ทริปนี้เกิดจากผมมีเวลาว่าง 1 อาทิตย์ก่อนจะเริ่มงานใหม่ที่บริษัทในกทม.แห่งหนึ่ง ว่างขนาดนี้แน่นอนต้องหาที่เที่ยวให้เต็มที่ เดี๋ยวเริ่มงานจะหาโอกาสเที่ยวยาวๆลำบาก ส่วนตัวเป็นคนชอบรถไฟมาตั้งแต่สมัยเด็ก และแน่นอนว่ารอบนี้ไปคนเดียวจ้า(เพื่อนๆก็ทำงานกันไง) เลยเริ่มค้นหาจาก Google ผลลัพธ์ส่วนมากก็วนมาที่ Pantip อีกทึนึง มีที่ให้เลือกไปจนมึนไปหมดเลย เช่น สวนนงนุช, สวนสนประดิพัฒน์, เขาแหลมหญ้า, อรัญประเทศ, ฯลฯ สุดท้ายเลยเลือกไปทริป มหาชัย-แม่กลอง-อัมพวา(ขอข้ามทริปนี้ไปเลยนะ เข้าทริปปีนังต่อ) หลังจากเสร็จทริปนั้นก็ยังพอมีเวลาต่อเพราะเป็นทริปวันเดียว(One day trip) เลยต้องหาอีกทริปนึง นั้นคือหัวข้อกระทู้นี้นี่เอง ผมเลือกนั่งรถไฟจากบางซื่อไปปีนัง ที่ไม่เลือกเครื่องบินเพราะงบไม่พอนั้นเอง ฮาๆ อีกอย่างผมชอบความลมตีหน้า และมองลอดหน้าต่างเวลารถไฟตีโค้ง ภาพสวยมากๆ เอาหละเกริ่นมายาวมากแล้ว จะเริ่มเข้าเรื่องกันแล้วนะ โดยจะแบ่งเป็น 5 Part คือ
1. บางซื่อ-หัวหิน
2. หัวหิน-หาดใหญ่
3. หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์
4. ปาดังเบซาร์-ปีนัง
5. ขากลับ
ก่อนเริ่ม Part1 ขอขายของทริปอุบล-ผาแต้มเมื่อนานมาแล้วนะครับ
[Travel] 5 คน 4 คัน 2 วัน ทริปอีสานวัตนา จนขับมอเตอร์ไซค์ไปผาแต้ม (ถ่ายดาวล้านดวง)
https://oatrice.wordpress.com/2017/02/07/phatam_trip
1. บางซื่อ-หัวหิน
เช้าวันจันทร์ที่ 8 กรกฏาคม ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าจะไปที่ไหนดี(หาที่เทียวตั้งแต่เมื่อวานแล้ว) แต่ต้องรีบสรุปเลยเอาเป็นว่าปีนัง ด้วยเหตุผลที่ว่าอยู่ไม่ไกลไทยมาก, มีเพื่อนเคยไป(มีอะไรก็ปรึกษาเพื่อนได้), ฯลฯ จากนั้นก็โทรเช็คสถานีรถไฟว่ามีที่นั่งไหม ได้ความว่าชั้นสามว่างเป็นร้อยที่เลย แต่ผมชอบชั้น2 ซึ่งว่างแค่ 1 ที่ ต้องไปซื้อตั๋วที่สถานี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ข้อดีของทริปแบบไม่วางแผนคือ ไม่ต้องคิดเยอะแต่แรก ชิวๆ ประหยัดเวลาดี ปรับยืดหยุ่นตามสถานการณ์ได้เสมอ
แต่ข้อเสียก็มีมากนะ คือ เสี่ยงที่จะไม่ได้ตั๋ว วิธีการคือถ้าไปถึงสถานีแล้วไม่ได้ตั๋วก็ถามจนท.ว่ารอบเร็วสุดได้เมื่อไหร่ เมื่อรู้เวลาแล้ว ก็ต้องหาที่เที่ยวละแวกนั้น ไปพลางๆ ถ้านานหน่อยก็ต้องหาที่พักแถวๆนั้นด้วย ถ้านานเป็นวันหลายวันนั้นคือหายนะเลยนะ ค่าที่พักจะงอกจนบานปลายเลยทีเดียว
คิดในใจเอาวะ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ กัดฟัน แล้วพุ่งไปจัดกระเป๋าเดี๋ยวนั้น อาบน้ำ, นั่งวิน, BTS อนุสาวรีย์-หมอชิต, MRT จตุจักร-บางซื่อ ไปถึงก่อนที่รถไฟจะมาถึง ประมาณ 15 นาที สรุปได้ตั๋วที่ว่าว่าง 1 ที่มาไว้ในครอบครองแล้วจ้า (รอบ 13.33 น. ดูได้ที่รูปเลย) ฟิน แต่ขอพักหายใจแพ้บ จังหวะนั้น The Flash ยังเรียกพี่ รีบจริงๆ หลังจากซื้อตั๋วเสร็จพอมีเวลาเหลือเลยแวะซื้อน้ำ, ขนม, ผลไม้ ขึ้นไปทานบนรถไฟยังทัน
