บอกเลยนะครับว่ายาว ถึงยาวมากๆครับ
เรื่องมันเกิดมาได้ประมาณ 3 เดือนตั้งแต่ผมได้เข้ามาทำงานที่นี่ ตอนที่เข้าสัมภาษณ์พี่เขาก็ดูนิ่งๆ ดุๆ แต่ตอนยิ้มพี่เขาก็น่ารักดี พี่เขาแก่กว่าประมาณ 6 ปี
วันที่เข้ามาเริ่มงานวันแรก พี่เขาเป็นคนแรกที่ให้แอดเฟสเป็นคนแรกที่มาคอยสอนงาน ( ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่านะครับ ตั้งแต่อยู่มาเนี่ยไม่เคยเห็นพี่เขาทำแบบนี้กับเด็กใหม่คนไหนเลยนอกจากผมคนเดียว ) ทั้งเฟสหลักและเฟสรอง ( มารู้ทีหลังว่าเฟสรองของพี่เขาเป็นเพื่อนกับเรามาตั้งแต่ปี 2561 ก่อนจะเข้ามาทำงานที่นี่อีก )
กลับบ้านวันแรกก็มีพี่เขาทักมาตอนกลับว่า ถึงหรือยัง เป็นยังไง คอยถามไถ่ ห่วงใยเสมอ แต่ในไลน์ที่พี่เขาคุยคนล่ะเรื่องเลย พี่เขาคุยเป็นเด็กวัยรุ่นคนนึงนี่ล่ะ ความแบ๊ว ความแง๊วๆ ของพี่เขาน่ารักมากครับ
ชีวิตก็ดำเนินไปตามปกติพักเที่ยงลงไปกินข้าวพร้อมกัน มีการพูดคุยเรื่องส่วนตัวกันบ้าง ก็ได้รับรู้ว่าพี่เขามีแฟน มีลูกแล้วคนนึง ก็ 9 ขวบแล้วเนอะ ถามว่าตอนนั้นชอบพี่เขาหรือยัง ก็นิดนึงอ่ะครับ ด้วยความที่เราคุยไลน์กันตลอด ไม่ใช่เราสิ เป็นผมคนเดียวมากกว่าที่ชอบทักไปหาพี่เขา ทั้งตอนเช้ามาทำงาน ตอนถึงออฟฟิศทักไปว่าจะเอาอะไรมั้ย ตอนกลับขึ้นรถ เพราะในตอนแรกๆ พี่เขาทักมาก่อน อาจจะเพราะเราเด็กใหม่พี่เขาเลยดูแลในฐานะพี่มั้ง นี่คืออีกมุมที่ใจคิด เลยทำให้ตอนที่กลับบ้าน ไม่ว่าผมจะได้ขึ้นรถตอนไหน ถึงบ้านตอนไหน ก็จะทักกลับไปบอกพี่เขาเสมอ
ก็เริ่มรู้สึกดีมาเรื่อยๆ แต่อีกมุมหนึ่งเราก็คิดนะว่า พี่เขามีแฟนเป็นผช.ไปแล้ว มีลูกแล้ว คงไม่ชอบทอมแบบเราหรอก แล้ววันนึงเราก็ได้รู้ว่าจริงๆแล้วพี่เขาก็ไม่ได้ฟิคเรื่องเพศ คุยกับใครแล้วสบายใจก็คบคนนั้น เลยลองแย๊บไปหมัดนึง งั้นให้จีบได้มั้ยล่ะ พี่เขาก็บอกแน่ใจนะว่าใช่ รู้จักกันมากกว่านี้ก่อนมั้ยแล้วค่อยว่ากัน พี่เขาบอกสตอรี่หรือเรื่องราวพี่เยอะ ลองคุยก่อนอาจจะไม่ใช่แนวที่เราชอบก็ได้
