ສະບາຍດີ !!!
นี่คือกระทู้ที่สองของเราเอง
ทริปนี้เราไปลาว โดยที่ได้รับแรงบรรดาลใจมาจากสองกระทู้นี้
https://pantip.com/topic/33627125?fbclid=IwAR1d7f4KJM-YmPVkD2hMiYk-OKTS-e0bcnvdVUw4jQskn6NERywhxa3zP4Y
https://pantip.com/topic/35370058?fbclid=IwAR1DNxxjowD2yP4ifY3UewQFHrvHm0UXOnwO5c92BL-K-3m6r3MBVkInWmg
กระทู้แรกเป็นนักเขียนคนโปรดของเราและอีกคนเป็นแบคแพคเกอร์ที่เราชอบ ><
โดยทริปนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าเราไม่ลาออกจากงาน
ใช่ !!! เราออกลาจากโดยเหตุที่ลาออกคือ จะไปเที่ยว
เหตุผลเรามีแค่นี้จริงๆ เราชอบเที่ยวและชอบไปในที่ต่างๆ
แต่ไม่ถึงขั้นไม่ทำการทำงานขนาดนั้น ประจวบกับมันเป็นช่วงรับปริญญาเสร็จ
เราทำงานครบหนึ่งปีพอดี เลยตัดสินใจลาออกและออกเดินทางตามหาทางเดินชีวิตตัวเอง
พูดเท่ๆ ไปอย่างงั้นแหละ แต่ความจริงคือ เราแค่อยากพักผ่อนอยากหลบหนีความวุ่นวายในเมืองหลวง
เราชอบป่าชอบเขา ชอบอะไรที่มันไม่ใหญ่โต วุ่นวาย หรือหรูหรา
กลับมาที่ทริปนี้กันเถอะ ตอนแรกเราตั้งใจว่าจะไปเป็นอาทิตย์แต่พอบอกพ่อแม่เท่านั้นแหละจ้า
โดยห้ามเลย แม่บอกว่าให้หาคนไปด้วย เป็นผู้หญิงไปไหนคนเดียวมันอันตราย
แต่เราก็บอกว่าไม่ มันคือแพชชั่นของเรา เราอยากจะไปตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำ Passport
เรารู้สึกว่าถ้าเราไม่ได้ไป เราจะไม่สามารถก้าวต่อได้ เหมือนมันเป็นบทพิสูจน์ในชีวิตเรา
ทริปนี้เราแพลนถึงแค่หลวงพระบางเพราะเราไม่รู้ว่าพอไปถึงเราจะไปไหนต่อ
เรากลัวความเบื่อเรา แบบพอถึงหลวงพระบางก็อยากกลับอะไรงี้ 555555
เลยวางแพลนไว้แค่นั้น
เอาหล่ะ !!!
พร่ำเพ้อ พรรณนามาเนินนาน เข้าทริปกันเถอะ
A L O N E T R I P W I T H M Y S E L F ! ! !

สตาร์ทด้วยรถไฟอีกแล้ว ไม่รู้ชีวิตทำไมชอบเดินทางด้วยรถไฟ ทั้งที่บ้านตัวเองก็ไม่มีรถไฟตัดผ่าน
เนื่องจากว่าเราผ่านประสบการณ์อันโชกโชนจากการนั่งรถไฟชั้น 3 มาแล้ว ครั้งนี้ฉันขอปฏิภาณตนว่า
จะไม่ยอมให้ตัวเองลำบากด้วยการนั่งรถไฟชั้น 3 โดยเด็ดขาด บวกกับระยะทางที่ไกลขนาดนี้แล้ว
ตูดระบมชัวร์ 555555
ครั้งนี้เราเลือกเดินทางโดยรถไฟปรับอากาศชั้นสองกับราคาตั๋ว 498 เราไม่รู้ว่าถ้านั่งรถทัวร์มันจะถูกกว่านี้มั้ยหรือราคาเท่าไหร่
