สวัสดีครับ วันนี้ผมอยากจะนำเสนอแนวคิดที่จะจัดการกับเงินก้อนโตของเราอย่างมีประสิทธิภาพ
มีหลายคนที่โชคดี ถูกรางวัลที่1ของสลากต่างๆ หรือได้รับมรดกก้อนโต กลายเป็นเศรษฐีในชั่วพริบตา
คนคนนี้ก็จะมีเหตุการณ์ต่างๆมากมายเข้ามาในชีวิต และอาจจะกลับไปจนลงอย่างรวดเร็ว
เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น?
เรามาดูความคิดเกี่ยวกับการใช้จ่ายของคนทั่วไปกันก่อน
เมื่อพิจารณาปริมาณรายจ่ายเป็นขนาดของวงกลม จะเห็นว่าเป้าหมายของคนคนนี้ มีแต่เป้าหมายระยะสั้น (ไม่เกิน 1-2 ปี)
เมื่อเขาได้เงินก้อนใหญ่มา วงกลมเงินสำรองก็จะใหญ่ขึ้น เงินเหล่านั้นก็จะไปตอบโจทย์เป้าหมายระยะสั้น ความกินหรูอยู่สบายก็มา มีบ้านใหม่ มีรถใหม่ เที่ยวกระจาย รายจ่ายก็เพิ่มขึ้น ผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้
หากวงกลมรายจ่ายมากกว่ารายรับ เงินก้อนที่ได้มาก็จะถูกใช้ไปเรื่อยๆจนหมด **นี่เป็นสาเหตุที่คนที่ได้เงินก้อน จะกลับไปจนลงเหมือนเดิม ไม่ช้าก็เร็ว
อีกทางที่เงินจะหายไปได้ ก็คือการนำเงินไปลงทุนแล้วพลาด (เดี๋ยวจะบอกเรื่องลงทุนต่อด้านล่างครับ)
แล้วจริงๆเราควรจะทำอย่างไร?
Keyword อยู่ตรงที่ “คุณต้องจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายชีวิตก่อน แล้วค่อยนำเงินไปตอบโจทย์เป้าหมายนั้น”
แสดงว่า จริงๆเราต้องมีเป้าหมายระยะยาวด้วย ซึ่งนั่นก็คือ
เป้าหมาย “การเก็บเงินเพื่อการเกษียณ” นั่นเอง!!
ถ้าคุณไม่เคยวางแผนการเงินมาก่อน คุณอาจจะไม่เคยคิดถึงแผนการเกษียณเลย คุณก็จะทำงานหาเงินไปเรื่อยๆจนถึงวันที่คุณคิดว่า ในวันหนึ่งที่คุณไม่ได้ทำงานแล้ว คุณจะมีเงินพอใช้ไหม? แล้วก็จะค่อยเริ่มเก็บตัง
แต่จริงๆแล้วเป้าหมายการเกษียณนั้นสำคัญมาก เพราะมันคือความสุขและคุณภาพชีวิตในระยะยาว คุณอาจจะรวยล้นฟ้าในวันนี้ ได้ไปเที่ยวรอบโลก มีรถหลายๆคัน แต่ถ้าบั่นปลายชีวิตคุณมีเงินใช้น้อยจนคุณไม่มีความสุข แบบนี้ไม่ดีแน่
งั้นเรามาจัดอันดับความสำคัญของเป้าหมายกันก่อนนะครับ สำหรับผมเป็นแบบนี้
ผมให้ความสำคัญกับแผนเกษียณมาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะผมรู้สึกอุ่นใจถ้าสามารถทำให้เป้าหมายนี้บรรลุได้
ต่อมาคือการจัดการหนี้สิน(คอนโด) ที่ผมคิดว่าหากปิดหนี้ก้อนนี้ได้ก็จะสบายใจขึ้น
ที่เหลือเป็นการซื้อของเพื่อให้ตัวเองมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น (ตามความจำเป็น) เช่น คอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ (สำหรับทำงาน) หรือ มือถือใหม่ (กรณีเครื่องที่ใช้อยู่โทรมมาก)
ในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ผมคงไม่กินหรูอยู่สบายขึ้น จนกว่าแผนเกษียณจะบรรลุได้จริงๆ
ตัวผมเองถ้าจะเกษียณต้องเตรียมเงินไว้ 11.6ล้าน การคำนวณอยู่ในคลิปนี้ครับ
https://www.youtube.com/watch?v=6w--xguSx6I&list=PLZr-SFNkHrCbMemjRS6YRnGbeAq8d2WRp&index=10&t=73s
