
Where We Belong
ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ ที่นี่
ซู (เจนนิษฐ์) ค้นพบว่าตัวเองไม่ชอบที่ที่ตัวเองอยู่ในปัจจุบัน ระหว่างที่กำลังเรียนจบชั้นม.6 จึงวางแผนไปเรียนต่อและอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศตามที่ได้สอบชิงทุนการศึกษาไว้ ทั้งที่ที่บ้านซึ่งมีกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวขึ้นชื่อของย่านนั้นต้องหวังพึ่งซูในการดำเนินกิจการมาโดยตลอด พ่อคัดค้านการตัดสินใจของซูและอยากให้ซูอยู่กับพ่อและน้องตามเดิม
เบล (มิวสิค) เพื่อนสนิทของซูที่ร่วมหัวจมท้ายอยู่ด้วยเสมอในทุกสถานการณ์ เบล ไม่คิดไปอยู่ไหนไกลนอกจากที่บ้าน ที่ซึ่งมีพ่อและย่าที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ เบล จึงต้องช่วยพ่อดูแลย่าอีกแรง
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่เด็กม.6 จะต้องตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตให้กับตัวเองว่าจะเรียนอะไรและที่ไหนในระดับมหาวิทยาลัย มันคือช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับบางคนที่ยังไม่รู้หรือยังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเลือกอะไรหรือทำอะไรต่อไปดี เพราะว่ากับบางคนแล้วอาจจะไม่สามารถคิดไปข้างหน้าได้เพียงอย่างเดียวแต่ยังต้องคิดเผื่อคนที่อยู่ข้างหลังที่เรียกว่า ครอบครัว ด้วย แล้วไหนจะเรื่องความสัมพันธ์กับเพื่อนหรือกับแฟนอีก
เป็นวัยรุ่นก็มีเรื่องยุ่งยากให้คิดเยอะแยะเหมือนกัน
เนื้อหาหลักของหนังคือเรื่องราวคัมมิ่งออฟเอจของตัวละครหลักสองตัว นั่นคือ ซู กับ เบล เด็กวัยรุ่นม.6 ที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่วัยที่ได้ชื่อว่าเป็น ผู้ใหญ่ อย่างเต็มตัว หนังพาเราไปรู้จักกับความสัมพันธ์ของตัวละครนักเรียนหญิงที่เหมือนจะสนิท มีวงดนตรีร่วมกัน แต่ก็มีเหตุให้ยุบวงไปและมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งไม่เข้าใจกัน หรือแม้แต่กับบางคู่ก็ผิดใจกันจนไม่ยอมคุยกันอีกเลย นี่คือเรื่องธรรมดาของวัยรุ่นที่หนังนำเสนอออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติดี มีทั้งด้านที่สุขสดใสและก็ด้านที่ทุกข์หมองหม่น คละเคล้ากันไปอย่างลงตัว
นอกจากแก่นเรื่องที่เป็นหนังชีวิตวัยรุ่นในช่วงเปลี่ยนผ่านแล้วหนังยังเล่นกับประเด็นหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวละครอย่าง ซู โดยตรง นั่นคือ การไม่พอใจในที่ที่ตัวเองอยู่แล้วเลือกที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่น อย่างกรณีซูไม่ชอบที่ต้องมีภาระช่วยกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวที่บ้าน มีความไม่เข้าอกเข้าใจกันกับพ่อ คิดถึงแม่ที่เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน โดยที่แท้จริงแล้วก็ไม่ได้คิดว่าจะไปที่ไหนหรือจะไปทำอะไรอย่างอื่น ขอแค่ไปจาก ที่เดิม ก็พอแล้ว
แต่โดยส่วนตัวถ้ามีคนมาถามเราว่าจะเลือกหนีไปอยู่ที่อื่นหรือทนอยู่ต่อที่เดิมเพื่อแก้ไขปัญหา เราว่ามันตอบยากมาก เป็นคำถามที่หนังตั้งคำถามใส่และเหมือนจะไม่มีคำตอบให้กลับไป
