พิธีการแต่งงานในสังคมมุสลิมมีหลายรูปแบบ แล้วแต่วัฒนธรรม และประเพณีท้องถิ่น การแต่งงานตามหลักการของอิสลามที่บัญญัติ
ไว้ในอัลกุรอาน มีดังนี้:
ผู้ที่จะเป็นเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะต้อง เป็นมุสลิมด้วยกันทั้งคู่ ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ใช่มุสลิม เขาจะต้องเข้ารับศาสนาอิสลามเสียก่อน
ที่จะเข้าพิธีแต่งงาน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้{2:221} และพวกเธอจงอย่าสมรสกับบรรดาหญิงผู้ตั้งภาคี จนกว่าพวกนางจะมีศรัทธา และทาสหญิงที่เป็นผู้มีศรัทธานั้น ดียิ่งกว่าหญิงที่เป็นผู้ตั้งภาคี แม้ว่านางทำให้พวกเธอพึงพอใจก็ตาม และพวกเธอจงอย่าให้บรรดาชายผู้ตั้งภาคีสมรส(กับสตรีผู้มีศรัทธา) จนกว่าพวกเขาจะมีศรัทธา และทาสชาย
ที่เป็นผู้มีศรัทธานั้นดีกว่าผู้ตั้งภาคี ถึงแม้ว่าเขาทำให้พวกเธอพึงพอใจก็ตาม ชนเหล่านี้แหละจะชักชวนไปสู่เพลิงนรก และอัลลอฮฺนั้นทรงเชิญชวนไปสู่สวรรค์และไปสู่การอภัยโทษ ด้วยพระอนุมัติของพระองค์ และพระองค์จะทรงแจกแจงบรรดาสัญญาณของพระองค์แก่เหล่ามนุษย์ เพื่อว่าพวกเขาจะได้รำลึก
คู่บ่าวสาวควรจะต้อง มีความรักชอบพอกันก่อนไม่ว่าจะ,มีเหตุผลในหัวใจอย่างใดก็ตาม ไม่มีการคลุมถุงชน หรือการบังคับจากผู้ปก
ครองทั้งสองฝ่าย (อาจจะต้องมีการสู่ขอกันตามประเพณี ของท้องถิ่น) ถ้าหญิงและชายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว และมีความรับผิดชอบต่อ
ตนเอง เขาทั้งสองมีสิทธิในการ เข้าพีธีแต่งงานกันตามหลักการของศาสนา
การแต่งงานในศาสนาอิสลามเปรียบได้ว่าเป็นข้อผูกมัดทางศาสนาสัญญาระหว่างคู่บ่าวสาวกับอัลลอฮ.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้{30:21} และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ ทรงสร้างคู่ครองให้แก่พวกเธอจากตัวของพวกเธอ เพื่อพวกเธอจะได้มีความสุขอยู่กับนาง และทรงมีความรักใคร่และความเมตตาระหว่างพวกเธอ แท้จริงในการนี้แน่นอน ย่อมเป็นสัญญาณแก่หมู่ชนผู้ใคร่ครวญ
{5:5} วันนี้สิ่งดี ๆ ทั้งหลายได้ถูกอนุมัติแก่พวกเธอแล้ว และอาหารของบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์นั้นเป็นที่อนุมัติแก่พวกเธอแล้ว และอาหารของพวกเธอก็เป็นที่อนุมัติแก่พวกเขา เช่นเดียวกันกับบรรดาสตรีบริสุทธิ์ในหมู่สตรีผู้มีศรัทธา และบรรดาสตรีบริสุทธิ์ในหมู่ผู้ที่ได้รับคัมภีร์ก่อนจากพวกเธอ เมื่อพวกเธอได้มอบสินสอดของพวกนางให้แก่พวกนาง ในฐานะเป็นผู้สมรส ไม่ใช่เป็นผู้ผิดประเวณี และไม่ใช่ยึดเอานางเป็นชู้ และผู้ใดปฏิเสธต่อการศรัทธา แน่นอนการงานของเขาก็สูญสลายขณะเดียวกันในวันปรโลกพวกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ที่สูญเสีย
การแต่งงานส่วนใหญ่จะดำเนินการโดยอิหม่าม แต่มุสลิมผู้ใหญ่ที่เข้าใจพิธีกรรมของศาสนาอิสลาม สามารถประกอบพิธีแต่งงานได้