ตัวอย่าง ถ้าผมได้เงิน 10,000,000 บาท มาในวันนี้ (ของจริงยังไม่มีนะครับ ^^*) ผมจะจัดสรรเงินแบบนี้
1.ลงทุนเพื่อการเกษียณ 6,000,000 (ผมลงทุนในกองทุน LTF RMF แบบ DCA ถ้าใส่เพิ่มไปหกล้านก็จะทำให้แผนเกษียณของผมบรรลุเร็วขึ้น)
2.ปลดหนี้คอนโด 2,000,000
3.เก็บเป็นเงินสำรองเผื่อคุณพ่อคุณแม่เป็นอะไรไป 1,000,000 (คุณพ่อคุณแม่ของผมไม่มีประกันและมีปัญหาสุขภาพ จึงเผื่อไว้ให้คนละห้าแสน)
4.เก็บเป็นเงินสำรองสำหรับตัวผมเองและครอบครัว 300,000 (ตัวผมเองและครอบครัวมีประกันและมีเงินสำรองอยู่แล้ว จึงไม่ได้จะเตรียมเงินส่วนนี้เพิ่มซักเท่าไหร่)
5.ซื้อของจำเป็นสำหรับตัวเองและครอบครัว 200,000
6.ซื้อของให้คุณพ่อคุณแม่ 200,000 หรือไม่ก็ให้เป็นเงินสด
7.เที่ยวต่างประเทศกับแฟน 100,000 (ขอไปบ้างเหอะ ยังไม่เคยไปเลย)
8.ที่เหลือ อาจจะเป็นค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอื่นๆ เช่น ช่วยเหลือสังคม
ท่านอื่นๆอาจจะมีตัวเลือกที่แตกต่างออกไปนะครับ เช่น อาจจะซื้อรถ หรือไปเรียนต่อ ก็ได้ครับ
แล้วถ้าอยากจะลงทุนต้องทำอย่างไร? ขอให้ดูรูปนี้ครับ
ลงุทนนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่นะครับ ถ้าจะเริ่มลงทุน ขอให้ดู 2 เรื่องนี้ก่อนครับ คือ
1.ความพร้อม
2.ความรู้
เรื่องความพร้อม:
-ด้านเงินสำรอง เราควรจะมีเงินสำรองให้พออยู่ได้ 3-6 เดือน แล้วหรือยัง? หากพอแล้วก็ต้องมาดู
-ด้านความเสี่ยง ในวันนี้เรามีเกราะป้องกันความเสี่ยงรึยัง มีเหตุการณ์ไหนบ้างที่มีโอกาสทำให้เราเสียเงินก้อนใหญ่ เช่นอุบัติเหตุหรือโรคร้าย ถ้าไม่มีการจัดการเรื่องนี้ หากเกิดอะไรขึ้น เราอาจจะเสียเงินลงทุนทั้งหมดไปได้ครับ
เรื่องความรู้: วันนี้เรามีความรู้ในสิ่งที่เราจะลงทุนดีพอหรือยัง?
สินทรัพย์เพื่อการลงทุน มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เงินฝาก พันธบัตร หุ้น กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ Bitcoin Forex รถโบราณ นาฬิกาหรู กระเป๋าแบรนเนม แม้แต่งานศิลปะก็เป็นทรัพย์สินเพื่อการลงทุนได้
สำคัญที่เรามีความรู้ในสิ่งๆนั้นหรือยัง
การลงทุนที่ดี่ควรเกิดจากความรู้ความเข้าใจจริงๆ ในสิ่งที่เราจะลงทุนนะครับ
หากต้องพึ่งโชคชะตาหรือการพยากรณ์ นั่นคือการเก็งกำไร หรือการพนันครับ
และต้องระวังมิจฉาชีพด้วย พวกนี้มักจะล่อเราด้วยผลตอบแทนที่สูงเกินจริงครับ เช่น 10%ต่อเดือน นี่ก็เว่อร์ไป
แต่ถ้าอยากจะลองลงทุนในสิ่งที่ไม่รู้ ก็ขอให้ลองด้วยเงินก้อนเล็กๆนะครับ เผื่อว่าถ้าขาดทุนแล้วหายไปหมด เราจะได้ไม่เสียดายมาก
หรือถ้าจะลงทุนในธุรกิจ ก็ควรจะลองทำแผนธุรกิจดูก่อนนะครับ ว่าใช้ต้นทุนเท่าไหร่บ้าง ทำแล้วควรจะกำไรได้เท่าไหร่ต่อปี และคุ้มกับค่าแรงและเวลาที่เราลงไปไหม หากขาดทุนจะทำอย่างไร แผนธุรกิจก็จะทำให้เราพร้อมรับมือกับสถานการณ์เหล่านี้ครับ
สามารถดูคำอธิบายจากคลิปนี้ได้ครับ
https://www.youtube.com/watch?v=tdmt-5VMfS0&list=PLZr-SFNkHrCbMemjRS6YRnGbeAq8d2WRp&index=8&t=24s
....
