เพื่อนๆ ครับ ในแต่ละวันที่เราทำงานหาเงินกันมา กว่าจะได้เงินมาแต่ละบาทนั้นแสนลำบากยากเย็น แต่แล้วจู่ๆ ก็มีคนรู้จักเราบางคนติดต่อเข้ามาเพื่อที่จะแนะนำโอกาส ชักชวนให้เราไปลงทุนร่วมธุรกิจกับเค้า อย่างช่วงที่ผ่านมาไม่นานก็มีข่าวแชร์ลูกโซ่ของบริษัท ขายกาแฟเจ้าหนึ่ง ซึ่งเปิดบริษัทขึ้นมาเพื่อหลอกลวงให้ประชาชนมาร่วมลงทุน โดยการชักชวนสมัครสมาชิกทางเว็บไซต์ เสนอผลตอบแทนให้มากถึง 105% ต่อเดือน และมีการจัดแถลงข่าวเปิดตัวบริษัทต่อสื่อมวลชนหลายแขนง และยังอ้างหน่วยงานราชการ ทั้งกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกรมสรรพากร เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ ทำให้มีประชาชนหลงเชื่อ ตกเป็นเหยื่อ โดยร่วมลงทุนด้วยหลายพันราย และร่วมสมัครสมาชิกกว่า 86,000 บัญชี มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 3,000 ล้านบาท
ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ นั้นอาจจะมีเงินเริ่มต้นลงทุนหลักหมื่น หรือบางคนก็ลงทุนกันหลักแสนหลักล้านกันเลยทีเดียว โดยเสนอผลตอบแทนให้สูง ซึ่งทำให้คนส่วนใหญ่สนใจเข้าไปร่วมลงทุนเพราะความโลภโดยไม่ทันระวัง ซึ่งแรกๆ ก็จ่ายผลตอบแทนสูงสม่ำเสมอให้กับเรา แต่พอผ่านไปสักพักเริ่มจ่ายไม่ตรงเวลา แล้วสุดท้ายก็หายไปทั้งบริษัทที่เราเข้าไปร่วมลงทุน ทั้งคนที่มาชักชวนเราในตอนแรก และที่สำคัญที่สุดคือ เงินลงทุนของเราก็หายไป และมักไม่ได้ทำแบบนี้กับคนเพียงคนเดียว จะทำกันเป็นทอดๆ เป็นที่มาของคำเรียกที่ว่า “ธุรกิจแชร์ลูกโซ่” นั่นเอง
K-Expert จึงอยากจะมาแนะนำและให้ข้อมูลของ “ธุรกิจแชร์ลูกโซ่” ทั้งที่มา วิธีการต่างๆ ที่กลุ่มมิจฉาชีพมักจะใช้หลอกเหยื่อของตน เพื่อให้เพื่อนๆ ใช้เป็นแนวทางในการป้องกันตนเองต่อไปกันนะครับ
ธุรกิจแชร์ลูกโซ่นั้น เป็นธุรกิจนอกระบบซึ่งจะมีรูปแบบการดำเนินงานที่มุ่งหารายได้จากการระดมเงินเป็นหลัก โดยมีการสัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนในรูปแบบต่างๆ ที่สูงกว่าปกติ โดยผู้ประกอบการแชร์ลูกโซ่นั้นมักจะอ้างว่ามีการนำเงินไปลงทุนในรูปแบบต่างๆ และได้ผลตอบแทนสูง จากนั้นจึงนำมาปันผลแจกจ่ายให้กับผู้ร่วมธุรกิจได้อย่างทั่วถึง แต่จริงๆ แล้วเงินที่นำมาปันผลนั้นได้มาจากเงินของผู้ลงทุนรายใหม่ เพื่อนำมาจ่ายผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนรายเก่า มีลักษณะเป็นการหมุนเงินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่สามารถหาผู้ร่วมลงทุนรายใหม่เข้ามาได้ ทำให้วงจรการเงินสะดุดลง เมื่อกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ได้เงินจนเพียงพอแล้วก็จะหนี และปิดกิจการไป
แชร์ลูกโซ่นั้นอาจมาในหลายรูปแบบ เช่น การลงทุนเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ธุรกิจอาหารเสริม ยารักษาโรค ธุรกิจขายตรง ธุรกิจออนไลน์ ลงทุนทองคำ น้ำมัน และการระดมทุนตั้งบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น โดยธุรกิจเหล่านี้เป็นเพียงธุรกิจบังหน้าที่จะใช้ในการระดมทุนจากสมาชิกเท่านั้น
สังเกตได้อย่างไรว่าสิ่งที่เรากำลังจะลงทุนนั้นเป็นแชร์ลูกโซ่หรือไม่ ?