บัญญัติเรื่องมะฮัร (สินสอด) เรื่องเงินสินสอดนั้นในศาสนาอิสลาม ตั้งไว้เพื่อเป็นหลักประกันสำหรับเจ้าสาว ถ้าหากว่าเธอ
ต้องใช้ชีวิตคนเดียว ในกรณีที่มีสิ่งเป็นไปต่อสามี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้{4:4} และจงให้สินสอดของพวกนางแก่พวกนางด้วยความเต็มใจ แต่ถ้านางเห็นชอบที่จะให้สิ่งหนึ่งแก่พวกเธอจากสินสอดนั้นแล้ว ก็จงบริโภคสิ่งนั้นด้วยความเอร็ดอร่อยและโอชา
คำว่า "มะหัร"

مهر) หรือ สินสอด เป็นสิ่งที่มีค่า ซึ่งจะต้องจ่ายให้แก่เจ้าสาวภายใต้ข้อบังคับในการแต่งงาน, สินสอด อาจจะอยู่ในรูปแบบของ เงินตราหรือทรัพย์สมบัติ ซึ่งเจ้าบ่าวหรือพ่อเจ้าบ่าวมอบให้แก่เจ้าสาว ในพิธีการแต่งงาน, ตามกฏหมายแล้วสินสอด ที่เธอได้รับนี้จะกลายเป็นสมบัติ
ของเธอ ตามที่กล่าวแล้วว่าโดยทั่วๆไป สินสอด มักจะเป็นเงิน แต่ก็สามารถจะเป็นอะไรก็ได้ที่มีราคา ที่เจ้าสาวได้ตกลงไว้เช่น เครื่องประดับ
ของใช้ในบ้านเตรื่องเรือน, บ้าน หรือที่ดิน โดยทั่วไปแล้ว สินสอด/มะหัร จะระบุไว้ในสัญญาแต่งงานที่ลงนามระหว่างการแต่งงานของอิสลาม,
การจ่ายสินสอดทองหมั้นไม่ว่าจะเป็นจำนวนเงินหรือทรัพย์สินรูปแบบอื่น ๆ ให้แก่ภรรยานั้นไม่มีข้อผูกมัดตามกฎหมายต่อสามี, สิทธิในการรับ
ทรัพย์สินของสามี ทำให้ผู้หญิงมีฐานะอันมีเกียรติในฐานะมนุษย์ผู้หนึ่ง
สินสอดนี้อาจจะแบ่งออกเป็นสองส่วน คือส่วนที่ฝ่ายเจ้าบ่าว มอบให้ทันทีก่อนการแต่งงาน และ อีส่วนหนึ่งตอน เข้าพิธีแต่งงาน ซึ่งส่วนมาก
นิยมให้แหวน อย่างไรก็ตามเรื่องสินสอดนี้ สำคัญอยู่ที่ชาย และ หญิงตกลงกันเอง จะน้อยหรือมากไม่สำคัญ อาจจะให้เป็นพิธีด้วยจำนวนที่
เล็กน้อยก็ได้ ในกรณีที่เจ้าบ่าวยากจน ทั้งนี้แล้วแต่ว่า ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่จะใช้ชีวิตร่วมกันตกลงกันเอง เช่นถ้าเจ้าบ่าวมี การศึกษาดี มี
งานการและหลักฐานที่มั่นคง สิ่งดังกล่าวจะใช้เป็นสินสอดก็ได้ ทังนี้เพราะว่า สินสอด หรือ มะหัร นี้เป็นหลักประกันสำหรับเจ้าสาวในแง่เศรษฐ
กิจเท่านั้น
พิธีการในการแต่งงาน:
1. อิมาม หรือ เจ้าหน้าที่ผูทำพิธีแต่งงาน จะถามความสมัคใจในการแต่งงาน ของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ต่อหน้าสัขขีพยาน ซึ่งประกอบไไปด้วย
ชายหรือหรือหญิง ที่บบรรลุนิติภาวะ จำนวน สองคน การถามความสมัครใจของคู่สมรสนั้น อาจจะ ถามได้ หนึ่ง, สอง และสามครั้งก็ได้
2. การทำสัญญาการสมรส หรือที่เรียกว่า "นิกะห์" นี้ รวมไปถีง "มะหัร" สินสอด ที่กล่าวมาแล้ว และสิ่งใดๆที่จำเป็นี่จะต้องบ่งไว้ในสัญาแต่ง
งาน ก็จะมีบันทึกลงไปในสัญญา เช่นรายละเอียดของสินสอด
สัญญาการแต่งงานมีการลงนามในพิธี นิกะห์ ซึ่งเจ้าบ่าวเสนอให้เจ้าสาวต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนโดยระบุรายละเอียดของ มะหัร เจ้าสาว