2. หัวหิน-หาดใหญ่ (สั้นๆ)
ผมค้างคืนที่หัวหิน 1 คืน ด้วยความที่เป็นทริปคนเดียวและประหยัดสุดๆด้วย เลยพักโฮสเทลที่หาตาม Agoda เลยได้ที่นี่มา Huahin Euro City Hotel
ราคารวมภาษีแล้วก็ตกอยู่ที่คืนละ 138.60 บาท เป็นห้องรวมแคบๆ มืดหน่อย นอนรวมกันทั้งหมด 6 คน แต่วันนั้นผมนอนคนเดียว มันก็จะวังเวงหน่อย มีทางเชื่อมกับห้องข้างๆได้ ระเบียงแคบและเป็น slope เล็กน้อย มันจะเสียวๆหน่อย มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำในตัว สามารถเลือกเป็นห้องเดี่ยวๆได้ แต่แน่นอนว่าราคาจะเพิ่มขึ้นนิดหน่อย(ทริปนี้รัดเข็มขัดฝุดๆ)
หน้าตาห้องก็จะประมาณนี้ จะดูมืดๆมี noise เยอะหน่อยเพราะผมเปิดไฟแค่ดวงเดียว และเป็นกล้องมือถือธรรมดาๆครับ
ข้อดีของที่นี่คือ อยู่ใกล้สถานีรถไฟ ราคาประหยัด
เช้าวันต่อมารีบไปจองตั๋วไปหาดใหญ่ต่อเลย ปรากฎว่าได้รอบ 17.10 น. ระหว่างรอรถไฟเลยเลยนั่งสองแถวไปแวะแถวๆวัดเขาตะเกียบสักหน่อย จริงๆแล้วอยากเช่ามอเตอร์ไซค์มากกว่าจะได้คล่องแคล่วและสะดวกกว่า(ราคาวันละ 200+ แล้วแต่รุ่น) แต่ด้วยความงกเลยเลือกสองแถว(รอบละ 10 บาท) ฮาๆ
และด้วยความที่ไม่ได้แลกเงินริงกิตมาจากกทม.เนื่องจากรีบจัด เลยตั้งใจมาแลกที่หัวหินนี่แหละ อันนี้เช็คมาล่วงหน้าว่ามี Superrich สาขาหัวหิน พอไปถึง Supperich ปรากฎว่าสาขานี้ไม่มีเงินริงกิต น่าจะเพิ่งหมดไปไม่นานนี้ จนท.เลยบอกว่าลองไปที่ BluePort ที่อยู่ถัดไปอีกนะ อะเครๆ ตรงนี้แนะนำให้นั่ง 2 แถวจะดีกว่านะ คือเดินไปมันก็ไม่ไกลหรอกแต่มันร้อนจนอาจจะละลายไปก่อนได้เลยทีเดียว พอไปถึง BluePort แอร์เย็นๆปะทะหน้าเข้าให้ ฟินจนไม่อยากไปไหนแล้ว ฮาๆ โอเค ฟินเสร็จแล้วรีบเดินไปแลกตังที่นี่เลย 12 victory
BluePort และห้องน้ำ ทำให้นึกถึง Terminal21 เลย
จำนวนเงินที่แลกคือ 1485 บาทแลกได้ 200 ริงกิต(จุดนี้ไม่สนแล้วว่า rate ดีมั้ย ใครมีที่อื่นๆที่ดีกว่า comment มาได้เลยครับ) พอดีเคยอ่านรีวิวทริป 300 ริงกิตมา ผมเลยคิดว่า 200 ถ้าประหยัดก็น่าจะพอนะ แต่ถ้าใครอยากจัดเต็มหน่อยแนะนำ 400+ ขึ้นไปดีกว่าครับ
แลกตังเสร็จแล้วมีเวลาเหลือเลยไปนั่งรอ(นอนรอ หลับรอ)รถไฟที่ห้องสมุดรถไฟ ที่อยู่ใกล้ๆสถานี แต่อากาศค่อนข้างร้อนเพราะใช้พัดลม ไม่มีแอร์ แต่โชคดีหน่อยที่ฝนตกช่วยให้ไม่ร้อนไป
