SUPEREIF เปิดขายเดือนก.ค.นี้
By...มีตังค์
โดยปกติแล้วสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีท) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราฟันด์) นักลงทุนรายบุคคล และนักลงทุนรายย่อยทั่วไป จะไม่ค่อยสนใจและเข้าไม่ถึง ด้วยเพราะกองทุนประเภทนี้ จะเป็นที่ต้องการของนักลงทุนสถาบันมากกว่า
https://www.set.or.th/th/company/ipo/upcoming_ipo_infrafund.html
ที่ผ่านมากองทุนเหล่านี้จะไม่ค่อยมีสภาพคล่องในการซื้อขายมากนัก แต่ปัจจุบันทั้งสภาพคล่องและจำนวนกองทุนมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และนักลงทุนรายย่อยน่าจะเริ่มรู้จักมากขึ้นช่วงที่มีกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF ) หรือที่เรียกกันติดปากอีกชื่อว่า ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ช่วงปลายปี 2561
ขนาดของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทยปัจจุบัน ข้อมูลจากบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ (ประเทศไทย) มีจำนวน 7 กองทุนรวมมูลค่าทรัพย์สิน 3.5 แสนล้านบาท โดยมีกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) เป็นกองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดหรือราว 44% ของมูลค่ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด
ตามมาด้วยกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) ที่มีขนาดกองทุนประมาณ 17% ของตลาด และหากแบ่งตามธุรกิจจะพบว่ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทยมีการลงทุนกระจุกตัวใน 3 หมวดธุรกิจ โดยมีเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นหมวดธุรกิจที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 61%
สำหรับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้า ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปัจจุบัน เช่น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGATIF) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ABPIF) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลบุรีรัมย์ (BRRGIF)
ในช่วงเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง ตลาดหุ้นอยู่ในอาการ 3 วันดี 4 วันไข้ เชื่อว่าหลายคนคงกำลังมองหาสินทรัพย์สำหรับลงทุนที่มีความเสี่ยงไม่มาก แต่ยังได้รับผลตอบแทนที่ดีแม้ในสภาวะเศรษฐกิจผันผวน ที่สำคัญ คือ ดอกเบี้ยมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำเตี้ยต่อไป กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน จัดเป็นประเภทสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ความเสี่ยงไม่มาก ได้รับกระแสเงินสดสม่ำเสมอ และได้รับผลกระทบน้อยแม้เศรษฐกิจผันผวน
การมีกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานไว้ในพอร์ตการลงทุน จะทำให้พอร์ตการลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกันทำให้ความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนลดลงอีกด้วย และในเดือนกรกฎาคม 2562 นี้ ในตลาดหุ้นไทยจะมีกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานน้องใหม่อีก 1 กอง นั่นคือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท ลงทุนในโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 19 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 118 เมกะวัตต์ ถือว่ามาช่วยเพิ่มสีสัน และเพิ่มแสงสว่างให้กับพอร์ตการลงทุนได้อีกตัว
อ้างอิง : Share2trade.com
https://share2trade.com/index.php?mod=talk&file=view&id=2407&fbclid=IwAR1NLp2FchrnREn_Zj-8BjU1DIIYGyqUs7eBQXuyC1bOuDFZ1h_hrKOcPlE
SUPEREIF เปิดขายเดือนก.ค.นี้ By...มีตังค์
By...มีตังค์
โดยปกติแล้วสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีท) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราฟันด์) นักลงทุนรายบุคคล และนักลงทุนรายย่อยทั่วไป จะไม่ค่อยสนใจและเข้าไม่ถึง ด้วยเพราะกองทุนประเภทนี้ จะเป็นที่ต้องการของนักลงทุนสถาบันมากกว่า
ที่ผ่านมากองทุนเหล่านี้จะไม่ค่อยมีสภาพคล่องในการซื้อขายมากนัก แต่ปัจจุบันทั้งสภาพคล่องและจำนวนกองทุนมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และนักลงทุนรายย่อยน่าจะเริ่มรู้จักมากขึ้นช่วงที่มีกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF ) หรือที่เรียกกันติดปากอีกชื่อว่า ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ช่วงปลายปี 2561
ขนาดของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทยปัจจุบัน ข้อมูลจากบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ (ประเทศไทย) มีจำนวน 7 กองทุนรวมมูลค่าทรัพย์สิน 3.5 แสนล้านบาท โดยมีกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) เป็นกองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดหรือราว 44% ของมูลค่ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด
ตามมาด้วยกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) ที่มีขนาดกองทุนประมาณ 17% ของตลาด และหากแบ่งตามธุรกิจจะพบว่ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทยมีการลงทุนกระจุกตัวใน 3 หมวดธุรกิจ โดยมีเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นหมวดธุรกิจที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 61%
สำหรับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้า ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปัจจุบัน เช่น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGATIF) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ABPIF) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลบุรีรัมย์ (BRRGIF)
ในช่วงเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง ตลาดหุ้นอยู่ในอาการ 3 วันดี 4 วันไข้ เชื่อว่าหลายคนคงกำลังมองหาสินทรัพย์สำหรับลงทุนที่มีความเสี่ยงไม่มาก แต่ยังได้รับผลตอบแทนที่ดีแม้ในสภาวะเศรษฐกิจผันผวน ที่สำคัญ คือ ดอกเบี้ยมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำเตี้ยต่อไป กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน จัดเป็นประเภทสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ความเสี่ยงไม่มาก ได้รับกระแสเงินสดสม่ำเสมอ และได้รับผลกระทบน้อยแม้เศรษฐกิจผันผวน
การมีกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานไว้ในพอร์ตการลงทุน จะทำให้พอร์ตการลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกันทำให้ความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนลดลงอีกด้วย และในเดือนกรกฎาคม 2562 นี้ ในตลาดหุ้นไทยจะมีกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานน้องใหม่อีก 1 กอง นั่นคือ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท ลงทุนในโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 19 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 118 เมกะวัตต์ ถือว่ามาช่วยเพิ่มสีสัน และเพิ่มแสงสว่างให้กับพอร์ตการลงทุนได้อีกตัว
อ้างอิง : Share2trade.com
https://share2trade.com/index.php?mod=talk&file=view&id=2407&fbclid=IwAR1NLp2FchrnREn_Zj-8BjU1DIIYGyqUs7eBQXuyC1bOuDFZ1h_hrKOcPlE