1. ค่าธรรมเนียมการสมัครสูง
ผู้สมัครจะถูกหลอกให้จ่ายเงินค่าลงทุนในรูปแบบต่างๆ เช่น ค่าฝึกอบรม หรือซื้อสินค้าเกินความต้องการ ดังนั้นหากมีค่าสมัครสูง เราต้องสงสัยไว้ก่อนว่า เค้าจะเอาเงินสมาชิกใหม่ไปจ่ายให้สมาชิกเก่าหรือไม่
2. เปิดระดมทุนไม่จำกัด
ไม่ว่าใครก็สามารถเข้ามาลงทุนได้ และได้เงินเพิ่มหากมีการชักชวนสมาชิกมาเพิ่ม วิธีนี้จะเป็นวิธีการระดมทุนจากคนจำนวนมากทำให้แชร์ลูกโซ่ได้เงินมากขึ้นตามจำนวนคนที่เข้าไปร่วมลงทุน
3. มีการการันตีผลตอบแทนสูงมาก
การลงทุนมีการรับรองผลตอบแทนที่จะจ่ายให้กับสมาชิกซึ่งผลตอบแทนนั้นเป็นจำนวนที่สูง วิธีการนี้เป็นการใช้ความโลภมาชักจูงให้คนหลงเข้าไปสมัคร
4. ไม่เน้นการขายสินค้าหรือบริการ
เนื่องจากรายได้ของแชร์ลูกโซ่จะมาจากการเน้นหาสมาชิกใหม่ เพื่อนำเงินที่สมาชิกใหม่จ่ายเงินค่าสมัครมาจ่ายให้กับสมาชิกเก่า ดังนั้น สินค้าที่จะขายจึงเป็นสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ ต้นทุนต่ำ และไม่น่าเชื่อถือ
5. มีการเร่งรัด กดดันให้ตัดสินใจลงทุน
เนื่องจากเป็นธรรมชาติของคนเราที่จะมีความโลภ คนที่มาชวนเราอยากได้ผลตอบแทนจากการชักชวนคนเข้ามาในแชร์ลูกโซ่ เพื่อที่ตนเองจะได้รับผลตอบแทนนั้น จึงเร่งรัดให้รีบตัดสินใจลงทุน ดังนั้น ควรใช้เวลาในการหาข้อมูลก่อนตัดสินใจอย่างมีสติ อย่าให้ใครมากดดัน หรือเร่งรัด หากคนที่เข้ามาชักชวนมีลักษณะดังกล่าวควรศึกษาการลงทุนอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ
6. ตรวจสอบข้อมูลทางการเงินของบริษัทไม่ได้
หากเข้าไปหาข้อมูลงบการเงินในเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้าอาจพบข้อมูลทางการเงินที่ดูแปลกๆ เช่น รายได้น้อยมากๆ หรือเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการขาดทุนมาเป็นระยะเวลานาน อีกทั้ง ถ้าสืบค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ตอาจพบเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ อย่างนี้ก็ต้องระวังไว้ก่อนนะครับ
7. มีการอ้างอิงข้อมูลหรือบุคคลผู้มีชื่อเสียง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
บางครั้งมีการจ้างบุคคลที่มีชื่อเสียงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์เพื่อล่อลวงให้คนเชื่อถือ เนื่องจากใช้ประโยชน์จากการเป็นที่รู้จัก เราจึงไม่ควรตัดสินใจเพียงเพราะคนที่เราชื่นชอบมาชี้นำเรานะครับ
8. มีการจัดอบรมสัมมนา
เพื่อเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคนที่จะมาสมัคร หลายๆ ครั้งจะมีการจัดอีเว้นท์เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ชักชวนคนมาสมัครจำนวนมากในครั้งเดียว
หากตกเป็นเหยื่อแล้วต้องทำอย่างไร ?
1. เก็บรวบรวมเอกสาร หลักฐานต่างๆ ที่ได้จากบริษัทให้มากที่สุด เช่น โบรชัวร์ เอกสารการชักชวน แนะนำสมาชิก เอกสารรับจ่ายเงิน เป็นต้น
2. แจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจ โดยแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ หรือกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.)
