คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
ตกใจที่เห็นคนกดสยองและขำกลิ้งกับกระทู้นี้
ทำไมใจร้ายจัง ถ้าไม่เห็นด้วย คุยดีๆ หรือปล่อยผ่านเฉยๆ ไม่ได้หรือคะ
เราเข้าใจว่าคุณ จขกท.ไม่ได้ตั้งใจจะยกเรื่องนี้ให้เป็นความผิดของญาญ่าหรอก
แน่นอนว่า จขกท. รู้ว่าญ่าไม่รู้ที่ให้สัมภาษณ์แบบนั้น ทั้งไม่รู้จักโรคและไม่รู้ว่าจะกระทบจิตใจคนป่วยและคนใกล้ชิดได้
แต่ จขกท. คงแค่อยากบอกความรู้สึก ระบายความอัดอั้น และอยากให้คนเข้าใจ คิดว่ากระทู้นี้เกิดขึ้นเพราะเหตุผลนี้มากกว่า
เพราะโรคแบบนี้ นอกจากคนป่วยจะทรมานมากแล้ว คนที่ใกล้ชิดดูแลก็อยู่ในสภาวะกดดันมากเช่นกัน
ขอบอกว่าเราเข้าใจและเป็นกำลังใจให้นะคะ


และเชื่อว่าถ้าญาญ่าได้รู้เห็นกระทู้ น้องก็จะเข้าใจและเห็นใจเช่นกัน จะไม่ได้รู้สึกว่าถูกคุณต่อว่าเลย
ปล. ถ้าจะให้ จขกท. ถึงกับต้องตั้งกระทู้บอกเล่าเป็นวิทยาทาน มันต้องใช้พลังและความตั้งใจมากอยู่นะคะ
ถ้าเขาอยู่ในสภาวะที่กำลังประคับประคองทั้งแฟนและตัวเองอยู่ แค่รวบรวมกำลังใจเรียบเรียงขอความเห็นใจ
ในกระทู้นี้ก็น่าจะใช้พลังมากๆ แล้วล่ะค่ะ บางอารมณ์เราก็ไหวแค่บอกออกไปว่าเสียใจ แต่ให้เล่าละเอียดว่า
เพราะอะไร ทำไม ยังไงไม่ไหวก็มีบ่อยไปนะคะ
และรายละเอียดของโรคนี้ จริงๆ ก็มีเว็บมีเพจที่เล่าอยู่แล้วเหมือนกัน ถ้าคนสนใจอยากรู้ก็หาอ่านได้ไม่ยากค่ะ
แต่ถ้าคนไม่ได้สนใจ ตั้งไปก็ไม่มีใครสนใจอ่านอยู่ดี แค่สนใจรับฟังความรู้สึกเขาโดยไม่ทำร้ายซ้ำยังไม่ยอมทำเลย
(เผื่อถ้าใครไม่ทราบ คนกลุ่มหนึ่งที่มีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า
คือคนที่ต้องดูแลคนที่รักที่ใกล้ชิดที่ป่วยด้วยโรคกลุ่มนี้
ตัวโรคไม่ได้ติดต่อ แต่สภาวะกดดันที่เผชิญ การต้องเห็นคนที่รักอยู่ในสภาวะเป็นทุกข์
เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ดูแลอาจเข้าสู่สภาวะเดียวกับผู้ป่วยได้ง่ายๆ เช่นกัน)
ทำไมใจร้ายจัง ถ้าไม่เห็นด้วย คุยดีๆ หรือปล่อยผ่านเฉยๆ ไม่ได้หรือคะ
เราเข้าใจว่าคุณ จขกท.ไม่ได้ตั้งใจจะยกเรื่องนี้ให้เป็นความผิดของญาญ่าหรอก
แน่นอนว่า จขกท. รู้ว่าญ่าไม่รู้ที่ให้สัมภาษณ์แบบนั้น ทั้งไม่รู้จักโรคและไม่รู้ว่าจะกระทบจิตใจคนป่วยและคนใกล้ชิดได้
แต่ จขกท. คงแค่อยากบอกความรู้สึก ระบายความอัดอั้น และอยากให้คนเข้าใจ คิดว่ากระทู้นี้เกิดขึ้นเพราะเหตุผลนี้มากกว่า
เพราะโรคแบบนี้ นอกจากคนป่วยจะทรมานมากแล้ว คนที่ใกล้ชิดดูแลก็อยู่ในสภาวะกดดันมากเช่นกัน
ขอบอกว่าเราเข้าใจและเป็นกำลังใจให้นะคะ



และเชื่อว่าถ้าญาญ่าได้รู้เห็นกระทู้ น้องก็จะเข้าใจและเห็นใจเช่นกัน จะไม่ได้รู้สึกว่าถูกคุณต่อว่าเลย
ปล. ถ้าจะให้ จขกท. ถึงกับต้องตั้งกระทู้บอกเล่าเป็นวิทยาทาน มันต้องใช้พลังและความตั้งใจมากอยู่นะคะ
ถ้าเขาอยู่ในสภาวะที่กำลังประคับประคองทั้งแฟนและตัวเองอยู่ แค่รวบรวมกำลังใจเรียบเรียงขอความเห็นใจ
ในกระทู้นี้ก็น่าจะใช้พลังมากๆ แล้วล่ะค่ะ บางอารมณ์เราก็ไหวแค่บอกออกไปว่าเสียใจ แต่ให้เล่าละเอียดว่า
เพราะอะไร ทำไม ยังไงไม่ไหวก็มีบ่อยไปนะคะ
และรายละเอียดของโรคนี้ จริงๆ ก็มีเว็บมีเพจที่เล่าอยู่แล้วเหมือนกัน ถ้าคนสนใจอยากรู้ก็หาอ่านได้ไม่ยากค่ะ
แต่ถ้าคนไม่ได้สนใจ ตั้งไปก็ไม่มีใครสนใจอ่านอยู่ดี แค่สนใจรับฟังความรู้สึกเขาโดยไม่ทำร้ายซ้ำยังไม่ยอมทำเลย
(เผื่อถ้าใครไม่ทราบ คนกลุ่มหนึ่งที่มีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า
คือคนที่ต้องดูแลคนที่รักที่ใกล้ชิดที่ป่วยด้วยโรคกลุ่มนี้
ตัวโรคไม่ได้ติดต่อ แต่สภาวะกดดันที่เผชิญ การต้องเห็นคนที่รักอยู่ในสภาวะเป็นทุกข์
เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ดูแลอาจเข้าสู่สภาวะเดียวกับผู้ป่วยได้ง่ายๆ เช่นกัน)
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
คือเข้าใจในมุมมองคุณที่คลุกคลีโดยตรงนะคะ
แต่เรื่องนี้ มันเป็นเส้นแบ่งบาง ๆ ใน "ความไม่ทราบ" การมาตัดพ้อดาราว่าเขาต้องเข้าใจเท่าคุณ อันนี้มันก็เกินไป
ควรอธิบายให้ความเข้าใจก็พอ หรือเปิดประเด็นถกความถูกต้องเหมาะสม
อันนี้เหมือนยัดเยียดเกินไปว่าต้องเข้าใจแบบฉันนะ เหมือนคุณเองเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานตัดสินความเข้าใจของคนอื่น
ขอบคุณสำหรับข้อมูลและมุมมองในส่วนของผู้ดูแลและเข้าใจในโรค แต่ก็ขอฝากให้คิดเรื่องที่บอกไปข้างต้นด้วยเช่นกัน
แต่เรื่องนี้ มันเป็นเส้นแบ่งบาง ๆ ใน "ความไม่ทราบ" การมาตัดพ้อดาราว่าเขาต้องเข้าใจเท่าคุณ อันนี้มันก็เกินไป
ควรอธิบายให้ความเข้าใจก็พอ หรือเปิดประเด็นถกความถูกต้องเหมาะสม
อันนี้เหมือนยัดเยียดเกินไปว่าต้องเข้าใจแบบฉันนะ เหมือนคุณเองเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานตัดสินความเข้าใจของคนอื่น
ขอบคุณสำหรับข้อมูลและมุมมองในส่วนของผู้ดูแลและเข้าใจในโรค แต่ก็ขอฝากให้คิดเรื่องที่บอกไปข้างต้นด้วยเช่นกัน
ความคิดเห็นที่ 4
เข้าใจ จขกท.นะครับ แต่ไม่ใช่แค่คุณญาญ่าปะครับ ที่พูดเรื่องไบโพลาร์แบบสนุกปากตามที่คุณว่า... คือผมก็ไม่ได้เห็นคลิปที่คุณว่าเพราะผมไม่ได้ตามดาราขนาดนั้น
แต่ความเข้าใจของคนส่วนใหญ่ ซึ่งแทบจะทั้งหมด เชื่อว่าไบโพลาร์คือเดี๋ยวดี้ดี๋ยวร้าย ไม่ใกล้เคียงกับซึมเศร้า.... เชื่อว่าหลายคนเพิ่งรุ้จากกระทุ้นี้ว่ามันใกล้เคียงกัน
ดังนั้นการพุดถึงไบโพลาร์แบบเป็นเรื่องธรรมดาๆ หรือใช้ด่าใคร คงพบได้อย่างน้อยๆคือทุกสัปดาห์ในชีวิตประจำวัน... การที่ยกควาทผิดทั้งหมดไปแปะไว้ที่ญาญ่าก็ออกจะเกินไปนะครับ
ไม่ใช่แฟนคลับญาญ่า แต่ขอเป็นกำลังใจให้ญาญ่าในกรณีนี้ครับ
แต่ความเข้าใจของคนส่วนใหญ่ ซึ่งแทบจะทั้งหมด เชื่อว่าไบโพลาร์คือเดี๋ยวดี้ดี๋ยวร้าย ไม่ใกล้เคียงกับซึมเศร้า.... เชื่อว่าหลายคนเพิ่งรุ้จากกระทุ้นี้ว่ามันใกล้เคียงกัน
ดังนั้นการพุดถึงไบโพลาร์แบบเป็นเรื่องธรรมดาๆ หรือใช้ด่าใคร คงพบได้อย่างน้อยๆคือทุกสัปดาห์ในชีวิตประจำวัน... การที่ยกควาทผิดทั้งหมดไปแปะไว้ที่ญาญ่าก็ออกจะเกินไปนะครับ
ไม่ใช่แฟนคลับญาญ่า แต่ขอเป็นกำลังใจให้ญาญ่าในกรณีนี้ครับ
ความคิดเห็นที่ 10
เราเข้าใจฐานะผู้ป่วยที่ sensitive กับทุกสิ่งมากกว่าคนปกตินะคะ
แต่เราว่าน้องญาญ่า ไม่ได้พูดในทำนองที่ขบขันเยอะเย้ยคนเป็นโรคนี้นะคะ
แต่เจตนาพูดถึงความยากลำบากของการเล่นบทนี้ที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เพราะบทซ้องปีบร้ายมาก และบทกาสะลองคือดีมาก
ตามความเข้าใจของคนส่วนใหญ่ว่าเป็นอาการของโรค เพราะชื่อโรคคือ Bipolar Disorder (โรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว)
คนส่วนใหญ่ก็จะเข้าใจกันว่าคำว่าไบโพล่าร์คือเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย โดยที่ไม่ได้มีเจตนาเหยียดผู้ป่วยเลยแม้แต่น้อย
เหมือนบางทีเราทำงานหนักกดดันมากๆ เครียดสุดๆ ก็พูดบ่นให้เพื่อนฟังว่า เครียดมากจนจะเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้วเนี่ยะ
เราไม่ได้หมายความที่จะเยาะเย้ยคนเป็นโรคซึมเศร้า (Major depressive disorder) นี่คะ
เราว่าปกติน้องพยายามสัมภาษณ์ให้เกียรติทุกคนและเลี่ยงการกระทบทั่งใครอยู่แล้ว ถ้าตามน้องก็จะรู้ว่าขนาดคนที่พยายาม
จะสร้างกระแสเป็นข่าวว่าคบกับน้อง น้องยังแค่พูดว่าไม่จริง ไม่ได้กล่าวโทษใครด้วยซ้ำ
แต่มันเป็นไปไม่ได้ค่ะ ที่การพูดหรือสัมภาษณ์ทุกครั้งจะต้องระวังไม่ให้ไปกระทบกับความรู้สึกทุกคนในโลก
เพราะไม่มีใครรู้ว่าคนฟังมีปัญหาส่วนตัวมาอย่างไร ดาราไม่มีหน้าที่ที่ต้องไปแบกรับภาระนั้นด้วยนี่คะ
เราว่าคุณเอาภาระมาใส่บนบ่าดารามากเกินไป ถ้าเค้าพูดเหยียด หรือ offense ใครโดยเจตนาก็ว่าไปอย่าง
แต่เราว่าน้องญาญ่า ไม่ได้พูดในทำนองที่ขบขันเยอะเย้ยคนเป็นโรคนี้นะคะ
แต่เจตนาพูดถึงความยากลำบากของการเล่นบทนี้ที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เพราะบทซ้องปีบร้ายมาก และบทกาสะลองคือดีมาก
ตามความเข้าใจของคนส่วนใหญ่ว่าเป็นอาการของโรค เพราะชื่อโรคคือ Bipolar Disorder (โรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว)
คนส่วนใหญ่ก็จะเข้าใจกันว่าคำว่าไบโพล่าร์คือเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย โดยที่ไม่ได้มีเจตนาเหยียดผู้ป่วยเลยแม้แต่น้อย
เหมือนบางทีเราทำงานหนักกดดันมากๆ เครียดสุดๆ ก็พูดบ่นให้เพื่อนฟังว่า เครียดมากจนจะเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้วเนี่ยะ
เราไม่ได้หมายความที่จะเยาะเย้ยคนเป็นโรคซึมเศร้า (Major depressive disorder) นี่คะ
เราว่าปกติน้องพยายามสัมภาษณ์ให้เกียรติทุกคนและเลี่ยงการกระทบทั่งใครอยู่แล้ว ถ้าตามน้องก็จะรู้ว่าขนาดคนที่พยายาม
จะสร้างกระแสเป็นข่าวว่าคบกับน้อง น้องยังแค่พูดว่าไม่จริง ไม่ได้กล่าวโทษใครด้วยซ้ำ
แต่มันเป็นไปไม่ได้ค่ะ ที่การพูดหรือสัมภาษณ์ทุกครั้งจะต้องระวังไม่ให้ไปกระทบกับความรู้สึกทุกคนในโลก
เพราะไม่มีใครรู้ว่าคนฟังมีปัญหาส่วนตัวมาอย่างไร ดาราไม่มีหน้าที่ที่ต้องไปแบกรับภาระนั้นด้วยนี่คะ
เราว่าคุณเอาภาระมาใส่บนบ่าดารามากเกินไป ถ้าเค้าพูดเหยียด หรือ offense ใครโดยเจตนาก็ว่าไปอย่าง
ความคิดเห็นที่ 6
น้องเขาไม่ได้ดูแลผู้ป่วยใกล้ชิดแบบที่คุณทำ น้องไม่เข้าใจชัดแจ้งหรอกครับว่าอาการนี้เป็นอย่างไร
น้องก็แค่เปรียบเปรยไปตามความเข้าใจแบบที่คนส่วนใหญ่เข้าใจเกี่ยวกับคำว่าไบโพลาร์นั่นเอง
"เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย" ผมว่ามันกลายเป็นคำนิยามของคำว่าไบโพลาร์ไปแล้ว ใครๆก็เข้าใจเช่นนี้
เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกและไม่ผิด ที่น้องจะนำคำกล่าวนี้มาอ้างถึงบทบาทที่ตัวเองได้รับในเรื่องนี้
ผมไม่ได้เป็นแฟนคลับน้อง แม้แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ตามดู แต่กรณีนี้ผมไม่ติน้องนะครับ
น้องก็แค่เปรียบเปรยไปตามความเข้าใจแบบที่คนส่วนใหญ่เข้าใจเกี่ยวกับคำว่าไบโพลาร์นั่นเอง
"เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย" ผมว่ามันกลายเป็นคำนิยามของคำว่าไบโพลาร์ไปแล้ว ใครๆก็เข้าใจเช่นนี้
เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกและไม่ผิด ที่น้องจะนำคำกล่าวนี้มาอ้างถึงบทบาทที่ตัวเองได้รับในเรื่องนี้
ผมไม่ได้เป็นแฟนคลับน้อง แม้แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ตามดู แต่กรณีนี้ผมไม่ติน้องนะครับ
แสดงความคิดเห็น
อยากฝากถึงคุณญาญ่า อุรัสยา
สวัสดีครับ นี่เป็นการ Edit เพื่อเพิ่มเติมข้อความ และคงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะตอบกระทู้นี้ เพราะการพยายามสื่อสารความรู้สึกสำหรับผมต้องใช้พลังกายและพลังใจค่อนข้างมากเช่นกัน:
การตั้งกระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนาตำหนิ กล่าวหา หรือโจมตีคุณญาญ่าแต่อย่างใด แต่เพราะการที่เป็นดารานักแสดง ซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะ ทำให้การออกสื่อ หรือให้สัมภาษณ์ต่างๆ ค่อนข้างมีอิทธิพลในสังคม ส่วนตัวผมไม่ได้ติดตามดาราหรือวงการบันเทิงไทย ผมจึงกล่าวถึงเฉพาะคุณญาญ่า เพราะเป็นดาราที่แฟนชื่นชอบและชื่นชม จึงได้ทราบเรื่องราวดีๆของคุณญาญ่ามาบ้างจากที่แฟนพูดให้ฟังเรื่อยๆ ทั้งตัวผมและแฟนเชื่อว่าหากคุณญาญ่าได้ทราบความรู้สึกในมุมของผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยว่าการพูดเช่นนั้นทำให้กระทบจิตใจผู้ป่วยบางคน และเป็นแฟนคลับที่ติดตามผลงานด้วย คุณญาญ่าคงระวังและหลีกเลี่ยง อีกทั้งตัวผม และแฟน ทราบและเข้าใจว่าคุณญาญ่าคงไม่ได้เจตนา แต่ด้วยบริบทในสังคมที่พูดตามกันจนเกิดเป็นความเคยชิน
ซึ่งในขณะเดียวกันสังคมปัจจุบันก็ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการคิดก่อนพูด เพราะคำพูดอาจจะทำร้ายคนอื่นโดยที่เราไม่เจตนาหรือไม่รู้ตัว และให้ความสำคัญกับโรคซึมเศร้ามากขึ้น โดยมีการเผยแพร่ความรู้และวิธีปฏิบัติต่อผู้ป่วยมากมายทางสื่อโซเชียลต่างๆ โรคไบโพลาร์อาจจะมีความซับซ้อนกว่าโรคซึมเศร้า แต่ก็เป็นหนึ่งในโรคจิตเวช สิ่งที่ผู้ป่วยโรคจิตเวชทุกคนประสบเหมือนกันคือ สภาพจิตใจไม่แข็งแรง และสารในสมองทำงานไม่ปกติ จึงอ่อนไหวและคิดมากเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาการป่วยที่ต้องรับการรักษา การใช้ชีวิตในแต่ละวันของทั้งตัวผู้ป่วยและผู้ดูแลจึงต้องใช้พลังกายและพลังใจมาก
ซึ่งกำลังใจในการรักษานั้นนอกจากจะทำให้ตัวเองกลับมาหายปกติแล้ว อีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือผู้ป่วยเหล่านี้ไม่ต้องการให้ตัวเอง "เป็นภาระกับสังคม" และอยากอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมอย่างปกติ
แน่นอนอยู่แล้วว่าบางเรื่องเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ และผู้ป่วยต้องดูแลตัวเอง ความจริงผู้ป่วยเหล่านี้ไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไรเลย ออกจะเก็บเนื้อเก็บตัวไม่อยากเข้าสังคมด้วยซ้ำ ผมจึงใช้เหตุการณ์นี้ตั้งกระทู้สื่อสารความรู้สึกแทนผู้ป่วย เพราะการพยายามแสดงออกถึงความรู้สึกสำหรับผู้ป่วยเป็นเรื่องที่ยาก แม้แต่กับผมก็รู้สึกยากเช่นกัน หลายๆครั้งที่ตัวผู้ป่วยเองอยากอธิบายอยากสร้างความเข้าใจ แต่ก็ทำได้แค่ปล่อยผ่านไป และพยายามไม่เอามาคิด
ขอยกตัวอย่างคำพื้นฐานที่เราใช้สื่อสาร เช่น อ้วน ดำ เตี้ย สิว ตุ๊ด ฯลฯ ไม่ใช่คำหยาบคายก็จริง แต่เราไม่มีทางรู้ว่าผู้รับสารจะมีสภาพจิตใจข้างในอย่างไร ที่สภาพภายนอกแปลกไป อาจจะเป็นเพราะอาการป่วย เช่น อ้วนเพราะป่วยเป็นไทรอยด์ หรือเตี้ยเพราะกระดูกสันหลังคด เป็นต้น จึงอยากเป็นอีกหนึ่งเสียงรณรงค์ให้ฉุกคิดสักนิดก่อนสื่อสาร สำหรับผู้ส่งสารอาจจะเป็นเพียง "ก็แค่..." แต่สำหรับผู้รับสารบางคนมันตอกย้ำ หรืออาจะสร้างแผลในใจเพิ่มขึ้น ทั้งที่ความจริงเราอาจจะไม่ได้มีเจตนาอยากทำร้ายจิตใจคนอื่นด้วยซ้ำ
ไม่ได้กล่าวโทษว่าเป็นความผิดของฝ่ายไหน ไม่ได้แบ่งฝ่ายว่าเป็นผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ แต่อยากพูดในฐานะที่เข้าใจว่าคนที่รู้สึกอ่อนไหว ไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็นคนอ่อนแอ ในแต่ละวันเราไม่มีทางรู้ว่าแต่ละคนต้องอดทนกับอะไร ต้องต่อสู้กับอะไร ผมไม่ได้หมายถึงเฉพาะผู้ป่วยโรคจิตเวชเพียงอย่างเดียว และไม่ใช่หน้าที่ของคุณญาญ่า หรือบุคคลสาธารณะ หรือของใครคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนในสังคมควรร่วมมือกัน เพราะนี่คือการอยู่ร่วมกันในสังคม อย่างตอนนี้ทั่วโลกมีการตระหนักและรณรงค์ต่อต้านเรื่องการ Bully ผ่านทางคำพูด/ตัวอักษร/โซเชียล หรือการเหยียดเพศ/รูปร่าง/รสนิยม ฯลฯ ทั้งที่เจตนาและไม่ได้เจตนา ซึ่งหากพิจารณาจากแก่นแท้จริงก็คือ การขอความร่วมมือคนในสังคมให้ "เอาใจเขามาใส่ใจเรา และเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น" นั่นเอง
ขอบคุณครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้