และเจ้าบ่าวแสดงเจตจำนงเสรีของพวกเขาโดยการทำซ้ำคำว่า "ฉันยอมรับ" สามครั้ง จากนั้นทั้งคู่และพยานชายสองคนลงนามในสัญญาทำ
ให้การแต่งงานถูกกฎหมายตามกฎหมายแพ่งและศาสนา
หลังจากนั้นก็มีการอ่านอัลกุรอานเกี่ยวกับการ เกรงกลัว รู้บุญคุณของอัลลอฮ์และการสดุดีต่ออัลลอฮ์ เป็นการเทศนา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้{3:102} ดูกร บรรดาผู้มีศรัทธา! จงยำเกรงอัลลอฮฺอย่างแท้จริงเถิด และพวกเธอจงอย่าตาย นอกจากพวกเธอจะอยู่ในฐานะเป็นผู้สวามิภักดิ์เท่านั้น
{4:1} ดูกร ปวงมนุษย์! จงยำเกรงพระเจ้าของพวกเธอที่ได้บังเกิดพวกเธอมาจากชีวิตหนึ่ง และจากชีวิตนั้น ได้ทรงบังเกิดคู่ครองของมัน และจากทั้งสองนั้น ได้ทรงบันดาลให้เหล่าผู้ชายและผู้หญิงอันมากมายแพร่ขยาย และจงยำเกรงอัลลอฮฺที่พวกเธอต่างขอต่อกันด้วยพระองค์ และจงรักษาเครือญาติ แท้จริงอัลลอฮฺทรงสอดส่องดูแลพวกเธออยู่เสมอ
{33:70} ดูกร บรรดาผู้มีศรัทธา! จงยำเกรงอัลลอฮฺ และจงกล่าวถ้อยคําที่เที่ยงธรรมเถิด
{33:71} พระองค์ก็จะทรงปรับปรุงการงานของพวกเธอให้ดีขึ้นสำหรับพวกเธอ และจะทรงอภัยโทษความผิดของพวกเธอให้แก่พวกเธอ และผู้ใดภักดีต่ออัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค์ แน่นอนเขาได้รับความสำเร็จใหญ่หลวง
หลังจาก "นิกะห์" เจ้าบ่าวและเจ้าสาวลงนามในสัญญาการแต่งงานตามด้วยลายเซ็นของผู้มีอำนาจและพยานทั้งสอง ต่อจากนั้นคู่สมรสที่
เพิ่งแต่งงานจะแสดงความยินดีกับเพื่อน ๆ และสมาชิกในครอบครัว Nikah มักตามมาด้วย Walima ดั้งเดิมหรือตัวเลือก
บางคู่ก็นิกะห์ กันเพียงอย่างเดียว แล้วเลี้ยงอาหารเพื่อนๆ
การแต่งงานของมุสลิม ตามอัลกุรอาน
ไว้ในอัลกุรอาน มีดังนี้:
ผู้ที่จะเป็นเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะต้อง เป็นมุสลิมด้วยกันทั้งคู่ ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ใช่มุสลิม เขาจะต้องเข้ารับศาสนาอิสลามเสียก่อน
ที่จะเข้าพิธีแต่งงาน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คู่บ่าวสาวควรจะต้อง มีความรักชอบพอกันก่อนไม่ว่าจะ,มีเหตุผลในหัวใจอย่างใดก็ตาม ไม่มีการคลุมถุงชน หรือการบังคับจากผู้ปก
ครองทั้งสองฝ่าย (อาจจะต้องมีการสู่ขอกันตามประเพณี ของท้องถิ่น) ถ้าหญิงและชายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว และมีความรับผิดชอบต่อ
ตนเอง เขาทั้งสองมีสิทธิในการ เข้าพีธีแต่งงานกันตามหลักการของศาสนา
การแต่งงานในศาสนาอิสลามเปรียบได้ว่าเป็นข้อผูกมัดทางศาสนาสัญญาระหว่างคู่บ่าวสาวกับอัลลอฮ.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การแต่งงานส่วนใหญ่จะดำเนินการโดยอิหม่าม แต่มุสลิมผู้ใหญ่ที่เข้าใจพิธีกรรมของศาสนาอิสลาม สามารถประกอบพิธีแต่งงานได้
บัญญัติเรื่องมะฮัร (สินสอด) เรื่องเงินสินสอดนั้นในศาสนาอิสลาม ตั้งไว้เพื่อเป็นหลักประกันสำหรับเจ้าสาว ถ้าหากว่าเธอ