3. โทรปรึษาได้ที่ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ 1359 หรือแจ้งข้อมูลมาที่ ตู้ ปณ.1359 ปณจ.บางรัก กรุงเทพฯ 10500 หรือเว็บไซต์ www.1359.go.th
ขอบคุณข้อมูลจาก
สำนักนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง
www.1359.go.th
แฉ !!! แชร์ลูกโซ่ รู้เท่าทันก่อนเป็นเหยื่อ
ธุรกิจแชร์ลูกโซ่นั้น เป็นธุรกิจนอกระบบซึ่งจะมีรูปแบบการดำเนินงานที่มุ่งหารายได้จากการระดมเงินเป็นหลัก โดยมีการสัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนในรูปแบบต่างๆ ที่สูงกว่าปกติ โดยผู้ประกอบการแชร์ลูกโซ่นั้นมักจะอ้างว่ามีการนำเงินไปลงทุนในรูปแบบต่างๆ และได้ผลตอบแทนสูง จากนั้นจึงนำมาปันผลแจกจ่ายให้กับผู้ร่วมธุรกิจได้อย่างทั่วถึง แต่จริงๆ แล้วเงินที่นำมาปันผลนั้นได้มาจากเงินของผู้ลงทุนรายใหม่ เพื่อนำมาจ่ายผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนรายเก่า มีลักษณะเป็นการหมุนเงินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่สามารถหาผู้ร่วมลงทุนรายใหม่เข้ามาได้ ทำให้วงจรการเงินสะดุดลง เมื่อกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ได้เงินจนเพียงพอแล้วก็จะหนี และปิดกิจการไป
แชร์ลูกโซ่นั้นอาจมาในหลายรูปแบบ เช่น การลงทุนเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ธุรกิจอาหารเสริม ยารักษาโรค ธุรกิจขายตรง ธุรกิจออนไลน์ ลงทุนทองคำ น้ำมัน และการระดมทุนตั้งบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น โดยธุรกิจเหล่านี้เป็นเพียงธุรกิจบังหน้าที่จะใช้ในการระดมทุนจากสมาชิกเท่านั้น
1. ค่าธรรมเนียมการสมัครสูง
ผู้สมัครจะถูกหลอกให้จ่ายเงินค่าลงทุนในรูปแบบต่างๆ เช่น ค่าฝึกอบรม หรือซื้อสินค้าเกินความต้องการ ดังนั้นหากมีค่าสมัครสูง เราต้องสงสัยไว้ก่อนว่า เค้าจะเอาเงินสมาชิกใหม่ไปจ่ายให้สมาชิกเก่าหรือไม่
2. เปิดระดมทุนไม่จำกัด
ไม่ว่าใครก็สามารถเข้ามาลงทุนได้ และได้เงินเพิ่มหากมีการชักชวนสมาชิกมาเพิ่ม วิธีนี้จะเป็นวิธีการระดมทุนจากคนจำนวนมากทำให้แชร์ลูกโซ่ได้เงินมากขึ้นตามจำนวนคนที่เข้าไปร่วมลงทุน
3. มีการการันตีผลตอบแทนสูงมาก
การลงทุนมีการรับรองผลตอบแทนที่จะจ่ายให้กับสมาชิกซึ่งผลตอบแทนนั้นเป็นจำนวนที่สูง วิธีการนี้เป็นการใช้ความโลภมาชักจูงให้คนหลงเข้าไปสมัคร
4. ไม่เน้นการขายสินค้าหรือบริการ
เนื่องจากรายได้ของแชร์ลูกโซ่จะมาจากการเน้นหาสมาชิกใหม่ เพื่อนำเงินที่สมาชิกใหม่จ่ายเงินค่าสมัครมาจ่ายให้กับสมาชิกเก่า ดังนั้น สินค้าที่จะขายจึงเป็นสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ ต้นทุนต่ำ และไม่น่าเชื่อถือ
5. มีการเร่งรัด กดดันให้ตัดสินใจลงทุน
เนื่องจากเป็นธรรมชาติของคนเราที่จะมีความโลภ คนที่มาชวนเราอยากได้ผลตอบแทนจากการชักชวนคนเข้ามาในแชร์ลูกโซ่ เพื่อที่ตนเองจะได้รับผลตอบแทนนั้น จึงเร่งรัดให้รีบตัดสินใจลงทุน ดังนั้น ควรใช้เวลาในการหาข้อมูลก่อนตัดสินใจอย่างมีสติ อย่าให้ใครมากดดัน หรือเร่งรัด หากคนที่เข้ามาชักชวนมีลักษณะดังกล่าวควรศึกษาการลงทุนอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ
6. ตรวจสอบข้อมูลทางการเงินของบริษัทไม่ได้
หากเข้าไปหาข้อมูลงบการเงินในเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้าอาจพบข้อมูลทางการเงินที่ดูแปลกๆ เช่น รายได้น้อยมากๆ หรือเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการขาดทุนมาเป็นระยะเวลานาน อีกทั้ง ถ้าสืบค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ตอาจพบเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ อย่างนี้ก็ต้องระวังไว้ก่อนนะครับ
7. มีการอ้างอิงข้อมูลหรือบุคคลผู้มีชื่อเสียง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
บางครั้งมีการจ้างบุคคลที่มีชื่อเสียงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์เพื่อล่อลวงให้คนเชื่อถือ เนื่องจากใช้ประโยชน์จากการเป็นที่รู้จัก เราจึงไม่ควรตัดสินใจเพียงเพราะคนที่เราชื่นชอบมาชี้นำเรานะครับ
8. มีการจัดอบรมสัมมนา
เพื่อเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคนที่จะมาสมัคร หลายๆ ครั้งจะมีการจัดอีเว้นท์เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ชักชวนคนมาสมัครจำนวนมากในครั้งเดียว
1. เก็บรวบรวมเอกสาร หลักฐานต่างๆ ที่ได้จากบริษัทให้มากที่สุด เช่น โบรชัวร์ เอกสารการชักชวน แนะนำสมาชิก เอกสารรับจ่ายเงิน เป็นต้น
2. แจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจ โดยแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ หรือกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.)
3. โทรปรึษาได้ที่ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ 1359 หรือแจ้งข้อมูลมาที่ ตู้ ปณ.1359 ปณจ.บางรัก กรุงเทพฯ 10500 หรือเว็บไซต์ www.1359.go.th
สำนักนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง
www.1359.go.th