บุพนิมิตมหามงคลของมหาบุรุษ ก่อนจะเป็นพระพุทธเจ้า
ก่อนที่พระมหาบุรุษจะตรัสรู้ พระองค์ท่านได้นิมิตฝัน เรียกว่า “ปัญจมหาสุบิน” เป็นบุพนิมิตมหามงคล ๕ ประการ ได้แก่
๑. ทรงพระสุบินว่า พระองค์เสด็จบรรทมหงายเหนือพื้นปฐพี พระเศียรหนุนภูเขาหิมพานต์ต่างพระเขนย หรือหมอน พระหัตถ์ซ้ายหยั่งลงในมหาสมุทรทางทิศตะวันออก พระหัตถ์ขวาหยั่งลงทางทิศตะวันตก และพระบาททั้งสองหยั่งลงในมหาสมุทรทางทิศใต้
หมายความว่า พระมหาบุรุษจะได้ตรัสรู้ธรรม เป็นพระพุทธเจ้าทรงเป็นบุคคลผู้เลิศทั้ง ๓ โลก ได้แก่ เทวโลก มนุษย์โลก และยมโลก
ที่ว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้ใหญ่ทั้ง ๓ โลก หมายความว่า พระปัญญาของพระองค์ครอบคลุมหมด
สรุป บารมีท่านครอบคลุมทั้งหมด
๒. ทรงพระสุบินว่า ติณชาติ หรือหญ้าแพรก เส้นหนึ่งงอกออกจากพระนาภี หรือสะดือสูงขึ้นไปจนถึงท้องฟ้า
หมายความว่า ทำไมต้องเป็นหญ้าแพรก เพราะคนสมัยนั้นเขานับถือ เปรียบเสมือนว่า พระพุทธเจ้าตั้งแต่บนดินไปจนถึงบนฟ้าไม่มีที่สิ้นสุด คือ ตั้งแต่ต่ำสุดไปถึงสูงสุด หมายถึง ภูมิปัญญาของพระพุทธเจ้าทรงรอบรู้ตั้งแต่ต่ำสุดไปถึงสูงสุด ทรงสอนทั้งโลกิยะต่ำสุดและโลกุตตระสูงสุด เข้าสู่ มรรค ผล นิพพาน
สรุป ท่านมีภูมิปัญญาตั้งแต่ล่างสุดไปจนถึงบนสุด
๓. ทรงพระสุบินว่า หมู่กิมิชาติ หรือหนอน ทั้งหลาย อันมีสีขาวบ้างดำบ้างเป็นอันมาก ไต่ขึ้นมาแต่พื้นพระบาท ทั้งสองจนเต็มพระชงฆ์ หรือแข้ง และไต่ขึ้นมาถึงพระชานุมณฑล คือถึงหัวเข่า
หมายความว่า สัตว์โลกทั้งหลายทั้งปวงจะต้องมาพึ่งพาอาศัยพระพุทธเจ้า
สรุป เป็นที่พึ่งของสัตว์โลกทั้งหลาย
๔. ทรงพระสุบินว่า หมู่สกุณชาติ หรือนก ทั้ง ๔ จำพวก มีสีต่าง ๆ กัน คือ สีเหลือง สีขาว สีแดง และสีดำ บินจากทิศทั้ง ๔ ลงมาจับแทบพระบาทแล้วก็กลับกลายเป็นสีขาวไปทั้งสิ้น
หมายความว่า นก เปรียบเสมือนกษัตริย์ พราหมณ์ นักบวช ผู้รู้บัณฑิตทั้งหลายเป็นผู้มีภูมิความรู้ทั้งหลายต่างมายอมรับ นับถือพระพุทธเจ้า
นกสีเหลือง สีขาว สีแดง และสีดำ แล้วกลับกลายมาเป็นสีขาวนั้น หมายความว่า บริสุทธิ์ใจที่จะมานับถือพระพุทธเจ้า และนับถือพระพุทธเจ้าด้วยความบริสุทธิ์ใจ
สรุป เหล่าปัญญาชนทั้งหลายมาเคารพด้วยความบริสุทธิ์ใจ
๕. ทรงพระสุบินว่า พระองค์เสด็จขึ้นไปเดินจงกรมบนยอดภูเขาอันเต็มไปด้วยอาจม แต่อาจมเหล่านั้น มิได้เปรอะเปื้อนพระยุคลบาท
หมายความว่า แสดงถึงบารมี ตบะของพระพุทธเจ้าสูงมาก แม้ว่ามีโลกธรรม ๘ ต่างๆ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทาว่าร้าย ทุกข์ สิ่งเหล่านี้ก็ไม่สามารถทำให้จิตใจของพระพุทธเจ้าลุ่มหลงได้ หรือมีมลทินแม้แต่น้อย
สรุป บารมีตบะ
แล้วเป็นพระพุทธเจ้าแล้วฝันได้เหรอ?