แต่คือเราอยากนั่งรถไฟไป แต่จะให้นั่งชั้นสามคงทำไมไม่ได้ มันเลยจบลงด้วยประการฉะนี้

ว๊าปมาถึงสถานนีรถไฟหนองคาย ก่อนจะมาเราค่อนข้างงงกับการเดินทางไปที่ลาวนะ หาข้อมูลอ่านๆ มา มันมีวิธีข้ามคร่าวๆ คือ
1.วิธีสบายสุด นั่งขึ้นบินไปลงเวียงจันทน์สำหรับคนที่จะไปเที่ยววังเวียง (ส่วนคนที่จะไปเที่ยวหลวงพระบาง บินไปหลวงพระบางเลยจ้า
อย่ามาทางลำบากแบบนี้เว้นแต่อยากแวะเวียงจันทน์ วังเวียงก่อน)
2.วิธีที่สบายรองลงมาสำหรับคนอยากบินในประเทศ บินมาลงสนามบินอุดรธานีแล้วต่อรถบัสเข้าเวียงจันทน์
3.วิธีโลคอลเช่นเรา นั่งรถไฟมาลงหนองคายหรือลงอุดรธานีก็ได้แล้วค่อยต่อรถเข้าด่านเวียงจันทน์
4.วิธีสุดท้ายที่เราไม่รู้จะตั้งชื่อว่าอะไร คือการนั่งรถบัสมาลงหนองคายหรือลงอุดรธานีก็ได้แล้วค่อยต่อรถเข้าด่านเวียงจันทน์
ซึ่งไอ้วิธีของเรา ตอนแรกเราก็งงๆ นะถ้ามาถึงสถานนีรถไฟหนองคายแล้วทำยังไงต่อ ปกติสถานนีขนส่งรถบัสกับรถไฟมันคนละที่ชัวร์
สรุป เราไปไล่ๆ อ่านมาเค้าบอกว่าสถานนีรถไฟหนองคายกับด่านหนองค่ายอยู่ไม่ไกลมาเดินไปได้ แล้วยังบอกอีกว่าด่านเปิด 8 โมง
(แต่เพิ่งมารู้ที่หลังว่าด่านเค้าเปิดตั้งแต่หกโมงแล้วที่เปิดแปดโมงช้านไปอ่านรีวิวมาผิด TT)
ด้วยความที่เรานั่งรถไฟมาถึงเช้าประมาณตีห้า เราเลยสโลว์ไลฟ์ด้วยการนั่งเล่นโทรศัพท์ ใช่!!! เล่นโทรศัพท์จนเกือบเจ็ดโมง ก็มีรถไฟอีกขบวนมาถึง
พร้อมกับเสียงนายสถานนีบอกว่าใครจะนั่งรถไฟไปลาวให้รีบมาซื้อตั๋ว
ด้วยความที่เราเคยอ่านรีวิวเรื่องนั่งรถไฟข้ามไปลาวเหมือนกันแต่เราดูเวลาในรีวิวกับตารางรถไฟ รถไฟมันออก 9 โมง แล้วทำไมตอนนี้มันออก
แต่ก็ไม่เป็นไรไหนๆ ก็ได้ข้ามไปลาวเหมือนกันแถมไม่ต้องเดินไปด่านหนองคายอีก นั่งรถไฟข้ามปรื้นไปเลย โดยที่หารู้ไม่ว่าหายนะกำลังเริ่มต้นขึ้น ฮึฮึ

ตั๋วรถไฟและราคาตั๋ว โดยที่ก่อนจะข้ามต้องไปทำเรื่องที่ตม.โดยอยู่ข้าวสถานนีเลย มีชาวต่างชาติบางส่วนมาต่อแถวเพื่อผ่านด่าน
ซึ่งของคนต่างชาติจะนานหน่อยเพราะเขาต้องกรอกแจ้งเข้าลาวและแจ้งออกไทยด้วย ส่วนพี่ไทยยื่นพาสปอตปุ๊ป ปั้ม จบเลย
อ๋อ ก่อนจะผ่านด่านนี้เราต่อแถวชาวต่างชาติอยู่ ตอนแรกเราก็งงว่าทำไมมันช้าจัง เหมือนตม.จะคุยกับเขาอะไรสักอย่างไม่เข้าใจ
