บางครั้งถูกดึงเข้าไปในชีวิตใครบางคน สุดท้ายก็ถูกผลักออกมาด้วยคำว่าเค้ายังไม่พร้อมจะมีใครและคำสัญญา'เราเพื่อนกันตลอดไป'
เคยพยายามจะสารภาพรักเพื่อนตัวเอง..เพราะเรารู้สึกว่าเราเองกำลังเเบกรับความลับนี้ไม่ไหวแล้วความรู้สึกเหมือนมันหนักเกินไปที่จะเก็บมันไว้แบบนี้อีก เเต่เราไม่รู้จะเริ่มจากจุดไหนก่อนดีตอนนั้นสมองเหมือน อื้อไปหมด อาจเพราะเราเองคงกลัว กลัวทุกอย่างหลังจากนั้น ไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะออกมาในรูปแบบไหน เพราะครั้งหนึ่งเราเคยจะทำมันมาเเล้ว เราจำได้ประโยคตอนนั้นที่เราคุยกัน
วันนั้นในห้องเราทั้งผู้ชายผู้หญิงต่างคุยกันในหัวข้อที่ว่า ผู้หญิงผู้ชายสเป็กแต่ละคนเป็นยังไง. เราเลยถามมันไป(เพื่อน)
'เห้ยกูถามรัยหน่อยดิ'
'อะไร'
' ผู้ชายนี่ชอบผู้หญิงยังไงว่ะ'
' ไม่รู้ดิ แต่เป็นกู กูไม่เลือกนะ'
'
!! อย่างมคงนี่นะไม่เลือก กูไม่เชื่อหรอก' เราบอกมันไปแบบนั้น
'อ่าว..กูพูดจริง กูไม่เน้นหน้าตา' มันบอกกับเราแบบนั้นเหมือนมันจริงจังมากด้วยเราเลยเกิดความสงสัยในตัวมันว่า แบบไหนเหรอคือคนที่รักในนั้นมีกูบ้างรึเปล่าอะไรประมารนั้น ไม่ให้เสียเวลาเราเลยถามมันอีกครั้ง
'ถ้าไม่ชอบคนที่หน้าตาแล้วชอบเขาจากอะไร'
'กูไม่เน้นหน้าตาแต่เน้นหุ่น' มันบอกกับเรามาแบบนั้นแต่..เชื่อไหมคำนี้รู้สึกเจ็บกว่าเหตุผลแรกอีก มันพูดจบเรามองดูตัวเองเลยค่ะ คือเราเป็นผู้หญิงอวบแต่ไม่ถือว่าอ้วนขนาดนั้นสำรวจตัวเองได้แปปเดียวจากตอนเเรกที่รู้สึก เหมือนโดนตบหน้าอาจไม่เเรงก็เถอะ พอได้ยินประโยคต่อมา ความรู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆหล่อมหล่อตัวจุกอยู่กลางอกขึ้นมาในทันที ในประโยคที่มันพูดไว้ว่า
' กูไม่รู้หรอก ว่า เสป็กกูเป็นแบบไหน พอถึงเวลาเดียวมันก็มาแหละอย่าคิดมาก ตอนนี้ก็คงต้องรอมันแหละ แต่ถ้าเลือกได้กูก็จะขอไม่ให้รักเพื่อนมากกว่าหรือพูดง่ายๆคือ คนที่รักขอไม่เป็นเพื่อนว่ะ ' เราไม่รู้ว่าอะไรมันถึงทำให้มันตราหน้าพูดมาแบบนั้น ตอนนนั้นเรารู้สึกแทบล้มเลยค่ะ เเต่เราก็ยิ้มทำเหมือนว่าเข้สใจทุกอย่างในฐานะเพื่อน
'ทำไมว่ะ รักเพื่อนไม่ได้ว่างั้น' เรากรอกเสียงถามมันไปความจริงมันห็เคยพูดไว้อยู่เเล้วแต่ตอนนั้นเราคิดว่ามันพูดเล่นๆเท่านั้นไม่ได้จริงจังอะไร
'เปล่าหรอก กูไม่อยากเสียเพื่อนเอง แฟนอ่ะถ้าไม่ใช่ก็คือเลิกแต่..กับเพื่อนถ้าเลิกแล้วกูกลัวเสียทั้งแฟนเสียทั้งเพื่อน' เราจำน้ำเสียงของมันได้ ฟังดูเหมือนเป็นบทสนทนาในนิยายที่นางเองพยายามสารภาพรักพระเอกยังไงไม่รู้ว่ะ. เเต่มันคือความจริงของเราความจริงที่เราเองไม่รู้ว่าในตอนนั้นตรงจุดนั้นเราจะเดินหน้าหรือถอยหลัง เพราะเราไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรมารับประกันความเหมือนเดิมได้ตลอด เพราะครั้งหนึ่งเคยคิดที่จะลองแล้วผลลัพพ์มันออกมาเป็นแบบนั้น เราเลยไม่กล้าที่จะลองมันอีกครั้งถึงแม้ว่าตัวเองจะหนักเกินกว่าจะเก็บไว้ได้ เเต่ถ้าเรารู้อยู่แล้วว่าคำตอบจะออกมาแบบไหน บางทีเราลองแบกความถูกต้องเพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเรา
นี่หรือเปล่าความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่กล้าตั้งคำถาม เพราะกลัวว่าจะได้รับคำตอบอย่างไม่คาดคิด
อยากถามว่า เราทำถูกไหมที่เลือกที่จะเก็บคำสารภาพรักมันไว้ต่อไป แล้วค่อยลืมมันไปเอง เเต่ไม่รู้ว่าอีกนานเเค่ไหน? เเล้วถ้าคุณเป็นเราคุณจะแกปํญหานี้อย่างไร? เราไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ
รักเพื่อน=รักต้องห้ามจริงๆหรอ?