ด้วยความที่หนังเรื่องนี้เขียนบทและกำกับโดยคนๆเดียวกัน นั่นคือ คงเดช จาตุรันต์รัศมี แนวทางของหนังจึงถูกนำเสนอในแบบที่เราคุ้นเคยจากผลงานก่อนๆของเขาอย่างชัดเจน นั่นคือ เรื่องราวที่ไม่หวือหวา ไม่ดึงดูดคนดู มิหนำซ้ำจะเป็นการไล่คนดูด้วยซ้ำไป และที่สำคัญคือ ไม่เดินตามขนบที่หนังส่วนใหญ่เดินกัน มันจึงไม่แปลกที่หนังเรื่องนี้จะทำให้คนดูอย่างเรารู้สึกเหมือนเคว้งคว้างในตอนแรกๆแล้วพอตั้งหลักได้ก็เหมอืนถูกตีแสกหน้าหรือโดนหักหลังเอาดื้อๆ ยิ่งตอนท้ายยิ่งรู้สึกว่าเขาเลือดเย็นเหลือเกินที่ทำลายความคาดหวังของคนดูที่คิดว่าจะได้เห็นทุกอย่างลงตัวอย่างสวยงาม
หนังแทรกเรื่องล้อเลียนการเมืองเข้าไปในบทพูดของตัวละครได้อย่างแนบเนียน ใครที่ตามการเมืองปัจจุบันอยู่จะรู้สึกถูกอกถูกใจเป็นพิเศษ ในขณะที่ประเด็นหลักที่หนังหยิบมาเล่น ถ้าจะมองไม่เป็นเรื่องการเมืองก็ถือว่าใช่ แต่ถ้าจะคิดให้ลึกซึ้งและเชื่อมโยงกับเรื่องอื่นก็ถือว่าใช่อยู่ดี เราแน่ใจว่า ใช่ นัยยะต่างๆของหนังมีเรื่องการเมืองแอบซ่อนอยู่แน่นอน
ขอชมการแสดงของสองสาวตัวละครหลักของเรื่องจากวง BNK48 ปิดท้าย เจนนิษฐ์ และ มิวสิค ที่ทำได้ดีเกินคาดมาก ฝีไม้ลายมือเรียกว่าไม่ต่างจากนักแสดงที่ผ่านการเล่นหนังมาสองสามเรื่องแล้วก็ว่าได้ ขอเดาเลยว่างานแจกรางวัลปีหน้าอย่างน้อยต้องมีทั้งคู่ติดชื่อเข้าชิง แน่นอน
#WhereWeBelong #JennisBNK48 #MusicBNK48
ขบเคี้ยวหนัง
[CR] Where We Belong ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ ที่นี่
Where We Belong
ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ ที่นี่
ซู (เจนนิษฐ์) ค้นพบว่าตัวเองไม่ชอบที่ที่ตัวเองอยู่ในปัจจุบัน ระหว่างที่กำลังเรียนจบชั้นม.6 จึงวางแผนไปเรียนต่อและอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศตามที่ได้สอบชิงทุนการศึกษาไว้ ทั้งที่ที่บ้านซึ่งมีกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวขึ้นชื่อของย่านนั้นต้องหวังพึ่งซูในการดำเนินกิจการมาโดยตลอด พ่อคัดค้านการตัดสินใจของซูและอยากให้ซูอยู่กับพ่อและน้องตามเดิม
เบล (มิวสิค) เพื่อนสนิทของซูที่ร่วมหัวจมท้ายอยู่ด้วยเสมอในทุกสถานการณ์ เบล ไม่คิดไปอยู่ไหนไกลนอกจากที่บ้าน ที่ซึ่งมีพ่อและย่าที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ เบล จึงต้องช่วยพ่อดูแลย่าอีกแรง
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่เด็กม.6 จะต้องตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตให้กับตัวเองว่าจะเรียนอะไรและที่ไหนในระดับมหาวิทยาลัย มันคือช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับบางคนที่ยังไม่รู้หรือยังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเลือกอะไรหรือทำอะไรต่อไปดี เพราะว่ากับบางคนแล้วอาจจะไม่สามารถคิดไปข้างหน้าได้เพียงอย่างเดียวแต่ยังต้องคิดเผื่อคนที่อยู่ข้างหลังที่เรียกว่า ครอบครัว ด้วย แล้วไหนจะเรื่องความสัมพันธ์กับเพื่อนหรือกับแฟนอีก
เป็นวัยรุ่นก็มีเรื่องยุ่งยากให้คิดเยอะแยะเหมือนกัน