ต้องใช้ชีวิตคนเดียว ในกรณีที่มีสิ่งเป็นไปต่อสามี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คำว่า "มะหัร"
ของเธอ ตามที่กล่าวแล้วว่าโดยทั่วๆไป สินสอด มักจะเป็นเงิน แต่ก็สามารถจะเป็นอะไรก็ได้ที่มีราคา ที่เจ้าสาวได้ตกลงไว้เช่น เครื่องประดับ
ของใช้ในบ้านเตรื่องเรือน, บ้าน หรือที่ดิน โดยทั่วไปแล้ว สินสอด/มะหัร จะระบุไว้ในสัญญาแต่งงานที่ลงนามระหว่างการแต่งงานของอิสลาม,
การจ่ายสินสอดทองหมั้นไม่ว่าจะเป็นจำนวนเงินหรือทรัพย์สินรูปแบบอื่น ๆ ให้แก่ภรรยานั้นไม่มีข้อผูกมัดตามกฎหมายต่อสามี, สิทธิในการรับ
ทรัพย์สินของสามี ทำให้ผู้หญิงมีฐานะอันมีเกียรติในฐานะมนุษย์ผู้หนึ่ง
สินสอดนี้อาจจะแบ่งออกเป็นสองส่วน คือส่วนที่ฝ่ายเจ้าบ่าว มอบให้ทันทีก่อนการแต่งงาน และ อีส่วนหนึ่งตอน เข้าพิธีแต่งงาน ซึ่งส่วนมาก
นิยมให้แหวน อย่างไรก็ตามเรื่องสินสอดนี้ สำคัญอยู่ที่ชาย และ หญิงตกลงกันเอง จะน้อยหรือมากไม่สำคัญ อาจจะให้เป็นพิธีด้วยจำนวนที่
เล็กน้อยก็ได้ ในกรณีที่เจ้าบ่าวยากจน ทั้งนี้แล้วแต่ว่า ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่จะใช้ชีวิตร่วมกันตกลงกันเอง เช่นถ้าเจ้าบ่าวมี การศึกษาดี มี
งานการและหลักฐานที่มั่นคง สิ่งดังกล่าวจะใช้เป็นสินสอดก็ได้ ทังนี้เพราะว่า สินสอด หรือ มะหัร นี้เป็นหลักประกันสำหรับเจ้าสาวในแง่เศรษฐ
กิจเท่านั้น
พิธีการในการแต่งงาน:
1. อิมาม หรือ เจ้าหน้าที่ผูทำพิธีแต่งงาน จะถามความสมัคใจในการแต่งงาน ของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ต่อหน้าสัขขีพยาน ซึ่งประกอบไไปด้วย
ชายหรือหรือหญิง ที่บบรรลุนิติภาวะ จำนวน สองคน การถามความสมัครใจของคู่สมรสนั้น อาจจะ ถามได้ หนึ่ง, สอง และสามครั้งก็ได้
2. การทำสัญญาการสมรส หรือที่เรียกว่า "นิกะห์" นี้ รวมไปถีง "มะหัร" สินสอด ที่กล่าวมาแล้ว และสิ่งใดๆที่จำเป็นี่จะต้องบ่งไว้ในสัญาแต่ง
งาน ก็จะมีบันทึกลงไปในสัญญา เช่นรายละเอียดของสินสอด
สัญญาการแต่งงานมีการลงนามในพิธี นิกะห์ ซึ่งเจ้าบ่าวเสนอให้เจ้าสาวต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนโดยระบุรายละเอียดของ มะหัร เจ้าสาว
และเจ้าบ่าวแสดงเจตจำนงเสรีของพวกเขาโดยการทำซ้ำคำว่า "ฉันยอมรับ" สามครั้ง จากนั้นทั้งคู่และพยานชายสองคนลงนามในสัญญาทำ
ให้การแต่งงานถูกกฎหมายตามกฎหมายแพ่งและศาสนา
หลังจากนั้นก็มีการอ่านอัลกุรอานเกี่ยวกับการ เกรงกลัว รู้บุญคุณของอัลลอฮ์และการสดุดีต่ออัลลอฮ์ เป็นการเทศนา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจาก "นิกะห์" เจ้าบ่าวและเจ้าสาวลงนามในสัญญาการแต่งงานตามด้วยลายเซ็นของผู้มีอำนาจและพยานทั้งสอง ต่อจากนั้นคู่สมรสที่
เพิ่งแต่งงานจะแสดงความยินดีกับเพื่อน ๆ และสมาชิกในครอบครัว Nikah มักตามมาด้วย Walima ดั้งเดิมหรือตัวเลือก
บางคู่ก็นิกะห์ กันเพียงอย่างเดียว แล้วเลี้ยงอาหารเพื่อนๆ