ถ้าเราลงทุนได้ดี ก็จะทำให้เงินของเราเติบโตอย่างปลอดภัยครับ
หลายๆคนก็มาพลาดในเรื่องการลงทุนนะครับ ทำให้เงินก้อนที่ได้มาหายไปอย่างรวดเร็ว
อนึ่ง ผมไม่แนะนำให้ลงทุนในประกันประเภทสะสมทรัพย์นะครับ เพราะสภาพคล่องต่ำเมื่อเทียบกับการฝากประจำที่ได้ผลตอบแทนพอๆกัน แล้วความคุ้มครองก็น้อยด้วย (เรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่ จะเขียนในกระทู้ถัดไปนะครับ)
….
แนวคิดทั้งหมดนี้ สามารถนำไปปรับใช้กับโบนัสของเราได้นะครับ เช่น ได้โบนัสมา 300,000 ก็เก็บเป็นแผนเกษียณ 100,000 ชำระหนี้ 100,000 ให้รางวัลตัวเอง 50,000 เก็บสำรองไว้ 50,000 ก็ได้ครับ
เงินของเราจะจัดสรรยังไงก็ได้ ไม่มีผิด ไม่มีถูก ขอให้จัดสรรให้ดี ในรูปแบบที่คุณคิดว่าปลอดภัย
หากเรานำเงินไปตอบโจทย์ได้ดี ก็จะสามารถรักษาความมั่งคั่งให้ติดตัวเราไปได้ ตราบนานเท่านานครับ
สรุปสิ่งที่ต้องทำเมื่อได้เงินก้อน สำหรับแนวคิดนี้
1.ถ้าเป็นเงินสด/เช็ค นำเงินไปฝากบัญชีธนาคารก่อน มีแนวโน้มว่าจะปลอดภัยกว่าเก็บไว้ที่บ้าน เพราะอาจโดนขโมยหรืออัคคีภัยได้ (ในจุดนี้ตู้เซฟอาจช่วยได้บ้าง)
2.ทำให้เรื่องเงียบที่สุดเท่าที่จะเงียบได้ ไม่งั้นจะโดนทักมายืมเงินรัวๆ (อยู่ดีๆก็มีคนอยากรู้จักเรา 555+)
3.พิจารณาเป้าหมายในชีวิต ว่าเป้าหมายไหนสำคัญที่สุด แล้วนำเงินไปตอบโจทย์เหล่านั้น เรียงตามลำดับความสำคัญ เช่น แก้หนี้ เก็บเพื่อเกษียณ เที่ยวบ้าง ซื้อของบ้าง
4.หากอยากจะลงทุน ให้กันเงินสำรองไว้ แล้วนำเงินไปลงทุนในสิ่งที่มีความรู้
5.หากไม่รู้อะไรเลย ฝากออมทรัพย์/ฝากประจำไว้ก่อน แล้วศึกษาหาความรู้จนมั่นใจ จึงค่อยนำเงินไปลงทุน
6.ถอนเงินออกมาใช้ตามความจำเป็น
7.ถ้าอยากขยับคุณภาพชีวิตให้หรูขึ้น ก็เอาให้สมฐานะ และมีเงินพอใช้ไปได้ตลอด (อย่ารวยแปปเดียวแล้วกลับมาจนใหม่)
**ระวังมิจฉาชีพทางการเงิน ด้วยนะครับ
ขอให้ทุกๆคนโชคดีในการวางแผนการเงินครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สามารถติดตามงานของผมได้จาก page https://www.facebook.com/PoohkaoFC/ ครับ
เวลาที่ได้เงินก้อนใหญ่แล้ว (โบนัส, ถูกหวย, ได้มรดก) จะทำอย่างไรไม่ให้กลับไปจนอีก
มีหลายคนที่โชคดี ถูกรางวัลที่1ของสลากต่างๆ หรือได้รับมรดกก้อนโต กลายเป็นเศรษฐีในชั่วพริบตา
คนคนนี้ก็จะมีเหตุการณ์ต่างๆมากมายเข้ามาในชีวิต และอาจจะกลับไปจนลงอย่างรวดเร็ว
เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น?
