 เราถึงที่พักแล้ว Tomoe-kan ชั้น 8 เป็นกลุ่ม hut ที่อยู่สูงสุดของชั้น 8 ละ จากนี้ก็จะมีอีก hut เดียว คือที่ 8.5 แล้วก็ไปชั้น 10 เลย ที่พักนอนแบบรวมๆ เรียงกันเป็นปลาทู แต่ตรงที่เรานอนดีอย่างนึงคือไม่อึดอัด โล่งๆ หน่อย
20:00 ทานอาหารค่ำ ก็เป็นแกงกะหรี่ กับหมูฮัมเบิร์ก เรากินแต่หมูแหละ ตัวแกงกะหรี่ไม่กล้ากินกลัวเสาะท้อง เดี๋ยวมีปัญหาเรื่องห้องน้ำ
❗เรื่องห้องน้ำ ความจริงตลอดการเดินขึ้นเราไม่ได้เข้าห้องน้ำระหว่างทางเลย แต่ที่พักที่นี่ห้องน้ำดีมาก สะอาดมาก ไม่เหม็นเลย โอเคมากๆ
❗ ระหว่างทานข้าวไกด์จะมาแนะนำการปีนต่อไปถึงชั้น 10 +ขายของนิดๆ สำหรับการปีนต่อในช่วงดึก
เราจะได้นอนพักถึงประมาณตี 1 แล้ว ตี 1 ครึ่งก็จะเดินต่อไปชั้น 10 ทีนี้ไกด์ก็จะบอกว่ามันก็จะยากนะมันมืด จะไม่ไปก็ได้ นอนนี่และเดี๋ยว 8 โมงเดินลงไปชั้น 5 ส่วนคนที่ไปต่อเราจะต้องเริ่มเดินตอนตี 1 ครึ่ง และไปถึงก่อนตี 4 ครึ่ง (พระอาทิตย์ขึ้นตอนนั้น) จากนั้นใครอยากจะไปเดินรอบ crater ก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ไกด์จะพาไป แต่เสียตังค์เพิ่มนะ คนละ 500 เยน (ขายของอย่างที่ 1) ก็มีคนยกมือกันพรึ่บพรั่บ ส่วนเราไม่ไปเอาแค่ถึงชั้น 10 ก็สุดๆ ละ แต่เราส่งตัวแทนหมู่บ้านไป นางบอกต้องไปให้สุดดิเฮ้ยยย !! โอเค ก็ส่งตัวแทนไปถ่ายรูปมา เดี๋ยวเราจะอุ๊บอิ๊บมาเป็นของเรา โอเคนะ ต่อมาเรื่องโปสการ์ด ถ้าใครอยากจะเขียนโปสการ์ดข้างบนอย่าไปเขียนเพราะคนจะเยอะมาก หนาแน่นมาก เขียนตรงนี้เลยที่ hut นี่แหละ ทาง hut จะจัดการส่งให้เราเอง เดี๋ยวจะไปส่งที่ชั้น 10 ให้เลย เพราะที่นั่นจะมีตราประทับไปรษณีย์ที่สูงที่สุดของญี่ปุ่นอยู่ หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว (ขายของเก่งไปอีก) อะก็โดนไปสิคะ 500 เยน ได้มา 3 แผ่นบวก stamp ส่งถึงไทย เขียนเสร็จเรียบร้อยก็ให้ hut จัดการต่อ ส่วนขายของอย่างสุดท้ายคือ "เช่าชุดกันหนาว" กรณีที่เราไม่ได้แบกเสัอกันหนาวขึ้นมา อุณหภูมิบนยอดฟูจิประมาณ 0-2 องศา หนาวมากๆ แหละ และเราก็ไม่ได้เอามา ก็เลยเช่าไปจ้าาา 500 เยน เสียตังค์สบายใจก็ไปนอนเอาแรงกันได้
โปสการ์ด+ตราประทับ ที่ไม่ต้องไปรอที่ชั้นบนสุด เอาเงินฟาดตรงนี้ก็ได้มาค่ะ ^^
---- จบ Day 1 -----
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
**** ขอไปเรียบเรียงรูป และการเดินขึ้นและลงในวันที่ 2 แล้วจะกลับมาเล่าต่อค่ะ ****
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้