และแล้วเมื่อรถไฟของเรามาถึง ก็ได้เวลาออกเดินทางอีกครั้ง รอบนี้เตรียมใจไว้นิดนึงนะ เพราะได้นั่งนานยาวๆแน่ๆ ใครที่เดินทางต่อเดียวจากกทม.-หาดใหญ่ อยากให้เช็คแบตมือถือ, พาวเวอร์แบงค์ดีๆเด้อ ตุนหนังตุนเพลงไว้บ้างนะครับ (เดินทางนานมากกกกกกกจนเมื่อยตูด) ที่สำคัญจะมีอยู่ช่วงนึงที่รถไฟวิ่งใกล้ทะเลสวยๆเป็นระยะทางสั้นๆ เวลาประมาณ 18.30 น. แสงยังพอให้ถ่ายรูปได้ อย่าลืมเตรียมกล้องให้พร้อมนะ (ผมพลาด T__T)
พิกัด 11.91894,99.8062014
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จุดนี้เพื่อนบอกว่าถ้าอยากประหยัดไม่ควรแวะหัวหินนะ เพราะมันต้องไปเพิ่มค่าอาหาร ค่าที่พักด้วย แต่ซื้อตั๋วไปแล้ว ไม่ทันแล้วจ้า
3. หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์
ในที่สุดก็มาถึงหาดใหญ่ก่อนเวลา (แต่เมื่อยตูดมากๆ) พอถึงแล้วก็รีบไปอาบน้ำที่สถานีรถไฟ ราคา 20 บาท (ไม่ต้องรีบไปซื้อตั๋ว มั้ง ถ้าไม่ใช่ช่วงพีคจริงๆ เพราะบนรถไฟที่ว่างเพียบเลย) อาบน้ำเสร็จก็ไปซื้อตั๋วและหาข้าวกินทันที
รถไฟสายนี้มี 2 รอบนะครับ ถ้าไม่ทันรอบเช้าก็ต้องรอรอบเย็นๆเลย
VDO มี Noise เยอะหน่อยนะครับ แสงไม่เยอะมาก
ทานข้าวหลังสถานี
ลุงอยู่ตรงซ้ายมือ ตอนบนรถไฟไม่รู้จักกัน มาคุยกันอีกทีตอนลงรถไฟแล้วถึงรู้ว่าไปปีนังเหมือนกัน(รอดแล้ววว) และสุดท้ายก็พักโฮสเทลเดียวกันเฉยเลย ฮาๆ (เพิ่งมารู้ทีหลังว่าเป็น Google Local Guide Level.6 เหมือนกัน)
ระหว่างที่อยู่บนรถไฟเลยไปชวนลุงอีกคนคุยดูปรากฎว่าเป็นคนมาเลเซีย ผมนี่ถามยับเลย บอกแกว่ามาเที่ยวคนเดียว ครั้งแรกที่มาเลเซีย และปีนัง ลุงแกชื่อ Chu Chin Koo เฟรนลี่ และเอ็นดูผมมากๆ แกบอกว่าแกเพิ่งเสร็จจากไปเที่ยวไทยมา ไปมาหลายที่แล้วตั้งแต่ เชียงใหม่, เชียงราย, กลาง, ตะวันตก, ใต้, อีสานไม่ค่อยได้ไป
ผมก็หาเรื่องชวนแกคุย ไปเรื่อย จนมีเรื่องนึงที่สำคัญมากๆ เพิ่งนึกขึ้นได้พอดี คือถามแกไปว่าที่ปีนังเค้าใช้ปลั๊กกันแบบไหนครับ? (คงจะรู้กันแล้วใช่มั้ยว่าผมไม่ได้เตรียมที่แปลงมา ฮาๆ) แกเลยโชว์หัวแปลงของแกให้ดู
แล้วด้วยความที่ผมน่าเอ็นดู(มั้ง) แกเลยบอกว่าแกเอาไว้ใช้ที่ไทย ตอนนี้คงไม่ได้ใช้พักใหญ่ๆเลยละ แล้วก็ยื่นมาให้ผม ผมก็งงๆ แต่รู้ความหมายแล้วละ เลยถามไปว่าให้ผมจริงๆหรอ ลุง Chu ก็พยักหน้า ผมนี้น้ำตาซึมเลย ท่อนเพลงเพื่อชีวิตดังมาเลย "ซึ่งแล้วน้ำใจลุงมาเลเซีย" (ซึ่งแล้วน้ำใจสาวชัยภูมิ สำหรับใครที่ตามมุกฝืดๆไม่ทันนะครับ ฮาๆ)