เราด้วยความใจดีบวกฉันรออยู่เลยเสนอหน้าไปถาม เค้าบอกว่าพาสปอตเลยกำหนด ชาวต่างชาติก็งงเพราะเพื่อนเค้าผ่านได้
แล้วทำไมเค้าผ่านไม่ได้ สรุป ตัวแสตมป์วันที่มันเห็นแค่ JU แต่ไม่เห็นตัว L เจ้าหน้าที่เลยคิดว่ามันเป็น JUN แต่ความจริงมันคือ JUL
แต่ตัวแอลมันเลือนๆ จริงๆ จทน.เลยดูผิด สรุปจบเรื่อง อินี่ได้ยื่นพาสปอตผ่านด่านสักที

วิวการนั่งรถไฟข้ามประเทศเป็นไงหล่ะเยี่ยมมั้ย คนอื่นนั่งรถบัสข้าม แต่อินี่นั่งรถไฟข้ามจ้า

ถึงตม.ฝั่งลาวบ้าง จะบอกว่าพอเรามาถึงท่านาแล้งด้วยการเดินเพียงว้าปเดียว มันแป๊ปเดียวจริงๆ อ่า พอลงมาจากรถไฟไหนตลาด
ไหนผู้คน ทำไมมันดูโล่งๆ ตอนที่อ่านรีวิวมันมีตลาดนิ่เราเห็นในยูทูป ยังคิดในแง่ดีเดี๋ยวออกไปคงมีมั่ง มันเช้ายังไม่ตั้งไรงี้
พอยื่นเอกสารตม.เสร็จเสียค่าด่าน 50 บาท เราก็เดินวนๆ งงๆ แถวนั้น ตรงไหนคือทางออกหรอ
เลยหันไปถามพี่ที่หน้าเหมือนคนไทย เพราะแถวคนไทยกับคนลาวมันแถวเดียวกัน ส่วนช่วงต่างชาติอื่นๆ เค้าแยกอีกแถวหนึ่ง
เลยถามพี่เค้าไปว่า ต้องไปทางไหนหรอค่ะ ทางออก พี่เค้าก็บอก พี่ก็ไม่รู้ สักพักก็มีคนขับรถตู้มาชี้ว่าทางออกทางนี้
ซึ่งมันอยู่ปลายสถานนีรถไฟ เราก็แปลกใจปกติทางออกมันควรอยู่กลางๆ ไม่ใช่รึ พอไปถึงถึงบางอ้อเลยจ้า โล่ง ไร้ผู้คน
ไร้ตลาด เลยถามเค้าว่าตรงนี้ไม่มีรถสองแถวผ่านหรอ พี่เค้าก็บอกไม่มี ถ้าจะเข้าเมืองต้องเหมาไป เอาแล้วๆ ชีวิต
ทางดีๆ มีไม่ไปเจือกมานั่งรถไฟลงในที่ที่รถไม่ผ่านอีก
เรากับพี่ที่เราถามทางเมื่อกี้เลยถามว่าเหมาไปเท่าไหร่ เค้าบอก ถ้าไปสามคนคนละ 200 เราก็แบบเตรียมใจไว้หล่ะ เพราะตรงนี้
มันไม่มีรถผ่านจริงๆ แต่พี่ที่เราถามทางนางบอกเดี๋ยวนางเรียกแก็ป เราในตอนนั้นก็โอเครแก็ปก็แก็ป เพราะมันน่าจะดีกว่า
โดยที่เพิ่งมารู้หลังจากที่คุยกับพี่เค้าว่าแก็ปที่ลาวมันไม่เหมือนแก็ปที่ไทยนะ ที่นี่เค้าพัฒนาแอพเองและใช้กันเอง ไอ้เราตอนแรก
ก็เข้าใจว่าเป็นของที่มีปกติ 555555

สรุปกว่าแก็ปจะมารับเราก็นานเอาการอยู่ เลยที่อยู่คิวรถอีกคนก็มาคุยว่าถ้าเป็นลุงนะ 3 คน 500 ลุงก็ไปแล้ว แต่คนนั้นเขาไม่ยอมลดให้
เราก็ฟังพี่ที่เราถามทางคุยกับลุงไป เอาตรงๆ ตั้งแต่เข้ามาที่นี่ เหมือนภาษาเราจะใกล้เคียงกันนะ แต่บางอย่างก็สื่อสารค่อนข้างยาก
ยิ่งเราที่สกิลภาษาอีสานตกต่ำมันเลยเหมือนคุยกันคนละภาษาแต่มันก็ระดับเดียวกันอ่ะ