บางครั้งถูกดึงเข้าไปในชีวิตใครบางคน สุดท้ายก็ถูกผลักออกมาด้วยคำว่าเค้ายังไม่พร้อมจะมีใครและคำสัญญา'เราเพื่อนกันตลอดไป'
เคยพยายามจะสารภาพรักเพื่อนตัวเอง..เพราะเรารู้สึกว่าเราเองกำลังเเบกรับความลับนี้ไม่ไหวแล้วความรู้สึกเหมือนมันหนักเกินไปที่จะเก็บมันไว้แบบนี้อีก เเต่เราไม่รู้จะเริ่มจากจุดไหนก่อนดีตอนนั้นสมองเหมือน อื้อไปหมด อาจเพราะเราเองคงกลัว กลัวทุกอย่างหลังจากนั้น ไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะออกมาในรูปแบบไหน เพราะครั้งหนึ่งเราเคยจะทำมันมาเเล้ว เราจำได้ประโยคตอนนั้นที่เราคุยกัน
วันนั้นในห้องเราทั้งผู้ชายผู้หญิงต่างคุยกันในหัวข้อที่ว่า ผู้หญิงผู้ชายสเป็กแต่ละคนเป็นยังไง. เราเลยถามมันไป(เพื่อน)
'เห้ยกูถามรัยหน่อยดิ'
'อะไร'
' ผู้ชายนี่ชอบผู้หญิงยังไงว่ะ'
' ไม่รู้ดิ แต่เป็นกู กูไม่เลือกนะ'
'
'อ่าว..กูพูดจริง กูไม่เน้นหน้าตา' มันบอกกับเราแบบนั้นเหมือนมันจริงจังมากด้วยเราเลยเกิดความสงสัยในตัวมันว่า แบบไหนเหรอคือคนที่รักในนั้นมีกูบ้างรึเปล่าอะไรประมารนั้น ไม่ให้เสียเวลาเราเลยถามมันอีกครั้ง
'ถ้าไม่ชอบคนที่หน้าตาแล้วชอบเขาจากอะไร'
'กูไม่เน้นหน้าตาแต่เน้นหุ่น' มันบอกกับเรามาแบบนั้นแต่..เชื่อไหมคำนี้รู้สึกเจ็บกว่าเหตุผลแรกอีก มันพูดจบเรามองดูตัวเองเลยค่ะ คือเราเป็นผู้หญิงอวบแต่ไม่ถือว่าอ้วนขนาดนั้นสำรวจตัวเองได้แปปเดียวจากตอนเเรกที่รู้สึก เหมือนโดนตบหน้าอาจไม่เเรงก็เถอะ พอได้ยินประโยคต่อมา ความรู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆหล่อมหล่อตัวจุกอยู่กลางอกขึ้นมาในทันที ในประโยคที่มันพูดไว้ว่า
' กูไม่รู้หรอก ว่า เสป็กกูเป็นแบบไหน พอถึงเวลาเดียวมันก็มาแหละอย่าคิดมาก ตอนนี้ก็คงต้องรอมันแหละ แต่ถ้าเลือกได้กูก็จะขอไม่ให้รักเพื่อนมากกว่าหรือพูดง่ายๆคือ คนที่รักขอไม่เป็นเพื่อนว่ะ ' เราไม่รู้ว่าอะไรมันถึงทำให้มันตราหน้าพูดมาแบบนั้น ตอนนนั้นเรารู้สึกแทบล้มเลยค่ะ เเต่เราก็ยิ้มทำเหมือนว่าเข้สใจทุกอย่างในฐานะเพื่อน
'ทำไมว่ะ รักเพื่อนไม่ได้ว่างั้น' เรากรอกเสียงถามมันไปความจริงมันห็เคยพูดไว้อยู่เเล้วแต่ตอนนั้นเราคิดว่ามันพูดเล่นๆเท่านั้นไม่ได้จริงจังอะไร
'เปล่าหรอก กูไม่อยากเสียเพื่อนเอง แฟนอ่ะถ้าไม่ใช่ก็คือเลิกแต่..กับเพื่อนถ้าเลิกแล้วกูกลัวเสียทั้งแฟนเสียทั้งเพื่อน' เราจำน้ำเสียงของมันได้ ฟังดูเหมือนเป็นบทสนทนาในนิยายที่นางเองพยายามสารภาพรักพระเอกยังไงไม่รู้ว่ะ. เเต่มันคือความจริงของเราความจริงที่เราเองไม่รู้ว่าในตอนนั้นตรงจุดนั้นเราจะเดินหน้าหรือถอยหลัง เพราะเราไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรมารับประกันความเหมือนเดิมได้ตลอด เพราะครั้งหนึ่งเคยคิดที่จะลองแล้วผลลัพพ์มันออกมาเป็นแบบนั้น เราเลยไม่กล้าที่จะลองมันอีกครั้งถึงแม้ว่าตัวเองจะหนักเกินกว่าจะเก็บไว้ได้ เเต่ถ้าเรารู้อยู่แล้วว่าคำตอบจะออกมาแบบไหน บางทีเราลองแบกความถูกต้องเพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเรา
นี่หรือเปล่าความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่กล้าตั้งคำถาม เพราะกลัวว่าจะได้รับคำตอบอย่างไม่คาดคิด
อยากถามว่า เราทำถูกไหมที่เลือกที่จะเก็บคำสารภาพรักมันไว้ต่อไป แล้วค่อยลืมมันไปเอง เเต่ไม่รู้ว่าอีกนานเเค่ไหน? เเล้วถ้าคุณเป็นเราคุณจะแกปํญหานี้อย่างไร? เราไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