ตามหลักทางเศรษฐศาสตร์ที่แท้จริง คือ ค่าเงินยิ่งอ่อน ยิ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม แต่ตำราเศรษฐศาสตร์กำลังหลอกเราอยู่

โดยเฉพาะกลุ่มชนชั้นล่างจะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการอ่อนของค่าเงินมากที่สุด เพราะสามารถใช้เงินจำนวนเท่าเดิม ซื้อสินค้าในที่ถูกลงได้ ยังไม่นับ เรื่องของการส่งออก และ การท่องเที่ยว ที่จะได้ประโยชน์จากจุดๆนี้ ค่าเงินแข็ง ไม่เห็นจะมีอะไรดี best perfroming currency น่าจะ best สำหรับคนกลุ่มคนรวยเสียมากกว่า คนจน ทุกข์ทรมานจากการแข็งของค่าเงินเสมอ กรณีตัวอย่างคือ เศรษฐกิจยุคนี้ ที่มีแต่จะถดถอยลง เพราะค่าเงินที่สาละวนห่วยแตกลงทุกวัน เทียบกับยุคปี 40 ที่ค่าเงิน อ่อนลงไปที่ เกือบ 60 บาท แน่นอนว่า นายทุนที่ได้ประโยชน์จากตอนที่ค่าเงินอยู่ที่ 25 บาท ล้มตายกันเป็นคอก แต่ก็เป็นจุดกำเนิดของยุคทองของชนบทไทย เรื่อยมาจนถึงยุคทักษิณที่ค่าเงินยังอยู่ที่ 40 กว่าบาท 30 ปลายๆ แต่พอพ้นช่วงปี 2008 เป็นต้นมา ภูมิรัฐศาสตร์โลกได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง      

เป็นช่วงขาลง ของชนชั้นล่างไทย กระทบชิ่งไปจนถึงชนชั้นกลางไทย และเป็นช่วงที่เศรษฐีไทย สามารถทำกำไรได้มากที่สุด มั่งคั่งขึ้นสุด ด้วยเนื่องทางกับค่าเงินที่แข็งทำให้อำนาจซื้อและคุณภาพชีวิตถดถอยลง แต่ให้ผลประโยชน์แก่กับคนรวยเหล่านี้อย่างมหาศาล

กล่าวได้ว่ายุคที่ค่าเงินบาทอ่อนลงมากที่สุด คือ ยุคทองรุ่งเรื่องที่สุดของกลุ่มชนชั้นล่างและ ชนบทไทย ยุคที่มีความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจมากที่สุดยุคนึง

เศรษฐกิจแย่ไม่ได้ทำให้ค่าเงินแข็งแต่ค่าเงินแข็งทำให้เศรษฐกิจแย่

ค่าเงินที่จะทำให้เสถียรภาพของเศรษฐกิจไทยดีขึ้นคือ 70 - 80 บาท ไม่ใช่ 30 บาท อย่างทุกวันนี้

อย่าให้ตำราและความเชื่อทางเศรษศาสตร์แบบเก่าๆที่มุ่งผลให้คนมัวเมาหลงระเริงไปกับระบบทุนนิยมมาหลอกเราได้

โดยส่วนตัวเชื่อว่า ตำราเศรษฐศาสตร์ที่วางขายตามท้องตลาดและที่สอนในมหาวิทยาลัย รวมไปตรรกะทางเศรษฐศาสตร์ที่ถูกกำหนดไว้ในปัจจุบัน เป็นเรื่องเพียงกลับกลอก สกปรกโสโครก และ ไม่ได้มีความจริงใจต่อผู้ศึกษา ที่เป็นคนธรรมดาสามัญชนทั่วไป มุ่งเน้นให้เข้าใจผิด เพื่อเป็นการสร้างคนให้เป็นขี้ข้ารับใช้ทุนนิยมในถัดต่อไปก็เพียงเท่านั้น ประเด็นเรื่องค่าเงินก็เป็น 1 ใน การ propaganda 

บทความ Cr. Jirayu Suteerattanapirom

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่