นั่งรถไฟมาสักพักประมาณ 50 นาทีก็ถึงสถานีปาดังเบซาร์แล้ว ลุง Chu ก็นำทางพาไปจัดการ Passport บอกว่าไปทางนี้ๆนะ ตามแกมาเรื่อยๆจนซื้อตั๋วรถไฟ KTM Kommuter ไป Butterworth ด้วยราคา 11.4 ริงกิต (การใช้เงินริงกิตครั้งแรกของผมเลย ตื่นเต้ล) ตรงนี้ลุงแกย้ำว่าอย่าไปซื้อ ETS นะมันแพง ก็จำขึ้นใจเลย แล้วก็มานั่งรอรถไฟรอบ 9.36 น. (เวลามาเลเซีย อย่าลืม +1 ชม.นะครับ เดี๋ยวจะตกรถเอา)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผมที่เพิ่งไปตปท.ที่ Timezone ต่างกันครั้งแรก แรกๆเวลาอ่านรีวิวจากคนอื่นๆก็ไม่เข้าใจความรู้สึกหรอกว่า เวลาต่างกันมันรู้สึกอย่างไร
เอาเป็นว่ามือถือผมแสดงเวลา 8.00 น. อาจจะคิดว่าเรามีเวลาอีกตั้ง 1 ชม. ครึ่งใช่มั้ยครับ แต่ความจริงเวลาที่มาเลเซียคือ 9.00 น. นั้นหมายความว่าเราเหลือเวลาอีกแค่ 30 นาทีเองเน้อ ดังนั้นอย่าประมาทเรื่องเวลานะ
ลุง Chu ผู้ช่วยเหลือผมทุกอย่าง
เอาหละตอนนี้ก็ถึง Limit ที่ Pantip ให้พิมพ์ได้ไม่เกิน 10000 ตัวอักษรแล้วนะครับ จะมาต่อที่ Comment นะครับ
เที่ยวปีนังคนเดียวแบบไม่ได้วางแผน 200 ริงกิต 3 วัน 2 คืน + ปั่นจักรยาน linkbike จาก George Town ไป Pinang Hill
1. บางซื่อ-หัวหิน
2. หัวหิน-หาดใหญ่
3. หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์
4. ปาดังเบซาร์-ปีนัง
5. ขากลับ
ก่อนเริ่ม Part1 ขอขายของทริปอุบล-ผาแต้มเมื่อนานมาแล้วนะครับ
[Travel] 5 คน 4 คัน 2 วัน ทริปอีสานวัตนา จนขับมอเตอร์ไซค์ไปผาแต้ม (ถ่ายดาวล้านดวง)
https://oatrice.wordpress.com/2017/02/07/phatam_trip
1. บางซื่อ-หัวหิน
เช้าวันจันทร์ที่ 8 กรกฏาคม ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าจะไปที่ไหนดี(หาที่เทียวตั้งแต่เมื่อวานแล้ว) แต่ต้องรีบสรุปเลยเอาเป็นว่าปีนัง ด้วยเหตุผลที่ว่าอยู่ไม่ไกลไทยมาก, มีเพื่อนเคยไป(มีอะไรก็ปรึกษาเพื่อนได้), ฯลฯ จากนั้นก็โทรเช็คสถานีรถไฟว่ามีที่นั่งไหม ได้ความว่าชั้นสามว่างเป็นร้อยที่เลย แต่ผมชอบชั้น2 ซึ่งว่างแค่ 1 ที่ ต้องไปซื้อตั๋วที่สถานี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คิดในใจเอาวะ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ กัดฟัน แล้วพุ่งไปจัดกระเป๋าเดี๋ยวนั้น อาบน้ำ, นั่งวิน, BTS อนุสาวรีย์-หมอชิต, MRT จตุจักร-บางซื่อ ไปถึงก่อนที่รถไฟจะมาถึง ประมาณ 15 นาที สรุปได้ตั๋วที่ว่าว่าง 1 ที่มาไว้ในครอบครองแล้วจ้า (รอบ 13.33 น. ดูได้ที่รูปเลย) ฟิน แต่ขอพักหายใจแพ้บ จังหวะนั้น The Flash ยังเรียกพี่ รีบจริงๆ หลังจากซื้อตั๋วเสร็จพอมีเวลาเหลือเลยแวะซื้อน้ำ, ขนม, ผลไม้ ขึ้นไปทานบนรถไฟยังทัน
3. หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์
ในที่สุดก็มาถึงหาดใหญ่ก่อนเวลา (แต่เมื่อยตูดมากๆ) พอถึงแล้วก็รีบไปอาบน้ำที่สถานีรถไฟ ราคา 20 บาท (ไม่ต้องรีบไปซื้อตั๋ว มั้ง ถ้าไม่ใช่ช่วงพีคจริงๆ เพราะบนรถไฟที่ว่างเพียบเลย) อาบน้ำเสร็จก็ไปซื้อตั๋วและหาข้าวกินทันที