หัวใจซ่อนรัก บทที่ 4

บทที่ 4



ดูเหมือนว่าแม่กับพ่อจะสามารถปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว พอฉันกลับมาถึงบ้าน เห็นพ่อกับแม่กำลังช่วยกันตัดแต่งกิ่งไม้ ดอกไม้ที่สวนหลังบ้าน

เราสองพี่น้องจึงยืนแอบดูอย่างห่างๆ

"นั่นไง บอกแล้วเดียวก็คืนดีกัน" พี่โอมพูดขึ้นแล้วเดินผละออกมา

ส่วนฉันกำลังยืนดูพ่อกับแม่กำลังช่วยกันทำงาน แม่ยกมือตีแขนพ่อเบาๆ แล้วท่านทั้งสองก็หัวเราะ มันทำให้ฉันหัวเราะตามไปด้วย

พวกท่านรักกัน รักกันเสมอนี่ละ คือสิ่งที่ฉันสัมผัสได้ ฉันบ้ามากที่หลง คิดไปว่าพ่อนอกใจแม่ อาจจะเป็นเพียงความเข้าใจผิดเล็กๆน้อยๆเท่านั้นละมั้ง

ฉันเดินยิ้ม มานั่งบนโซฟาที่เดิม และหยิบหนังสือที่วางทิ้งไว้ขึ้นมาอ่านต่อ

เจ้าซูโม่วิ่งกระดิกหางแล้วกระโดดขึ้นมานั่งบนโซฟา มันยกขาหน้ามาแตะแขนฉัน คงอยากให้ฉันพามันไปเดินเล่น

"ไม่ไป วันนี้ขี้เกียจ" ฉันบอกมัน มันส่งเสียงร้องงอแงเบาๆ แล้วนอนราบลงไป

ฉันจึงลูบหัวมัน แล้วเริ่มพูดกับมัน ฉันเชื่อว่าหมาฟังรู้เรื่องนะ ถ้าเราพูดกับมันบ่อยๆ กับคำง่ายๆ อย่างเช่น รอ อย่า นอน หยุด วิ่งมาเลย กินได้ มันเข้าใจดีเลยละ

ส่วนเจ้าซูโม่ฉันคิดว่ามันเข้าใจทุกคำ

"พี่โอมพาแกไปเดินเล่นแล้วนี่น่า ยังจะอยากไปอีก"

"โฮ่ง"

"ได้เล่นแป๊บเดียว ไม่พอใจละสิ"

"โฮ่ง"

"ก็ได้เดี๋ยวตอนเย็นพาไป ตอนนี้อากาศยังร้อนอยู่เลย"

ไม่มีเสียงโฮ่งจากเจ้าซูโม่ แต่มันแสดงความเข้าใจด้วยการนอนหงายท้อง ฉันหัวเราะคิกคักกับท่านอนตลกของมัน

ดวงอาทิตย์กำลังบอกลาท้องฟ้า แสงสีเหลืองอมส้มอ่อนๆสาดส่องสว่างทั่วหมู่บ้าน จึงได้เวลาพาเจ้าซูโม่ไปเดินเล่น

วันนี้ฉันไม่ได้ใส่สายจูงให้มัน แค่เดินเคียงคู่ไปด้วยกันเฉยๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วเจ้าซูโม่จะเดินนำแล้วฉันเดินตามซะมากกว่า

ใครร้องทักมันหน่อย มันวิ่งไปหาทันที สมฉายาหมานางงามที่ฉันตั้งให้เลยนะ

เจ้าซูโม่วิ่งแจ้นไปทางร้านนายต่อ ฉันตะโกนเรียกให้มันกลับมาแต่มันไม่ยอมหยุด ฉันเลยต้องวิ่งตาม

เห็นมันยืนแหนงคอมองขึ้นไปบนหลังคาร้านนายต่อ เจ้าซูโม่ส่งเสียงร้องโฮ่ง และหมุนตัวเป็นวงกลม ลิ้นห้อย หางกระดิกเร็วขึ้นเรื่อยๆเมื่อนายต่อที่อยู่บนหลังคาตะโกนเรียกชื่อมัน

ฉันอึ้งเล็กน้อยที่เห็นร้านนายต่อ เป็นรูปเป็นร่างได้รวดเร็วแบบนี้ เมื่อตอนกลางวันยังไม่เห็นสร้างถึงไหนเลย

แต่มาตอนเย็นกลับมุงหลังคาเรียบร้อยแล้ว พ่อลูกคู่นี้คงช่วยกันทำงานหนักน่าดูเลย ฉันมองขึ้นไป นายต่อส่งยิ้มและโบกมือมาให้ฉัน

ส่วนฉันจับขนที่คอซูโม่ พยายามจะลากมันให้เดินไปทางอื่น แต่มันดื้อสุดๆ ไม่ยอมมาแต่โดยดี มันยืนแหงนมองนายต่อแล้วเล่นเห่าไม่หยุด

"เดี๋ยวลงไปหา" นายต่อตะโกนบอกมา แล้วส่งไพหญ้าคาอันสุดท้ายให้พ่อไป

จากนั้นนายต่อจึงค่อยๆไต่บันไดลิงลงมา เมื่อลงมาถึงพื้น เจ้าซูโม่ก็วิ่งหน้าบานไปหาทันที ไม่วิ่งไปเปล่า ยังทำท่าจะกระโดดกอดนายต่ออีกด้วย

ฉันเรียกมันกลับมา แต่มันยังเฉย

"ให้มันเล่นที่นี่ก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวดูให้" นายต่อพูดขึ้น

"มันใกล้มืดแล้ว ฉันจะพามันกลับบ้าน"

"แอมกลับบ้านไปก่อนก็ได้ เจ้าซูโม่เดี๋ยวผมพากลับไปส่งถึงบ้าน มันคงอยากวิ่งเล่น และสำรวจร้านใหม่ ไม่ต้องห่วงนะผมจะดูแลให้อย่างดีเลย"

นายต่อพูดยิ้มหน้าบาน ใครจะอยากให้นายมาดูแลเจ้าซูโม่ให้ละ ไม่ได้สนิทกันซะหน่อย

"ซูโม่! กลับบ้านได้แล้ว" ฉันเรียกมัน แต่มันกลับวิ่งเข้าไปในร้าน เดินสำรวจ ดมดูนั่นนี่

"ตามใจ ไม่กลับ ฉันกลับก่อนนะ"ตะโกนบอกเจ้าซูโม่อย่างอารมณ์เสีย

ฉันไม่รู้ว่าเจ้าซูโม่คิดอะไรของมัน ถึงไม่ยอมฟังคำสั่งฉัน อยู่ๆก็ดื้อขึ้นมา ถ้าฉันแกล้งทำเป็นเดินหนี มันต้องวิ่งตามมาทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ มันกลับไปเดินสำรวจร้านนายต่ออย่างมีความสุข ไม่สนใจหันมามองฉันด้วยซ้ำ

เพิ่งเห็นนายต่อแค่ไม่อีกครั้ง เจ้าซูโม่ก็ทำตีสนิทชิดเชื้อทันที นายนี่มีดีอะไรหนักหนา พี่โอมก็อีกคนรู้สึกจะชอบนายต่อเป็นพิเศษ หรือไม่ก็คงชอบพี่สาวนายต่อ

สุดท้ายฉันต้องเดินกลับบ้านคนเดียว ฉันเงยหน้ามองดูดวงอาทิตย์กลมโตซึ่งกำลังจะลับหลังคาบ้านลุงสันต์ มันสวยมากสีเหลืองส้ม ถ้าได้ไปยืนมองบนภูเขา ทะเลหรือไม่ก็ทุ่งนาคงจะสวยกว่านี้แน่ๆ

"แอม"

เสียงเรียกของใครบ้างคนดึงฉันให้หันไปมอง ฉันจึงเห็น นนท์ เพื่อนที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาล พ่อกับแม่นนท์เป็นเพื่อนพ่อกับแม่ฉัน ครอบครัวเราสองคนจึงสนิทกันมากทีเดียว

"อ้าว นนท์ทำมาอะไรที่นี่"

"พ่อกับแม่มาหาป้าแจงน่ะ เราเลยขอตัวเดินมาหาแอมที่บ้าน เห็นแอมพอดี กำลังจะเดินกลับบ้านใช่ปะเนี่ย"

ป้าแจงเป็นป้าของนนท์ มีบ้านอยู่ที่ซอยถัดไป ใกล้ๆกับหมู่บ้านที่ฉันอยู่

"ซื้อวุ้นมะพร้าวที่แอมชอบมาฝาก แล้วแม่ฝากผ้าซิ่นจากเชียงใหม่มาให้แม่แอมด้วย"

"ขอบคุณนะ"

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราถือเอง"

นนท์ยกถุงขึ้นมาให้ดู พอฉันจะเอื้อมมือไปจับ นนท์ดึงถุงกลับแล้วบอกว่าจะถือให้เอง นนท์เป็นคนที่มีน้ำใจเสมอ

"เราเห็นซูโม่อยู่ตรงโน่น มันไม่มาด้วยเหรอ"

นนท์ชี้นิ้วไปที่ร้านนายต่อ ฉันมองตาม และเห็นนายต่อยืนจ้องมองพวกเราอยู่

"มันไปสำรวจร้านใหม่น่ะ เราเรียกมันกลับมาแล้ว แต่ไม่ยอมกลับ หมาดื้อ"

ฉันจึงชวนนนท์กลับบ้าน ระหว่างเดินกลับฉันก็เล่าเรื่องนายต่อที่เพิ่งย้ายมาใหม่ให้นนท์ฟัง แต่ข้ามเรื่องที่ฉันเจอเขาที่ลานออกกำลัง

ท้องฟ้ามืดแล้ว ดวงไฟในแต่ละบ้านสว่างไสวขึ้นมา

นนท์ยังนั่งเล่นเกมอยู่กับพี่โอม และแม่ชวนนนท์ให้กินข้าวเย็นด้วยกัน

เสียงโทรศัพท์มือถือของพี่โอมดังขึ้น พี่โอมกดรับสาย และพอรู้ว่าเป็นพี่มินโทร พี่โอมก็ออกอาการดี้ด๊ายิ้มไม่ฮุบ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปคุยโทรศัพท์หน้าบ้าน

เป็นจังหวะเดียวกันกับที่แม่เรียกฉันให้ไปช่วยเตรียมตั้งโต๊ะอาหาร นนท์จึงนั่งอยู่กับพ่อสองคน และฉันได้ยินแว่วๆ ว่าพ่อถามนนท์จะเรียนต่ออะไร และฉันพอเดาได้ นนท์คงตอบว่าเรียนต่อแพทย์

มันเป็นความฝันของนนท์ที่มีมาตั้งแต่เด็ก เมื่อตอนป.4 เราสองคนกำลังเดินข้ามถนน ตรงสี่แยกไฟแดง อยู่ๆมีรถกระบะขับมาด้วยความเร็ว พุ่งชนรถมอเตอร์ไซค์ซึ่งกำลังเลี้ยวรถมาจอดริมทางหน้าร้านสะดวกซื้อ

ร่างของคนขับรถมอเตอร์ไซค์กระเด็น มาชนเสาไฟฟ้า จุดที่ฉันกับนนท์ยืนอยู่ ฉันกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว กับภาพคนที่มีเลือดท่วมตัว

นนท์ดึงฉันให้ไปยืนหลบด้านหลัง เขากระวนกระวาย ฉันสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นเร็วของเขา และสักพัก เขาก็ตะโกนลั่น

"ตรงนี้มีคนเจ็บ ช่วยด้วยครับ ตรงนี้มีคนเจ็บ"

ไม่นานมีโรงพยาบาลมาถึงตัวคนเจ็บ เปล เครื่องมือทางการแพทย์ ถูกลำเลียงมาช่วยผู้บาดเจ็บ ฉันกับนนท์ถูกกันออกไป แต่เราสองคนยังยืนดู และลุ้นให้เขาปลอดภัย

หมอทำการปั้มหัวใจคนเจ็บไปสามรอบ จนเขากลับมาหายใจได้ และปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนจะยกคนเจ็บขึ้นรถไป

ภาพเหตุการณ์ในครั้งนั้นฝังอยู่ในความทรงจำของนนท์ เขาบอกฉันเสมอว่า เขาจะเป็นหมอให้ได้ จะได้ช่วยเหลือคนที่เจ็บป่วยให้หายขาด และฉันเชื่อว่านนท์เป็นหมอได้แน่ๆ ก็เรียนเก่งซะขนาดนั้น

ฉันช่วยแม่ตั้งโต๊ะอาหารจนเรียบร้อย จึงมาเรียกทุกคนไปกินข้าว

ฉันตักข้าวเข้าปากได้สองคำ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

"แอมไปดูสิลูกว่าใครมา" แม่หันมาบอกฉัน

ฉันเดินมาเปิดประตูและต้องตกใจเมื่อเจอนายต่อถือตะกร้ามาใบหนึ่ง ในตะกร้ามีหม้อเล็กๆสองใบ

"เอาซุปไก่มาฝากน่ะ"

นายต่อยกหม้อใบหนึ่งยื่นมาให้ฉัน แต่ฉันกำลังชั่งใจว่าจะรับไว้ดีไหม

"รับไปสิ แม่ผมทำซุปอร่อยนะ ไม่เชื่อก็ลองเอาไปกินดู"

นายต่อยัดซุปใส่มือฉัน แถมยังทำหน้ายิ้มอีก ลอยหน้าลอยตามองข้ามาในบ้านฉัน โอย ฉันอยากให้นายนี่ไปไกลๆจากชีวิตฉันจริงๆ นายมาจากไหน ทำไมชอบทำให้ฉันอารมณ์เสียได้ตลอด จะมาทำตีสนิทด้วยทำไม ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับนายสักหน่อย

"ซูโม่ละ" ฉันจำต้องรับหม้อซุปจากนายต่อ และถามหาซูโม่ ด้วยน้ำเสียงห้วนๆ

"ซูโม่"

นายต่อหันหน้าไปทางบ้านตัวเองแล้วเรียกซูโม่เสียงดัง ฉันเห็นเจ้าซูโม่วิ่งออกมาจากบ้านนายต่อ โดนมีพี่มินเดินออกมาส่งมัน และพี่มินก็โบกมือทักทายฉัน ฉันจึงส่งยิ้มให้พี่มิน

"ยิ้มให้ผมแล้ว เจอแอมทีไรชอบทำหน้าบูดใส่ผมตลอดเลย"

"ฉันไม่ได้ยิ้มให้นาย ยิ้มให้พี่สาวนายต่างหากละ"

ฉันปิดประตูดังปัง เมื่อเห็นว่าเจ้าซูโม่เดินเข้ามาในบ้านแล้ว

ฉันถือหม้อซุปมาวางไว้บนโต๊ะอาหาร

"หม้ออะไรน่ะ" พี่โอมเอ่ยถาม

"ซุปไก่ แม่นายต่อฝากมาให้"

"เอาไปเทใส่ถ้วยสิ จะได้กิน"

"พี่อยากกินก็เอาไปเทใส่ถ้วยเองสิ"

ฉันเริ่มมีอารมณ์หงุดหงิดกับพี่โอม คนกำลังจะตักข้าวเข้าปากอยู่แล้วเชียว มาใช้กันได้ไง

"งั้น นนท์ไปเอาซุปใส่ถ้วยให้หน่อยนะ"

พี่โอมเมื่อใช้ฉันไม่ได้ ก็หันไปใช้นนท์แทน

"พี่มาใช้นนท์ได้ไงเนี่ย เขาเป็นแขกน่ะ" ฉันโวยวาย

"ใช้น้องสาวไม่ได้ ก็ใช้เพื่อนน้องสาวนี่ละ"

พี่โอมเลิกคิ้วใส่ฉัน ส่วนพ่อกับแม่ทำได้แค่มองเราสองคนสลับกันไปมาแล้วส่ายหน้า

ส่วนนนท์เข้าไปในครัวตั้งแต่ที่พี่โอมใช้แล้ว สักพักจึงถือถ้วยซุปออกมา แล้วบนโต๊ะอาหาร

นนท์เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับรีสอร์ทของพ่อเขาซึ่งกำลังสร้างที่ภูเก็ต ซึ่งคาดว่าจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ภายในปีนี้

เขาจึงชวนครอบครัวเราไปเที่ยวภูเก็ต และไปร่วมงานฉลองเปิดรีสอร์ทไปพร้อมกันด้วย

พ่อกับแม่ท่าทางจะสนใจไปเที่ยวอยู่ไม่น้อย นานๆท่านทั้งสองจะได้ไปเที่ยวพักผ่อน ฉันเห็นด้วยนะ ถ้าพวกท่านตอบตกลง

พ่อบอกนนท์ไปว่า แล้วจะให้คำตอบอีกที พ่อขอดูก่อนว่าจะลางานได้ไหม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่