รถที่มารับเราคือ แคมรี่ ตอนแรกที่เอาของใส่ท้ายรถปุ๊ปเราก็เดินมาเปิดประตูเลยจ้า แต่พอเปิดเท่านั้นแหละ ซ็อค !!! ทำไมพวงมาลัยอยู่ทางนี้
นาทีนั้นเราเริ่มเข้าใจความรู้สึกคนที่มันเปิดผิดหล่ะ ว่าเค้ารู้สึกยังไง มันไม่ได้แอ๊บ แต่มันเป็นเพราะความเคยชิน บ้านเราปกติพวงมาลัยอยู่ด้านขวา
แต่ที่นี่อยู่ด้านซ้าย
ระหว่างทางที่เดินจากนอกเมืองเข้าเวียงจันทน์มันก็นานพอสมควรเราก็ได้คุยกับพี่ที่เราถามทางเพราะพี่เขาพูดไทยชัดมาก พี่เขาบอกเป็นนักเรียนทุน
มาเรียนต่อที่ไทยได้สี่ปีแล้ว ตอนนี้เพิ่งจบเลยจะกลับบ้านแต่ของมันเยอะเลยให้น้องสาวมาช่วยขน บวกกับระหว่างทางที่ถนนมันดีสลับโคลน
มีตึกราบ้านช่องสลับกับทิวทัศน์ธรรมดา แล้วมีจุดหนึ่งที่ตึกกำลังก่อสร้าง เราเลยถามว่านี่อะไร พี่เค้าก็บอกว่า อ๋อ ตึกจีนหน่ะ จีนจะครอบงำประเทศ
อยู่แล้วไรงี้ มันทำให้เรารู้สึกคิดถึงหนัง Doctor Stranger ของเกาหลีนะ แบบพระเอกมาจากเกาหลีเหนือแล้วมาเป็นแพทย์ที่เกาหลีใต้
แต่นี่เหมือนฉันกำลังเข้าเกาหลีเหนือ เพราะทุกอย่างมันค่อนข้างแปลกและใหม่สำหรับเรามาก
ก่อนจะมาแม่ก็เป็นห่วง พยายามหารีวิวหรือใครก็ตามที่ไปลาวแล้วเสียสติมาให้อ่านเรื่อยๆ มีบางครั้งที่เราจิตหลุดจะไม่ไป แต่ด้วยความยึดมั่น
และเราอยากไปจริงๆ เราเลยบอกแม่ว่าที่นั่นไม่มีอะไรอันตรายหรอก คนเหมือนกัน ไม่มีใครทำร้ายคนที่เราไม่รู้จักหรอกเว้นแต่เราจะไปทำอะไรให้
มันเหมือนความคิดในแง่ดี แต่โดยสามัญสำนึกทั่วไป เราว่ามันก็ควรจะเป็นแบบนั้นน่ะ
[CR] หนองคาย-เวียงจันทร์-วังเวียง-หลวงพระบาง และอุดมไช ทริปกลับบ้าน(แบบอ้อม) ณ เชียงราย
นี่คือกระทู้ที่สองของเราเอง
ทริปนี้เราไปลาว โดยที่ได้รับแรงบรรดาลใจมาจากสองกระทู้นี้
https://pantip.com/topic/33627125?fbclid=IwAR1d7f4KJM-YmPVkD2hMiYk-OKTS-e0bcnvdVUw4jQskn6NERywhxa3zP4Y
https://pantip.com/topic/35370058?fbclid=IwAR1DNxxjowD2yP4ifY3UewQFHrvHm0UXOnwO5c92BL-K-3m6r3MBVkInWmg
กระทู้แรกเป็นนักเขียนคนโปรดของเราและอีกคนเป็นแบคแพคเกอร์ที่เราชอบ ><
โดยทริปนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าเราไม่ลาออกจากงาน
ใช่ !!! เราออกลาจากโดยเหตุที่ลาออกคือ จะไปเที่ยว