ถ้าหากว่าฝันก็แสดงว่าเป็นสิ่งปรุงแต่งแล้วนี่ แต่ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นนิมิต หมายความว่า พระพุทธเจ้าท่านอยากให้มี ไว้เป็นอนุสรณ์ อนุสสติ เป็นวิทยาทาน เป็นความรู้ต่อไปว่าพระพุทธเจ้ามีอะไรบ้าง แล้วมาบอกเป็นปริศนาธรรม คนเขาจะได้เห็นเป็นตัวอย่าง จะได้มีความเชื่อศรัทธายิ่งขึ้น เป็นกุศโลบายอย่างหนึ่ง
ถ้าหากว่ามีนิมิตนี้ จะทำให้เรามั่นคงกับพระพุทธเจ้ามากขึ้น ถ้าเราไม่มีตัวเปรียบเปรย ปริศนาธรรมให้ปรากฏ ก็จะหาว่าพระพุทธเจ้า หล่วยถ้วย
พระพุทธเจ้าจะยกย่องตัวเองก็ไม่ได้ ไม่ควร แต่เป็นนิมิตให้ผู้คนไปตีความเป็นปริศนาธรรมได้
^_^ ..._/\_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต
บุพนิมิตมหามงคลของมหาบุรุษ ก่อนจะเป็นพระพุทธเจ้า
ก่อนที่พระมหาบุรุษจะตรัสรู้ พระองค์ท่านได้นิมิตฝัน เรียกว่า “ปัญจมหาสุบิน” เป็นบุพนิมิตมหามงคล ๕ ประการ ได้แก่
๑. ทรงพระสุบินว่า พระองค์เสด็จบรรทมหงายเหนือพื้นปฐพี พระเศียรหนุนภูเขาหิมพานต์ต่างพระเขนย หรือหมอน พระหัตถ์ซ้ายหยั่งลงในมหาสมุทรทางทิศตะวันออก พระหัตถ์ขวาหยั่งลงทางทิศตะวันตก และพระบาททั้งสองหยั่งลงในมหาสมุทรทางทิศใต้
หมายความว่า พระมหาบุรุษจะได้ตรัสรู้ธรรม เป็นพระพุทธเจ้าทรงเป็นบุคคลผู้เลิศทั้ง ๓ โลก ได้แก่ เทวโลก มนุษย์โลก และยมโลก
ที่ว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้ใหญ่ทั้ง ๓ โลก หมายความว่า พระปัญญาของพระองค์ครอบคลุมหมด
สรุป บารมีท่านครอบคลุมทั้งหมด
๒. ทรงพระสุบินว่า ติณชาติ หรือหญ้าแพรก เส้นหนึ่งงอกออกจากพระนาภี หรือสะดือสูงขึ้นไปจนถึงท้องฟ้า
หมายความว่า ทำไมต้องเป็นหญ้าแพรก เพราะคนสมัยนั้นเขานับถือ เปรียบเสมือนว่า พระพุทธเจ้าตั้งแต่บนดินไปจนถึงบนฟ้าไม่มีที่สิ้นสุด คือ ตั้งแต่ต่ำสุดไปถึงสูงสุด หมายถึง ภูมิปัญญาของพระพุทธเจ้าทรงรอบรู้ตั้งแต่ต่ำสุดไปถึงสูงสุด ทรงสอนทั้งโลกิยะต่ำสุดและโลกุตตระสูงสุด เข้าสู่ มรรค ผล นิพพาน
สรุป ท่านมีภูมิปัญญาตั้งแต่ล่างสุดไปจนถึงบนสุด