เนื้อหาหลักของหนังคือเรื่องราวคัมมิ่งออฟเอจของตัวละครหลักสองตัว นั่นคือ ซู กับ เบล เด็กวัยรุ่นม.6 ที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่วัยที่ได้ชื่อว่าเป็น ผู้ใหญ่ อย่างเต็มตัว หนังพาเราไปรู้จักกับความสัมพันธ์ของตัวละครนักเรียนหญิงที่เหมือนจะสนิท มีวงดนตรีร่วมกัน แต่ก็มีเหตุให้ยุบวงไปและมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งไม่เข้าใจกัน หรือแม้แต่กับบางคู่ก็ผิดใจกันจนไม่ยอมคุยกันอีกเลย นี่คือเรื่องธรรมดาของวัยรุ่นที่หนังนำเสนอออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติดี มีทั้งด้านที่สุขสดใสและก็ด้านที่ทุกข์หมองหม่น คละเคล้ากันไปอย่างลงตัว
นอกจากแก่นเรื่องที่เป็นหนังชีวิตวัยรุ่นในช่วงเปลี่ยนผ่านแล้วหนังยังเล่นกับประเด็นหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวละครอย่าง ซู โดยตรง นั่นคือ การไม่พอใจในที่ที่ตัวเองอยู่แล้วเลือกที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่น อย่างกรณีซูไม่ชอบที่ต้องมีภาระช่วยกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวที่บ้าน มีความไม่เข้าอกเข้าใจกันกับพ่อ คิดถึงแม่ที่เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน โดยที่แท้จริงแล้วก็ไม่ได้คิดว่าจะไปที่ไหนหรือจะไปทำอะไรอย่างอื่น ขอแค่ไปจาก ที่เดิม ก็พอแล้ว
แต่โดยส่วนตัวถ้ามีคนมาถามเราว่าจะเลือกหนีไปอยู่ที่อื่นหรือทนอยู่ต่อที่เดิมเพื่อแก้ไขปัญหา เราว่ามันตอบยากมาก เป็นคำถามที่หนังตั้งคำถามใส่และเหมือนจะไม่มีคำตอบให้กลับไป
ด้วยความที่หนังเรื่องนี้เขียนบทและกำกับโดยคนๆเดียวกัน นั่นคือ คงเดช จาตุรันต์รัศมี แนวทางของหนังจึงถูกนำเสนอในแบบที่เราคุ้นเคยจากผลงานก่อนๆของเขาอย่างชัดเจน นั่นคือ เรื่องราวที่ไม่หวือหวา ไม่ดึงดูดคนดู มิหนำซ้ำจะเป็นการไล่คนดูด้วยซ้ำไป และที่สำคัญคือ ไม่เดินตามขนบที่หนังส่วนใหญ่เดินกัน มันจึงไม่แปลกที่หนังเรื่องนี้จะทำให้คนดูอย่างเรารู้สึกเหมือนเคว้งคว้างในตอนแรกๆแล้วพอตั้งหลักได้ก็เหมอืนถูกตีแสกหน้าหรือโดนหักหลังเอาดื้อๆ ยิ่งตอนท้ายยิ่งรู้สึกว่าเขาเลือดเย็นเหลือเกินที่ทำลายความคาดหวังของคนดูที่คิดว่าจะได้เห็นทุกอย่างลงตัวอย่างสวยงาม
หนังแทรกเรื่องล้อเลียนการเมืองเข้าไปในบทพูดของตัวละครได้อย่างแนบเนียน ใครที่ตามการเมืองปัจจุบันอยู่จะรู้สึกถูกอกถูกใจเป็นพิเศษ ในขณะที่ประเด็นหลักที่หนังหยิบมาเล่น ถ้าจะมองไม่เป็นเรื่องการเมืองก็ถือว่าใช่ แต่ถ้าจะคิดให้ลึกซึ้งและเชื่อมโยงกับเรื่องอื่นก็ถือว่าใช่อยู่ดี เราแน่ใจว่า ใช่ นัยยะต่างๆของหนังมีเรื่องการเมืองแอบซ่อนอยู่แน่นอน
ขอชมการแสดงของสองสาวตัวละครหลักของเรื่องจากวง BNK48 ปิดท้าย เจนนิษฐ์ และ มิวสิค ที่ทำได้ดีเกินคาดมาก ฝีไม้ลายมือเรียกว่าไม่ต่างจากนักแสดงที่ผ่านการเล่นหนังมาสองสามเรื่องแล้วก็ว่าได้ ขอเดาเลยว่างานแจกรางวัลปีหน้าอย่างน้อยต้องมีทั้งคู่ติดชื่อเข้าชิง แน่นอน
#WhereWeBelong #JennisBNK48 #MusicBNK48
ขบเคี้ยวหนัง
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้