วันที่พี่เขาได้เปิดให้ผมได้รู้จักพี่เขามากขึ้นคือ 310562 ตลาดนัดรถไฟรัชดา ทุกคนคงคิดใช่ไหมครับ ว่าทำไมไม่ไปร้านที่มันบรรยากาศดีๆ แต่บอกก่อนครับพี่เขาไม่ชอบแนวหรู ชอบแนวติดดินๆ บ้านๆ ก่อนไปก็เลือกกันล่ะครับว่าสรุปจะไปกินอะไรที่ไหน (ตอนแรกที่นัดกันเพราะติดเลี้ยงเบียร์พี่เขาเนื่องจากไปบอกพี่เขาว่าถูกหวยงวดนั้น เลยคุยกันเล่นๆว่าป่ะพี่ลิ้นเดือนจัดเลย พี่เขาขอเปลี่ยนเป็นขวดสีม่วงๆได้มั้ยตอนนั้นสปายสีม่วงกำลังฮิต) เลยลงเอยกันที่ตลาดนัดรถไฟรัชดา ก็ไปนั่งร้านส้มตำครับ พี่เขาเป็นคนเลือกพี่เขาบอกร้านนี้อร่อย ผมก็เห็นว่าเอออมันก็ดีนะ มีอาหารกินได้นั่งกินเบียร์ด้วย (สรุปสั่งเบียร์มากินคนเดียว มารู้ทีหลัง อีกล่ะ!! ว่าพี่เขาไม่ชอบของพวกนี้) ก็ได้นั่งคุยกันไป พี่เขาก็เล่าให้ฟังหมดจนเราได้รู้ว่า ตอนนี้พี่เขาคบทอมอยู่เหมือนกัน อยู่กันมา 5 ปีล่ะ แต่พี่เขาบอกว่าโดนทำร้ายความรู้สึก ประมาณว่าชอบ เหน็บแนม เวลาที่พ่อของลูกและลูกพี่เขามา ซึ่งผมมองว่า เรื่องนั้นเป็นเรื่องของครอบครัวพี่เขามันเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะไปหาลูก เพราะยังไงนั่นคือลูกเขา ครอบครัวเขาแต่ถามว่าพี่เขาจะกลับไปดีกับพ่อของลูกเขาไหม ไม่กลับแล้วเพราะเลิกกันมานานมากแล้ว น่าจะประมาณ 5 ปีพอดีกับที่พี่เขาคบกับคนนี้ พี่เขาเล่าให้ฟังว่า คบกันมา 5 ปีแล้ว ยังไม่มีของอะไรร่วมกันสักอย่าง จะชวนซื้ออะไรก็ไม่ยอม จนตอนสุดท้ายก่อนจะแยกย้าย เลยถามพี่เขาว่าสรุปให้จีบได้ไหม พี่เขาก็ยังคงย้อนถามกลับมาเหมือนเดิม กลับไปคิดให้ดีๆก่อนอีกทีว่ายังอยากจะจีบอยู่ไหม ถ้าคบกันแล้วจะรับตัวตนของพี่เขาได้ไหม สรุปพอผมถึงบ้านก็ตอบพี่เขาไปว่า ผมแน่ใจแล้วที่จะจีบพี่
จากนั้นก็คุยกันมาเรื่อยๆ ผมก็ทำเหมือนคนคุยกันเลย ไปไหนมาไหนบอกตลอด จากที่ทักแค่เช้า ถึงออฟฟิศ กลับบ้าน ก็จะเป็นคุยกันมากขึ้น
ประกอบกับพี่เขาเองก็เริ่มบอกว่ามีอะไรก็ให้บอกเขา คุยกับเขาได้หมด เหมือนเรื่องจะเป็นไปได้ด้วยดีใช่ไหมครับ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นครับ (อินโทร
อ้าวเฮ้ยย มา)