เรามาดูความคิดเกี่ยวกับการใช้จ่ายของคนทั่วไปกันก่อน
เมื่อพิจารณาปริมาณรายจ่ายเป็นขนาดของวงกลม จะเห็นว่าเป้าหมายของคนคนนี้ มีแต่เป้าหมายระยะสั้น (ไม่เกิน 1-2 ปี)
เมื่อเขาได้เงินก้อนใหญ่มา วงกลมเงินสำรองก็จะใหญ่ขึ้น เงินเหล่านั้นก็จะไปตอบโจทย์เป้าหมายระยะสั้น ความกินหรูอยู่สบายก็มา มีบ้านใหม่ มีรถใหม่ เที่ยวกระจาย รายจ่ายก็เพิ่มขึ้น ผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้
หากวงกลมรายจ่ายมากกว่ารายรับ เงินก้อนที่ได้มาก็จะถูกใช้ไปเรื่อยๆจนหมด **นี่เป็นสาเหตุที่คนที่ได้เงินก้อน จะกลับไปจนลงเหมือนเดิม ไม่ช้าก็เร็ว
อีกทางที่เงินจะหายไปได้ ก็คือการนำเงินไปลงทุนแล้วพลาด (เดี๋ยวจะบอกเรื่องลงทุนต่อด้านล่างครับ)
แล้วจริงๆเราควรจะทำอย่างไร?
Keyword อยู่ตรงที่ “คุณต้องจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายชีวิตก่อน แล้วค่อยนำเงินไปตอบโจทย์เป้าหมายนั้น”
แสดงว่า จริงๆเราต้องมีเป้าหมายระยะยาวด้วย ซึ่งนั่นก็คือ
เป้าหมาย “การเก็บเงินเพื่อการเกษียณ” นั่นเอง!!
ถ้าคุณไม่เคยวางแผนการเงินมาก่อน คุณอาจจะไม่เคยคิดถึงแผนการเกษียณเลย คุณก็จะทำงานหาเงินไปเรื่อยๆจนถึงวันที่คุณคิดว่า ในวันหนึ่งที่คุณไม่ได้ทำงานแล้ว คุณจะมีเงินพอใช้ไหม? แล้วก็จะค่อยเริ่มเก็บตัง
แต่จริงๆแล้วเป้าหมายการเกษียณนั้นสำคัญมาก เพราะมันคือความสุขและคุณภาพชีวิตในระยะยาว คุณอาจจะรวยล้นฟ้าในวันนี้ ได้ไปเที่ยวรอบโลก มีรถหลายๆคัน แต่ถ้าบั่นปลายชีวิตคุณมีเงินใช้น้อยจนคุณไม่มีความสุข แบบนี้ไม่ดีแน่
งั้นเรามาจัดอันดับความสำคัญของเป้าหมายกันก่อนนะครับ สำหรับผมเป็นแบบนี้
ผมให้ความสำคัญกับแผนเกษียณมาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะผมรู้สึกอุ่นใจถ้าสามารถทำให้เป้าหมายนี้บรรลุได้
ต่อมาคือการจัดการหนี้สิน(คอนโด) ที่ผมคิดว่าหากปิดหนี้ก้อนนี้ได้ก็จะสบายใจขึ้น
ที่เหลือเป็นการซื้อของเพื่อให้ตัวเองมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น (ตามความจำเป็น) เช่น คอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ (สำหรับทำงาน) หรือ มือถือใหม่ (กรณีเครื่องที่ใช้อยู่โทรมมาก)
ในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ผมคงไม่กินหรูอยู่สบายขึ้น จนกว่าแผนเกษียณจะบรรลุได้จริงๆ
ตัวผมเองถ้าจะเกษียณต้องเตรียมเงินไว้ 11.6ล้าน การคำนวณอยู่ในคลิปนี้ครับ
https://www.youtube.com/watch?v=6w--xguSx6I&list=PLZr-SFNkHrCbMemjRS6YRnGbeAq8d2WRp&index=10&t=73s
ตัวอย่าง ถ้าผมได้เงิน 10,000,000 บาท มาในวันนี้ (ของจริงยังไม่มีนะครับ ^^*) ผมจะจัดสรรเงินแบบนี้
1.ลงทุนเพื่อการเกษียณ 6,000,000 (ผมลงทุนในกองทุน LTF RMF แบบ DCA ถ้าใส่เพิ่มไปหกล้านก็จะทำให้แผนเกษียณของผมบรรลุเร็วขึ้น)