เหตุผลเรามีแค่นี้จริงๆ เราชอบเที่ยวและชอบไปในที่ต่างๆ
แต่ไม่ถึงขั้นไม่ทำการทำงานขนาดนั้น ประจวบกับมันเป็นช่วงรับปริญญาเสร็จ
เราทำงานครบหนึ่งปีพอดี เลยตัดสินใจลาออกและออกเดินทางตามหาทางเดินชีวิตตัวเอง
พูดเท่ๆ ไปอย่างงั้นแหละ แต่ความจริงคือ เราแค่อยากพักผ่อนอยากหลบหนีความวุ่นวายในเมืองหลวง
เราชอบป่าชอบเขา ชอบอะไรที่มันไม่ใหญ่โต วุ่นวาย หรือหรูหรา
กลับมาที่ทริปนี้กันเถอะ ตอนแรกเราตั้งใจว่าจะไปเป็นอาทิตย์แต่พอบอกพ่อแม่เท่านั้นแหละจ้า
โดยห้ามเลย แม่บอกว่าให้หาคนไปด้วย เป็นผู้หญิงไปไหนคนเดียวมันอันตราย
แต่เราก็บอกว่าไม่ มันคือแพชชั่นของเรา เราอยากจะไปตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำ Passport
เรารู้สึกว่าถ้าเราไม่ได้ไป เราจะไม่สามารถก้าวต่อได้ เหมือนมันเป็นบทพิสูจน์ในชีวิตเรา
ทริปนี้เราแพลนถึงแค่หลวงพระบางเพราะเราไม่รู้ว่าพอไปถึงเราจะไปไหนต่อ
เรากลัวความเบื่อเรา แบบพอถึงหลวงพระบางก็อยากกลับอะไรงี้ 555555
เลยวางแพลนไว้แค่นั้น
เอาหล่ะ !!!
พร่ำเพ้อ พรรณนามาเนินนาน เข้าทริปกันเถอะ
A L O N E T R I P W I T H M Y S E L F ! ! !
เนื่องจากว่าเราผ่านประสบการณ์อันโชกโชนจากการนั่งรถไฟชั้น 3 มาแล้ว ครั้งนี้ฉันขอปฏิภาณตนว่า
จะไม่ยอมให้ตัวเองลำบากด้วยการนั่งรถไฟชั้น 3 โดยเด็ดขาด บวกกับระยะทางที่ไกลขนาดนี้แล้ว
ตูดระบมชัวร์ 555555
ครั้งนี้เราเลือกเดินทางโดยรถไฟปรับอากาศชั้นสองกับราคาตั๋ว 498 เราไม่รู้ว่าถ้านั่งรถทัวร์มันจะถูกกว่านี้มั้ยหรือราคาเท่าไหร่
แต่คือเราอยากนั่งรถไฟไป แต่จะให้นั่งชั้นสามคงทำไมไม่ได้ มันเลยจบลงด้วยประการฉะนี้
1.วิธีสบายสุด นั่งขึ้นบินไปลงเวียงจันทน์สำหรับคนที่จะไปเที่ยววังเวียง (ส่วนคนที่จะไปเที่ยวหลวงพระบาง บินไปหลวงพระบางเลยจ้า
อย่ามาทางลำบากแบบนี้เว้นแต่อยากแวะเวียงจันทน์ วังเวียงก่อน)
2.วิธีที่สบายรองลงมาสำหรับคนอยากบินในประเทศ บินมาลงสนามบินอุดรธานีแล้วต่อรถบัสเข้าเวียงจันทน์
3.วิธีโลคอลเช่นเรา นั่งรถไฟมาลงหนองคายหรือลงอุดรธานีก็ได้แล้วค่อยต่อรถเข้าด่านเวียงจันทน์
4.วิธีสุดท้ายที่เราไม่รู้จะตั้งชื่อว่าอะไร คือการนั่งรถบัสมาลงหนองคายหรือลงอุดรธานีก็ได้แล้วค่อยต่อรถเข้าด่านเวียงจันทน์