เรื่องที่ผมกับพี่เขาคุยกันหรือเรื่องที่พี่เขามีแฟนที่เป็นทอมอยู่ด้วยกันนั้น เป็นเรื่องที่ในออฟฟิศไม่มีใครรู้ ถามว่าพี่เขาห้ามไหม พี่เขาบอกไม่สนใจ แต่สำหรับผม ผมรู้ว่าพี่เขาเป็นคนไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับตัวพี่เขา และชีวิตส่วนตัวพี่เขา ดังนั้นหากมีใครสักคนรู้ ชีวิตพี่เขาไม่เป็นสุขแน่ ตัวผมเองอ่ะไม่เป็นอะไร แต่ผมห่วงพี่เขามากกว่า เลยตกลงกันว่า เวลาอยู่ออฟฟิศ เราจะเป็นพี่น้องในทีมร่วมงานกันเท่านั้น จิกกัดกันได้ปกติ ส่วนเรื่องที่เราคุยกันเป็นเรื่องของเราสองคน ถามว่าผมอึดอัดไหม ผมเฉยๆนะ แค่พี่เขารู้ว่าผมชอบและทำตัวปกติกับผมในทุกๆวัน ผมก็โอเคแล้ว
ที่ตั้งกระทู้มาไม่ได้จะมาขอความคิดเห็นหรืออะไร อยากจะเล่าสู่กันฟังมากกว่านะครับ ผมรู้ตัวดีว่าที่ผมทำมันผิด ผิดที่ชอบคนที่มีแฟนแล้ว แต่ให้ผมทำยังไงล่ะครับ ก็คนมันชอบไปแล้ว แต่ถ้าถามว่าอยากแย่งมาไหม ไม่นะครับ ผมมีความสุขเวลาที่เห็นเขากับแฟนไปไหนมาไหนด้วยกัน นั่นหมายถึง พี่เขากับแฟนไม่ได้ทะเลาะกัน พี่เขามีความสุขดี สำหรับผม มีนิยามเดียวสำหรับความรักของผม “ความรักคือการให้และการเสียสละ ถึงเราจะไม่ได้ครอบครองแต่การให้เห็นเขามีความสุขมันก็โอเคแล้ว”
แอบชอบพี่ที่ออฟฟิศ แต่พี่เขามีแฟนแล้ว พี่เขารับรู้ว่าชอบ และไม่ได้ว่าอะไร เหมือนจะเปิดใจด้วย รายละเอียดต่อด้านใน
เรื่องมันเกิดมาได้ประมาณ 3 เดือนตั้งแต่ผมได้เข้ามาทำงานที่นี่ ตอนที่เข้าสัมภาษณ์พี่เขาก็ดูนิ่งๆ ดุๆ แต่ตอนยิ้มพี่เขาก็น่ารักดี พี่เขาแก่กว่าประมาณ 6 ปี
วันที่เข้ามาเริ่มงานวันแรก พี่เขาเป็นคนแรกที่ให้แอดเฟสเป็นคนแรกที่มาคอยสอนงาน ( ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่านะครับ ตั้งแต่อยู่มาเนี่ยไม่เคยเห็นพี่เขาทำแบบนี้กับเด็กใหม่คนไหนเลยนอกจากผมคนเดียว ) ทั้งเฟสหลักและเฟสรอง ( มารู้ทีหลังว่าเฟสรองของพี่เขาเป็นเพื่อนกับเรามาตั้งแต่ปี 2561 ก่อนจะเข้ามาทำงานที่นี่อีก )
กลับบ้านวันแรกก็มีพี่เขาทักมาตอนกลับว่า ถึงหรือยัง เป็นยังไง คอยถามไถ่ ห่วงใยเสมอ แต่ในไลน์ที่พี่เขาคุยคนล่ะเรื่องเลย พี่เขาคุยเป็นเด็กวัยรุ่นคนนึงนี่ล่ะ ความแบ๊ว ความแง๊วๆ ของพี่เขาน่ารักมากครับ
ชีวิตก็ดำเนินไปตามปกติพักเที่ยงลงไปกินข้าวพร้อมกัน มีการพูดคุยเรื่องส่วนตัวกันบ้าง ก็ได้รับรู้ว่าพี่เขามีแฟน มีลูกแล้วคนนึง ก็ 9 ขวบแล้วเนอะ ถามว่าตอนนั้นชอบพี่เขาหรือยัง ก็นิดนึงอ่ะครับ ด้วยความที่เราคุยไลน์กันตลอด ไม่ใช่เราสิ เป็นผมคนเดียวมากกว่าที่ชอบทักไปหาพี่เขา ทั้งตอนเช้ามาทำงาน ตอนถึงออฟฟิศทักไปว่าจะเอาอะไรมั้ย ตอนกลับขึ้นรถ เพราะในตอนแรกๆ พี่เขาทักมาก่อน อาจจะเพราะเราเด็กใหม่พี่เขาเลยดูแลในฐานะพี่มั้ง นี่คืออีกมุมที่ใจคิด เลยทำให้ตอนที่กลับบ้าน ไม่ว่าผมจะได้ขึ้นรถตอนไหน ถึงบ้านตอนไหน ก็จะทักกลับไปบอกพี่เขาเสมอ
ก็เริ่มรู้สึกดีมาเรื่อยๆ แต่อีกมุมหนึ่งเราก็คิดนะว่า พี่เขามีแฟนเป็นผช.ไปแล้ว มีลูกแล้ว คงไม่ชอบทอมแบบเราหรอก แล้ววันนึงเราก็ได้รู้ว่าจริงๆแล้วพี่เขาก็ไม่ได้ฟิคเรื่องเพศ คุยกับใครแล้วสบายใจก็คบคนนั้น เลยลองแย๊บไปหมัดนึง งั้นให้จีบได้มั้ยล่ะ พี่เขาก็บอกแน่ใจนะว่าใช่ รู้จักกันมากกว่านี้ก่อนมั้ยแล้วค่อยว่ากัน พี่เขาบอกสตอรี่หรือเรื่องราวพี่เยอะ ลองคุยก่อนอาจจะไม่ใช่แนวที่เราชอบก็ได้
วันที่พี่เขาได้เปิดให้ผมได้รู้จักพี่เขามากขึ้นคือ 310562 ตลาดนัดรถไฟรัชดา ทุกคนคงคิดใช่ไหมครับ ว่าทำไมไม่ไปร้านที่มันบรรยากาศดีๆ แต่บอกก่อนครับพี่เขาไม่ชอบแนวหรู ชอบแนวติดดินๆ บ้านๆ ก่อนไปก็เลือกกันล่ะครับว่าสรุปจะไปกินอะไรที่ไหน (ตอนแรกที่นัดกันเพราะติดเลี้ยงเบียร์พี่เขาเนื่องจากไปบอกพี่เขาว่าถูกหวยงวดนั้น เลยคุยกันเล่นๆว่าป่ะพี่ลิ้นเดือนจัดเลย พี่เขาขอเปลี่ยนเป็นขวดสีม่วงๆได้มั้ยตอนนั้นสปายสีม่วงกำลังฮิต) เลยลงเอยกันที่ตลาดนัดรถไฟรัชดา ก็ไปนั่งร้านส้มตำครับ พี่เขาเป็นคนเลือกพี่เขาบอกร้านนี้อร่อย ผมก็เห็นว่าเอออมันก็ดีนะ มีอาหารกินได้นั่งกินเบียร์ด้วย (สรุปสั่งเบียร์มากินคนเดียว มารู้ทีหลัง อีกล่ะ!! ว่าพี่เขาไม่ชอบของพวกนี้) ก็ได้นั่งคุยกันไป พี่เขาก็เล่าให้ฟังหมดจนเราได้รู้ว่า ตอนนี้พี่เขาคบทอมอยู่เหมือนกัน อยู่กันมา 5 ปีล่ะ แต่พี่เขาบอกว่าโดนทำร้ายความรู้สึก ประมาณว่าชอบ เหน็บแนม เวลาที่พ่อของลูกและลูกพี่เขามา ซึ่งผมมองว่า เรื่องนั้นเป็นเรื่องของครอบครัวพี่เขามันเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะไปหาลูก เพราะยังไงนั่นคือลูกเขา