๓. ทรงพระสุบินว่า หมู่กิมิชาติ หรือหนอน ทั้งหลาย อันมีสีขาวบ้างดำบ้างเป็นอันมาก ไต่ขึ้นมาแต่พื้นพระบาท ทั้งสองจนเต็มพระชงฆ์ หรือแข้ง และไต่ขึ้นมาถึงพระชานุมณฑล คือถึงหัวเข่า
หมายความว่า สัตว์โลกทั้งหลายทั้งปวงจะต้องมาพึ่งพาอาศัยพระพุทธเจ้า
สรุป เป็นที่พึ่งของสัตว์โลกทั้งหลาย
๔. ทรงพระสุบินว่า หมู่สกุณชาติ หรือนก ทั้ง ๔ จำพวก มีสีต่าง ๆ กัน คือ สีเหลือง สีขาว สีแดง และสีดำ บินจากทิศทั้ง ๔ ลงมาจับแทบพระบาทแล้วก็กลับกลายเป็นสีขาวไปทั้งสิ้น
หมายความว่า นก เปรียบเสมือนกษัตริย์ พราหมณ์ นักบวช ผู้รู้บัณฑิตทั้งหลายเป็นผู้มีภูมิความรู้ทั้งหลายต่างมายอมรับ นับถือพระพุทธเจ้า
นกสีเหลือง สีขาว สีแดง และสีดำ แล้วกลับกลายมาเป็นสีขาวนั้น หมายความว่า บริสุทธิ์ใจที่จะมานับถือพระพุทธเจ้า และนับถือพระพุทธเจ้าด้วยความบริสุทธิ์ใจ
สรุป เหล่าปัญญาชนทั้งหลายมาเคารพด้วยความบริสุทธิ์ใจ
๕. ทรงพระสุบินว่า พระองค์เสด็จขึ้นไปเดินจงกรมบนยอดภูเขาอันเต็มไปด้วยอาจม แต่อาจมเหล่านั้น มิได้เปรอะเปื้อนพระยุคลบาท
หมายความว่า แสดงถึงบารมี ตบะของพระพุทธเจ้าสูงมาก แม้ว่ามีโลกธรรม ๘ ต่างๆ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทาว่าร้าย ทุกข์ สิ่งเหล่านี้ก็ไม่สามารถทำให้จิตใจของพระพุทธเจ้าลุ่มหลงได้ หรือมีมลทินแม้แต่น้อย
สรุป บารมีตบะ
แล้วเป็นพระพุทธเจ้าแล้วฝันได้เหรอ?
ถ้าหากว่าฝันก็แสดงว่าเป็นสิ่งปรุงแต่งแล้วนี่ แต่ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นนิมิต หมายความว่า พระพุทธเจ้าท่านอยากให้มี ไว้เป็นอนุสรณ์ อนุสสติ เป็นวิทยาทาน เป็นความรู้ต่อไปว่าพระพุทธเจ้ามีอะไรบ้าง แล้วมาบอกเป็นปริศนาธรรม คนเขาจะได้เห็นเป็นตัวอย่าง จะได้มีความเชื่อศรัทธายิ่งขึ้น เป็นกุศโลบายอย่างหนึ่ง
ถ้าหากว่ามีนิมิตนี้ จะทำให้เรามั่นคงกับพระพุทธเจ้ามากขึ้น ถ้าเราไม่มีตัวเปรียบเปรย ปริศนาธรรมให้ปรากฏ ก็จะหาว่าพระพุทธเจ้า หล่วยถ้วย
พระพุทธเจ้าจะยกย่องตัวเองก็ไม่ได้ ไม่ควร แต่เป็นนิมิตให้ผู้คนไปตีความเป็นปริศนาธรรมได้
^_^ ..._/\_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต