คุณวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการศาสตร์พระราชา ประเด็นการส่งมอบพื้นที่ให้เอกชน เพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และมีส่วนที่ตอบคำถามของกลุ่มสหภาพการรถไฟและกลุ่มผู้คัดค้านได้หลายประเด็น [ฟังเนื้อหาเต็มได้จากคลิด้านล่าง]

สรุปใจความสำคัญคร่าว ๆ ได้ว่า
- พื้นที่ที่จะส่งมอบจะมีส่วนของพื้นที่เวนคืนทั้งหมดประมาณ 850 ไร่ ส่วนที่ใหญ่ที่สุดจะเป็นพื้นที่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา
- พื้นที่มักกะสัน การรถไฟจะสามารถส่งมอบให้ได้ก่อนประมาณ 100 ไร่ ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่ค่อยมีปัญหา และเป็นส่วนที่เอกชนจะนำไปพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ รวมทั้งพื้นที่แอร์พอร์ตเรลลิงค์
- พื้นที่อีกประมาณ 50 ไร่ จะทยอยส่งมอบภายใน 5 ปี
- การรถไฟจะขอเวลาเอกชนในการแก้ไขปัญหาผู้บุกรุก 2 ปี
- พื้นที่ศรีราชา ประมาณ 25 ไร่ จะส่งมอบให้เอกชนไปทำประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้ หลังจากเอกชนก่อสร้างบ้านพักและอาคารสำนักงานให้การรถไฟเสร็จแล้ว
- มีเรื่องที่ต้องขอความร่วมมือจากเอกชนอีกหลายอย่าง เช่น จุดทับซ้อนกับโครงการอื่น อย่างโครงการรถไฟสายสีแดง รวมถึงการขอให้กลุ่มซีพีเสนอแผนว่าจะเข้าบริหารจัดการแอร์พอร์ตเรลลิงค์เมื่อไร เพื่อการรถไฟจะได้รู้ว่าจะตอบสนองได้อย่างไร
- คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาได้ทันกำหนดภายในเดือนกรกฎาคมนี้

ส่วนประเด็นพื้นที่มักกะสัน สรุปได้ว่า
- เดิมทีการรถไฟมีแผนพัฒนาพื้นที่มักกะสันอยู่แล้ว จึงได้ทำการศึกษาด้านราคาและอื่น ๆ แล้ว โดยการย้ายโรงงานมักกะสันออกไปนอกพื้นที่ก็อยู่ในแผนด้วย
- พื้นที่ที่จะให้เอกชนไปทำประโยชน์เชิงพาณิชย์เป็นพื้นที่แปลง A หรือเรียกว่าพื้นที่ Prime ซึ่งมีมูลค่าและศักยภาพสูงสุด เพราะอยู่ติดถนนอโศก (พื้นที่ที่ติดถนนราชปรารถจะมีมูลค่าน้อยกว่า และมีส่วนของอาคารและสิ่งก่อสร้างที่การรถไฟต้องอนุรักษ์ไว้) แต่ปัจจุบันไม่ได้ใช้ประโยชน์ นอกจากเป็นที่จอดรถ ที่เรียกว่าเป็นป่าช้ารถเก่า
- ตามที่การรถไฟได้ทำการศึกษาไว้ จะเกิดผลตอบแทนในระยะ 30-50 ปี เป็นจังหวะเดียวกับที่รัฐบาลมีแผนสร้างรถไฟความเร็วสูง จึงได้ขอให้การรถไฟประเมินมาว่าเท่าไร และบอร์ดการรถไฟก็อนุมัติให้ใช้ราคาตามผลการศึกษาของการรถไฟ ดังนั้น พื้นที่บริเวณนี้จึงไม่ใช่ของฟรีหรือของแถม ตามที่หลายฝ่ายเข้าใจ ซึ่งรายได้ที่ได้ใกล้เคียงกับที่ศึกษาไว้ อาจจะน้อยกว่านิดหน่อย ไม่ได้ต่างกันมาก เพราะการรถไฟไม่ต้องทำเองและไม่ต้องมีความเสี่ยง มูลค่าปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1.3 -1.4 หมื่นล้านบาท สำหรับ 50 ปี
สำหรับประโยชน์จากโครงการนี้ ก็คือประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจต่อประเทศชาติ และประโยชน์ต่อประชาชนด้านการคมนาคม โดยจะมีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น และเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ชายฝั่งภาคตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีโอกาสพัฒนาได้อีก
จะเห็นได้ว่ารถไฟจะเป็นตัวนำความเจริญไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในส่วนของรถไฟความเร็วสูงจะดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ได้มากขึ้น ก่อให้เกิดความเจริญด้านเศรษฐกิจ ส่วนรถไฟธรรมดา เช่น รถไฟรางคู่สายนี้ที่มีอยู่แล้วและจะขยายเพิ่มเติม ก็จะเป็นตัวกระตุ้นการเดินทาง การขนส่ง มีประโยชน์โดยตรงต่อประชาชน ซึ่งการรถไฟมีหน้าที่ต้องดูแลประชาชน ตามพระราชประสงค์ในการจัดตั้งการรถไฟที่ให้ดูแลคนจน คนมีรายได้น้อย ดังนั้น บทบาทหน้าที่หนึ่งของการรถไฟ คือเป็นทั้งผู้ส่งเสริมและผู้ดูแล โดยการลดช่องว่างระหว่างผู้มีรายได้น้อยและรายได้มาก ขณะเดียวกันก็จะส่งเสริมธุรกิจ เพื่อให้ทั้งสองส่วนไปด้วยกันได้
การรถไฟขอเวลาเคลียร์ปัญหาผู้บุรุกพื้นที่ก่อสร้างรถไฟเชื่อมสนามบิน 2 ปี
สรุปใจความสำคัญคร่าว ๆ ได้ว่า
- พื้นที่ที่จะส่งมอบจะมีส่วนของพื้นที่เวนคืนทั้งหมดประมาณ 850 ไร่ ส่วนที่ใหญ่ที่สุดจะเป็นพื้นที่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา
- พื้นที่มักกะสัน การรถไฟจะสามารถส่งมอบให้ได้ก่อนประมาณ 100 ไร่ ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่ค่อยมีปัญหา และเป็นส่วนที่เอกชนจะนำไปพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ รวมทั้งพื้นที่แอร์พอร์ตเรลลิงค์
- พื้นที่อีกประมาณ 50 ไร่ จะทยอยส่งมอบภายใน 5 ปี
- การรถไฟจะขอเวลาเอกชนในการแก้ไขปัญหาผู้บุกรุก 2 ปี
- พื้นที่ศรีราชา ประมาณ 25 ไร่ จะส่งมอบให้เอกชนไปทำประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้ หลังจากเอกชนก่อสร้างบ้านพักและอาคารสำนักงานให้การรถไฟเสร็จแล้ว
- มีเรื่องที่ต้องขอความร่วมมือจากเอกชนอีกหลายอย่าง เช่น จุดทับซ้อนกับโครงการอื่น อย่างโครงการรถไฟสายสีแดง รวมถึงการขอให้กลุ่มซีพีเสนอแผนว่าจะเข้าบริหารจัดการแอร์พอร์ตเรลลิงค์เมื่อไร เพื่อการรถไฟจะได้รู้ว่าจะตอบสนองได้อย่างไร
- คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาได้ทันกำหนดภายในเดือนกรกฎาคมนี้
ส่วนประเด็นพื้นที่มักกะสัน สรุปได้ว่า
- เดิมทีการรถไฟมีแผนพัฒนาพื้นที่มักกะสันอยู่แล้ว จึงได้ทำการศึกษาด้านราคาและอื่น ๆ แล้ว โดยการย้ายโรงงานมักกะสันออกไปนอกพื้นที่ก็อยู่ในแผนด้วย
- พื้นที่ที่จะให้เอกชนไปทำประโยชน์เชิงพาณิชย์เป็นพื้นที่แปลง A หรือเรียกว่าพื้นที่ Prime ซึ่งมีมูลค่าและศักยภาพสูงสุด เพราะอยู่ติดถนนอโศก (พื้นที่ที่ติดถนนราชปรารถจะมีมูลค่าน้อยกว่า และมีส่วนของอาคารและสิ่งก่อสร้างที่การรถไฟต้องอนุรักษ์ไว้) แต่ปัจจุบันไม่ได้ใช้ประโยชน์ นอกจากเป็นที่จอดรถ ที่เรียกว่าเป็นป่าช้ารถเก่า
- ตามที่การรถไฟได้ทำการศึกษาไว้ จะเกิดผลตอบแทนในระยะ 30-50 ปี เป็นจังหวะเดียวกับที่รัฐบาลมีแผนสร้างรถไฟความเร็วสูง จึงได้ขอให้การรถไฟประเมินมาว่าเท่าไร และบอร์ดการรถไฟก็อนุมัติให้ใช้ราคาตามผลการศึกษาของการรถไฟ ดังนั้น พื้นที่บริเวณนี้จึงไม่ใช่ของฟรีหรือของแถม ตามที่หลายฝ่ายเข้าใจ ซึ่งรายได้ที่ได้ใกล้เคียงกับที่ศึกษาไว้ อาจจะน้อยกว่านิดหน่อย ไม่ได้ต่างกันมาก เพราะการรถไฟไม่ต้องทำเองและไม่ต้องมีความเสี่ยง มูลค่าปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1.3 -1.4 หมื่นล้านบาท สำหรับ 50 ปี
สำหรับประโยชน์จากโครงการนี้ ก็คือประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจต่อประเทศชาติ และประโยชน์ต่อประชาชนด้านการคมนาคม โดยจะมีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น และเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ชายฝั่งภาคตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีโอกาสพัฒนาได้อีก
จะเห็นได้ว่ารถไฟจะเป็นตัวนำความเจริญไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในส่วนของรถไฟความเร็วสูงจะดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ได้มากขึ้น ก่อให้เกิดความเจริญด้านเศรษฐกิจ ส่วนรถไฟธรรมดา เช่น รถไฟรางคู่สายนี้ที่มีอยู่แล้วและจะขยายเพิ่มเติม ก็จะเป็นตัวกระตุ้นการเดินทาง การขนส่ง มีประโยชน์โดยตรงต่อประชาชน ซึ่งการรถไฟมีหน้าที่ต้องดูแลประชาชน ตามพระราชประสงค์ในการจัดตั้งการรถไฟที่ให้ดูแลคนจน คนมีรายได้น้อย ดังนั้น บทบาทหน้าที่หนึ่งของการรถไฟ คือเป็นทั้งผู้ส่งเสริมและผู้ดูแล โดยการลดช่องว่างระหว่างผู้มีรายได้น้อยและรายได้มาก ขณะเดียวกันก็จะส่งเสริมธุรกิจ เพื่อให้ทั้งสองส่วนไปด้วยกันได้