ซึ่งไอ้วิธีของเรา ตอนแรกเราก็งงๆ นะถ้ามาถึงสถานนีรถไฟหนองคายแล้วทำยังไงต่อ ปกติสถานนีขนส่งรถบัสกับรถไฟมันคนละที่ชัวร์
สรุป เราไปไล่ๆ อ่านมาเค้าบอกว่าสถานนีรถไฟหนองคายกับด่านหนองค่ายอยู่ไม่ไกลมาเดินไปได้ แล้วยังบอกอีกว่าด่านเปิด 8 โมง
(แต่เพิ่งมารู้ที่หลังว่าด่านเค้าเปิดตั้งแต่หกโมงแล้วที่เปิดแปดโมงช้านไปอ่านรีวิวมาผิด TT)
ด้วยความที่เรานั่งรถไฟมาถึงเช้าประมาณตีห้า เราเลยสโลว์ไลฟ์ด้วยการนั่งเล่นโทรศัพท์ ใช่!!! เล่นโทรศัพท์จนเกือบเจ็ดโมง ก็มีรถไฟอีกขบวนมาถึง
พร้อมกับเสียงนายสถานนีบอกว่าใครจะนั่งรถไฟไปลาวให้รีบมาซื้อตั๋ว
ด้วยความที่เราเคยอ่านรีวิวเรื่องนั่งรถไฟข้ามไปลาวเหมือนกันแต่เราดูเวลาในรีวิวกับตารางรถไฟ รถไฟมันออก 9 โมง แล้วทำไมตอนนี้มันออก
แต่ก็ไม่เป็นไรไหนๆ ก็ได้ข้ามไปลาวเหมือนกันแถมไม่ต้องเดินไปด่านหนองคายอีก นั่งรถไฟข้ามปรื้นไปเลย โดยที่หารู้ไม่ว่าหายนะกำลังเริ่มต้นขึ้น ฮึฮึ
ซึ่งของคนต่างชาติจะนานหน่อยเพราะเขาต้องกรอกแจ้งเข้าลาวและแจ้งออกไทยด้วย ส่วนพี่ไทยยื่นพาสปอตปุ๊ป ปั้ม จบเลย
อ๋อ ก่อนจะผ่านด่านนี้เราต่อแถวชาวต่างชาติอยู่ ตอนแรกเราก็งงว่าทำไมมันช้าจัง เหมือนตม.จะคุยกับเขาอะไรสักอย่างไม่เข้าใจ
เราด้วยความใจดีบวกฉันรออยู่เลยเสนอหน้าไปถาม เค้าบอกว่าพาสปอตเลยกำหนด ชาวต่างชาติก็งงเพราะเพื่อนเค้าผ่านได้
แล้วทำไมเค้าผ่านไม่ได้ สรุป ตัวแสตมป์วันที่มันเห็นแค่ JU แต่ไม่เห็นตัว L เจ้าหน้าที่เลยคิดว่ามันเป็น JUN แต่ความจริงมันคือ JUL
แต่ตัวแอลมันเลือนๆ จริงๆ จทน.เลยดูผิด สรุปจบเรื่อง อินี่ได้ยื่นพาสปอตผ่านด่านสักที
ไหนผู้คน ทำไมมันดูโล่งๆ ตอนที่อ่านรีวิวมันมีตลาดนิ่เราเห็นในยูทูป ยังคิดในแง่ดีเดี๋ยวออกไปคงมีมั่ง มันเช้ายังไม่ตั้งไรงี้
พอยื่นเอกสารตม.เสร็จเสียค่าด่าน 50 บาท เราก็เดินวนๆ งงๆ แถวนั้น ตรงไหนคือทางออกหรอ
เลยหันไปถามพี่ที่หน้าเหมือนคนไทย เพราะแถวคนไทยกับคนลาวมันแถวเดียวกัน ส่วนช่วงต่างชาติอื่นๆ เค้าแยกอีกแถวหนึ่ง
เลยถามพี่เค้าไปว่า ต้องไปทางไหนหรอค่ะ ทางออก พี่เค้าก็บอก พี่ก็ไม่รู้ สักพักก็มีคนขับรถตู้มาชี้ว่าทางออกทางนี้
ซึ่งมันอยู่ปลายสถานนีรถไฟ เราก็แปลกใจปกติทางออกมันควรอยู่กลางๆ ไม่ใช่รึ พอไปถึงถึงบางอ้อเลยจ้า โล่ง ไร้ผู้คน