ครอบครัวเขาแต่ถามว่าพี่เขาจะกลับไปดีกับพ่อของลูกเขาไหม ไม่กลับแล้วเพราะเลิกกันมานานมากแล้ว น่าจะประมาณ 5 ปีพอดีกับที่พี่เขาคบกับคนนี้ พี่เขาเล่าให้ฟังว่า คบกันมา 5 ปีแล้ว ยังไม่มีของอะไรร่วมกันสักอย่าง จะชวนซื้ออะไรก็ไม่ยอม จนตอนสุดท้ายก่อนจะแยกย้าย เลยถามพี่เขาว่าสรุปให้จีบได้ไหม พี่เขาก็ยังคงย้อนถามกลับมาเหมือนเดิม กลับไปคิดให้ดีๆก่อนอีกทีว่ายังอยากจะจีบอยู่ไหม ถ้าคบกันแล้วจะรับตัวตนของพี่เขาได้ไหม สรุปพอผมถึงบ้านก็ตอบพี่เขาไปว่า ผมแน่ใจแล้วที่จะจีบพี่
จากนั้นก็คุยกันมาเรื่อยๆ ผมก็ทำเหมือนคนคุยกันเลย ไปไหนมาไหนบอกตลอด จากที่ทักแค่เช้า ถึงออฟฟิศ กลับบ้าน ก็จะเป็นคุยกันมากขึ้น
ประกอบกับพี่เขาเองก็เริ่มบอกว่ามีอะไรก็ให้บอกเขา คุยกับเขาได้หมด เหมือนเรื่องจะเป็นไปได้ด้วยดีใช่ไหมครับ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นครับ (อินโทร
อ้าวเฮ้ยย มา)
เรื่องที่ผมกับพี่เขาคุยกันหรือเรื่องที่พี่เขามีแฟนที่เป็นทอมอยู่ด้วยกันนั้น เป็นเรื่องที่ในออฟฟิศไม่มีใครรู้ ถามว่าพี่เขาห้ามไหม พี่เขาบอกไม่สนใจ แต่สำหรับผม ผมรู้ว่าพี่เขาเป็นคนไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับตัวพี่เขา และชีวิตส่วนตัวพี่เขา ดังนั้นหากมีใครสักคนรู้ ชีวิตพี่เขาไม่เป็นสุขแน่ ตัวผมเองอ่ะไม่เป็นอะไร แต่ผมห่วงพี่เขามากกว่า เลยตกลงกันว่า เวลาอยู่ออฟฟิศ เราจะเป็นพี่น้องในทีมร่วมงานกันเท่านั้น จิกกัดกันได้ปกติ ส่วนเรื่องที่เราคุยกันเป็นเรื่องของเราสองคน ถามว่าผมอึดอัดไหม ผมเฉยๆนะ แค่พี่เขารู้ว่าผมชอบและทำตัวปกติกับผมในทุกๆวัน ผมก็โอเคแล้ว
ที่ตั้งกระทู้มาไม่ได้จะมาขอความคิดเห็นหรืออะไร อยากจะเล่าสู่กันฟังมากกว่านะครับ ผมรู้ตัวดีว่าที่ผมทำมันผิด ผิดที่ชอบคนที่มีแฟนแล้ว แต่ให้ผมทำยังไงล่ะครับ ก็คนมันชอบไปแล้ว แต่ถ้าถามว่าอยากแย่งมาไหม ไม่นะครับ ผมมีความสุขเวลาที่เห็นเขากับแฟนไปไหนมาไหนด้วยกัน นั่นหมายถึง พี่เขากับแฟนไม่ได้ทะเลาะกัน พี่เขามีความสุขดี สำหรับผม มีนิยามเดียวสำหรับความรักของผม “ความรักคือการให้และการเสียสละ ถึงเราจะไม่ได้ครอบครองแต่การให้เห็นเขามีความสุขมันก็โอเคแล้ว”