2.ปลดหนี้คอนโด 2,000,000
3.เก็บเป็นเงินสำรองเผื่อคุณพ่อคุณแม่เป็นอะไรไป 1,000,000 (คุณพ่อคุณแม่ของผมไม่มีประกันและมีปัญหาสุขภาพ จึงเผื่อไว้ให้คนละห้าแสน)
4.เก็บเป็นเงินสำรองสำหรับตัวผมเองและครอบครัว 300,000 (ตัวผมเองและครอบครัวมีประกันและมีเงินสำรองอยู่แล้ว จึงไม่ได้จะเตรียมเงินส่วนนี้เพิ่มซักเท่าไหร่)
5.ซื้อของจำเป็นสำหรับตัวเองและครอบครัว 200,000
6.ซื้อของให้คุณพ่อคุณแม่ 200,000 หรือไม่ก็ให้เป็นเงินสด
7.เที่ยวต่างประเทศกับแฟน 100,000 (ขอไปบ้างเหอะ ยังไม่เคยไปเลย)
8.ที่เหลือ อาจจะเป็นค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอื่นๆ เช่น ช่วยเหลือสังคม
ท่านอื่นๆอาจจะมีตัวเลือกที่แตกต่างออกไปนะครับ เช่น อาจจะซื้อรถ หรือไปเรียนต่อ ก็ได้ครับ
แล้วถ้าอยากจะลงทุนต้องทำอย่างไร? ขอให้ดูรูปนี้ครับ
ลงุทนนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่นะครับ ถ้าจะเริ่มลงทุน ขอให้ดู 2 เรื่องนี้ก่อนครับ คือ
1.ความพร้อม
2.ความรู้
เรื่องความพร้อม:
-ด้านเงินสำรอง เราควรจะมีเงินสำรองให้พออยู่ได้ 3-6 เดือน แล้วหรือยัง? หากพอแล้วก็ต้องมาดู
-ด้านความเสี่ยง ในวันนี้เรามีเกราะป้องกันความเสี่ยงรึยัง มีเหตุการณ์ไหนบ้างที่มีโอกาสทำให้เราเสียเงินก้อนใหญ่ เช่นอุบัติเหตุหรือโรคร้าย ถ้าไม่มีการจัดการเรื่องนี้ หากเกิดอะไรขึ้น เราอาจจะเสียเงินลงทุนทั้งหมดไปได้ครับ
เรื่องความรู้: วันนี้เรามีความรู้ในสิ่งที่เราจะลงทุนดีพอหรือยัง?
สินทรัพย์เพื่อการลงทุน มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เงินฝาก พันธบัตร หุ้น กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ Bitcoin Forex รถโบราณ นาฬิกาหรู กระเป๋าแบรนเนม แม้แต่งานศิลปะก็เป็นทรัพย์สินเพื่อการลงทุนได้ สำคัญที่เรามีความรู้ในสิ่งๆนั้นหรือยัง
การลงทุนที่ดี่ควรเกิดจากความรู้ความเข้าใจจริงๆ ในสิ่งที่เราจะลงทุนนะครับ
หากต้องพึ่งโชคชะตาหรือการพยากรณ์ นั่นคือการเก็งกำไร หรือการพนันครับ
และต้องระวังมิจฉาชีพด้วย พวกนี้มักจะล่อเราด้วยผลตอบแทนที่สูงเกินจริงครับ เช่น 10%ต่อเดือน นี่ก็เว่อร์ไป
แต่ถ้าอยากจะลองลงทุนในสิ่งที่ไม่รู้ ก็ขอให้ลองด้วยเงินก้อนเล็กๆนะครับ เผื่อว่าถ้าขาดทุนแล้วหายไปหมด เราจะได้ไม่เสียดายมาก
หรือถ้าจะลงทุนในธุรกิจ ก็ควรจะลองทำแผนธุรกิจดูก่อนนะครับ ว่าใช้ต้นทุนเท่าไหร่บ้าง ทำแล้วควรจะกำไรได้เท่าไหร่ต่อปี และคุ้มกับค่าแรงและเวลาที่เราลงไปไหม หากขาดทุนจะทำอย่างไร แผนธุรกิจก็จะทำให้เราพร้อมรับมือกับสถานการณ์เหล่านี้ครับ
สามารถดูคำอธิบายจากคลิปนี้ได้ครับ
https://www.youtube.com/watch?v=tdmt-5VMfS0&list=PLZr-SFNkHrCbMemjRS6YRnGbeAq8d2WRp&index=8&t=24s
....