ไร้ตลาด เลยถามเค้าว่าตรงนี้ไม่มีรถสองแถวผ่านหรอ พี่เค้าก็บอกไม่มี ถ้าจะเข้าเมืองต้องเหมาไป เอาแล้วๆ ชีวิต
ทางดีๆ มีไม่ไปเจือกมานั่งรถไฟลงในที่ที่รถไม่ผ่านอีก
เรากับพี่ที่เราถามทางเมื่อกี้เลยถามว่าเหมาไปเท่าไหร่ เค้าบอก ถ้าไปสามคนคนละ 200 เราก็แบบเตรียมใจไว้หล่ะ เพราะตรงนี้
มันไม่มีรถผ่านจริงๆ แต่พี่ที่เราถามทางนางบอกเดี๋ยวนางเรียกแก็ป เราในตอนนั้นก็โอเครแก็ปก็แก็ป เพราะมันน่าจะดีกว่า
โดยที่เพิ่งมารู้หลังจากที่คุยกับพี่เค้าว่าแก็ปที่ลาวมันไม่เหมือนแก็ปที่ไทยนะ ที่นี่เค้าพัฒนาแอพเองและใช้กันเอง ไอ้เราตอนแรก
ก็เข้าใจว่าเป็นของที่มีปกติ 555555
เราก็ฟังพี่ที่เราถามทางคุยกับลุงไป เอาตรงๆ ตั้งแต่เข้ามาที่นี่ เหมือนภาษาเราจะใกล้เคียงกันนะ แต่บางอย่างก็สื่อสารค่อนข้างยาก
ยิ่งเราที่สกิลภาษาอีสานตกต่ำมันเลยเหมือนคุยกันคนละภาษาแต่มันก็ระดับเดียวกันอ่ะ
นาทีนั้นเราเริ่มเข้าใจความรู้สึกคนที่มันเปิดผิดหล่ะ ว่าเค้ารู้สึกยังไง มันไม่ได้แอ๊บ แต่มันเป็นเพราะความเคยชิน บ้านเราปกติพวงมาลัยอยู่ด้านขวา
แต่ที่นี่อยู่ด้านซ้าย
ระหว่างทางที่เดินจากนอกเมืองเข้าเวียงจันทน์มันก็นานพอสมควรเราก็ได้คุยกับพี่ที่เราถามทางเพราะพี่เขาพูดไทยชัดมาก พี่เขาบอกเป็นนักเรียนทุน
มาเรียนต่อที่ไทยได้สี่ปีแล้ว ตอนนี้เพิ่งจบเลยจะกลับบ้านแต่ของมันเยอะเลยให้น้องสาวมาช่วยขน บวกกับระหว่างทางที่ถนนมันดีสลับโคลน
มีตึกราบ้านช่องสลับกับทิวทัศน์ธรรมดา แล้วมีจุดหนึ่งที่ตึกกำลังก่อสร้าง เราเลยถามว่านี่อะไร พี่เค้าก็บอกว่า อ๋อ ตึกจีนหน่ะ จีนจะครอบงำประเทศ
อยู่แล้วไรงี้ มันทำให้เรารู้สึกคิดถึงหนัง Doctor Stranger ของเกาหลีนะ แบบพระเอกมาจากเกาหลีเหนือแล้วมาเป็นแพทย์ที่เกาหลีใต้
แต่นี่เหมือนฉันกำลังเข้าเกาหลีเหนือ เพราะทุกอย่างมันค่อนข้างแปลกและใหม่สำหรับเรามาก
ก่อนจะมาแม่ก็เป็นห่วง พยายามหารีวิวหรือใครก็ตามที่ไปลาวแล้วเสียสติมาให้อ่านเรื่อยๆ มีบางครั้งที่เราจิตหลุดจะไม่ไป แต่ด้วยความยึดมั่น
และเราอยากไปจริงๆ เราเลยบอกแม่ว่าที่นั่นไม่มีอะไรอันตรายหรอก คนเหมือนกัน ไม่มีใครทำร้ายคนที่เราไม่รู้จักหรอกเว้นแต่เราจะไปทำอะไรให้
มันเหมือนความคิดในแง่ดี แต่โดยสามัญสำนึกทั่วไป เราว่ามันก็ควรจะเป็นแบบนั้นน่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้