ถ้าเราลงทุนได้ดี ก็จะทำให้เงินของเราเติบโตอย่างปลอดภัยครับ
หลายๆคนก็มาพลาดในเรื่องการลงทุนนะครับ ทำให้เงินก้อนที่ได้มาหายไปอย่างรวดเร็ว
อนึ่ง ผมไม่แนะนำให้ลงทุนในประกันประเภทสะสมทรัพย์นะครับ เพราะสภาพคล่องต่ำเมื่อเทียบกับการฝากประจำที่ได้ผลตอบแทนพอๆกัน แล้วความคุ้มครองก็น้อยด้วย (เรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่ จะเขียนในกระทู้ถัดไปนะครับ)
….
แนวคิดทั้งหมดนี้ สามารถนำไปปรับใช้กับโบนัสของเราได้นะครับ เช่น ได้โบนัสมา 300,000 ก็เก็บเป็นแผนเกษียณ 100,000 ชำระหนี้ 100,000 ให้รางวัลตัวเอง 50,000 เก็บสำรองไว้ 50,000 ก็ได้ครับ
เงินของเราจะจัดสรรยังไงก็ได้ ไม่มีผิด ไม่มีถูก ขอให้จัดสรรให้ดี ในรูปแบบที่คุณคิดว่าปลอดภัย
หากเรานำเงินไปตอบโจทย์ได้ดี ก็จะสามารถรักษาความมั่งคั่งให้ติดตัวเราไปได้ ตราบนานเท่านานครับ
สรุปสิ่งที่ต้องทำเมื่อได้เงินก้อน สำหรับแนวคิดนี้
1.ถ้าเป็นเงินสด/เช็ค นำเงินไปฝากบัญชีธนาคารก่อน มีแนวโน้มว่าจะปลอดภัยกว่าเก็บไว้ที่บ้าน เพราะอาจโดนขโมยหรืออัคคีภัยได้ (ในจุดนี้ตู้เซฟอาจช่วยได้บ้าง)
2.ทำให้เรื่องเงียบที่สุดเท่าที่จะเงียบได้ ไม่งั้นจะโดนทักมายืมเงินรัวๆ (อยู่ดีๆก็มีคนอยากรู้จักเรา 555+)
3.พิจารณาเป้าหมายในชีวิต ว่าเป้าหมายไหนสำคัญที่สุด แล้วนำเงินไปตอบโจทย์เหล่านั้น เรียงตามลำดับความสำคัญ เช่น แก้หนี้ เก็บเพื่อเกษียณ เที่ยวบ้าง ซื้อของบ้าง
4.หากอยากจะลงทุน ให้กันเงินสำรองไว้ แล้วนำเงินไปลงทุนในสิ่งที่มีความรู้
5.หากไม่รู้อะไรเลย ฝากออมทรัพย์/ฝากประจำไว้ก่อน แล้วศึกษาหาความรู้จนมั่นใจ จึงค่อยนำเงินไปลงทุน
6.ถอนเงินออกมาใช้ตามความจำเป็น
7.ถ้าอยากขยับคุณภาพชีวิตให้หรูขึ้น ก็เอาให้สมฐานะ และมีเงินพอใช้ไปได้ตลอด (อย่ารวยแปปเดียวแล้วกลับมาจนใหม่)
**ระวังมิจฉาชีพทางการเงิน ด้วยนะครับ
ขอให้ทุกๆคนโชคดีในการวางแผนการเงินครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้