ไม่รีวิวยาวมาก เอาเป็นว่า ถ้าหาก Stranger things ใน 2 season ที่ผ่านมา คือซีรีส์ที่มีส่วนผสมของการยำระหว่าง
บรรยากาศยุค 80 + ET + XFile + Alien + IT + Spielberg + King + หนัง และเกมอีกประมาณ 10 เรื่องของยุคนั้น
Season 3 ที่เพิ่งจบไป ก็มีสเกลที่ใหญ่ขึ้น ทั้งในแง่ของเรื่องราว ตัวละคร ไปจนถึงการใส่สัญญะของปัญหาและบริบทสังคมอเมริกันยุคนั้นเข้ามาเพิ่ม การเสียดสีระบบทุนนิยม การหวาดกลัวคอมมิวนิสต์ สงครามเย็นช่วงท้าย ๆ การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และที่สำคัญคือ Coming of Age ของเด็กที่กำลังจะโตเป็นวัยรุ่นและเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งในซีซัน 3 มีความหลากหลายและหนักหน่วงขึ้นในจุดนี้
ส่วนที่เป็นซีรีส์ฟีลกู้ดของหนัง ก็ยังมีอยู่มาก ทั้งมีความเป็นหนังเด็ก ปนสืบสวนและแอ็คชั่นสไตล์หนังดิสนีย์หรือสปีลเบิร์กยุคก่อน และมุกตลกแบบเด็กๆที่ดูจะชอบมาผิดที่ผิดเวลา (เป็นสไตล์ที่หนังฝรั่งแนวพาโรดี้ชอบมาก แต่คนไทยอาจจะรู้สึกรำคาญหรือมองว่าทำงั้นทำไม) แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือความโหดร้ายของชีวิตจริงและการเตรียมไปสู่วัยรุ่น การสูญเสีย การพลัดพราก ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งประเด็นนี้ที่จริงแล้วใส่มาตั้งแต่ภาคแรก แต่ยังไม่เข้มมาก และมาเริ่มหนักขึ้นในภาคสอง จนมาหนักสุดในภาคนี้
พัฒนาการของตัวละคร น่าจะเป็นจุดเด่นที่สุดของซีรีส์ภาคนี้ จากที่มีส่วนของความเป็น X-Men ในซีแรกและซีสอง ตามที่ตัวละครเองก็หยิบคอมิคมาเปรียบเทียบ (แอลในภาคที่แล้ว ดูคล้ายมาก) แต่มาภาคนี้ถูกปรับให้เข้ามาสู่โลกจริงมากขึ้น มีความดิบมากขึ้น ตามเวลาที่เรื่องดำเนินมา ตัวละครที่เข้าทีมเพิ่มในภาคนี้ กูมีบทบาทและคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจมาก ไม่ว่าจะเป็น โรบิน เอริก้า และน่าจะรวมถึงซูซี่ที่ถูกปูไว้แล้ว
จุดนี้สปอย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้การตายของบิลลี่ ปมของตัวละครที่ว่าทำไมเขาชอบสาวมีอายุ เพราะเรื่องแม่ ใส่มาได้ดีมากๆ ทั้งที่ใช้ซีนออนแอร์น้อย
และการตายของฮอปเปอร์ ซึ่งหลายคนคงคิดว่า "อาจจะยังไม่ตายจริง" คงต้องรอดูซีหน้า ซึ่งดูเหมือนทีมสร้างจะเตรียมการขยายสเกลเรื่องแน่นอน
ที่น่าสนใจคือ ภาคหน้า พวกพี่สาวของแอลอาจจะกลับมามีบทก็ได้ เพราะคงต้องมีเรื่องราวการเรียกพลังของแอลกลับมา และขีดจำกัดพลังของแอลที่อาจจะถูกพูดถึง
สุดท้ายแล้ว นี่ยังคงเป็นซีรีส์ระดับเอกอุ ที่ควรค่าแก่การชม และทีมสร้างกับ Netflix ควรได้เครดิตมาก ๆ ที่สร้างสรรค์เรื่องนี้ครับ และคาดวังว่า Season 4 พี่น้อง Duffy จะนำเสนออะไร ๆ ได้น่าติดตามยิ่งขึ้น เพราะต้องยอมรับว่า 2 ซีที่ผ่านมา ปล่อยของไปเยอะมาก แต่ซี 3 กลับทำได้ดีกว่าเดิมอีก
รีวิว Stranger things season 3 - ดูจบแล้ว 9/10 บทสรุปแบบ Coming of Age เจ็บปวดเพื่อจะเติบโต
บรรยากาศยุค 80 + ET + XFile + Alien + IT + Spielberg + King + หนัง และเกมอีกประมาณ 10 เรื่องของยุคนั้น
Season 3 ที่เพิ่งจบไป ก็มีสเกลที่ใหญ่ขึ้น ทั้งในแง่ของเรื่องราว ตัวละคร ไปจนถึงการใส่สัญญะของปัญหาและบริบทสังคมอเมริกันยุคนั้นเข้ามาเพิ่ม การเสียดสีระบบทุนนิยม การหวาดกลัวคอมมิวนิสต์ สงครามเย็นช่วงท้าย ๆ การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และที่สำคัญคือ Coming of Age ของเด็กที่กำลังจะโตเป็นวัยรุ่นและเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งในซีซัน 3 มีความหลากหลายและหนักหน่วงขึ้นในจุดนี้
พัฒนาการของตัวละคร น่าจะเป็นจุดเด่นที่สุดของซีรีส์ภาคนี้ จากที่มีส่วนของความเป็น X-Men ในซีแรกและซีสอง ตามที่ตัวละครเองก็หยิบคอมิคมาเปรียบเทียบ (แอลในภาคที่แล้ว ดูคล้ายมาก) แต่มาภาคนี้ถูกปรับให้เข้ามาสู่โลกจริงมากขึ้น มีความดิบมากขึ้น ตามเวลาที่เรื่องดำเนินมา ตัวละครที่เข้าทีมเพิ่มในภาคนี้ กูมีบทบาทและคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจมาก ไม่ว่าจะเป็น โรบิน เอริก้า และน่าจะรวมถึงซูซี่ที่ถูกปูไว้แล้ว
จุดนี้สปอย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุดท้ายแล้ว นี่ยังคงเป็นซีรีส์ระดับเอกอุ ที่ควรค่าแก่การชม และทีมสร้างกับ Netflix ควรได้เครดิตมาก ๆ ที่สร้างสรรค์เรื่องนี้ครับ และคาดวังว่า Season 4 พี่น้อง Duffy จะนำเสนออะไร ๆ ได้น่าติดตามยิ่งขึ้น เพราะต้องยอมรับว่า 2 ซีที่ผ่านมา ปล่อยของไปเยอะมาก แต่ซี 3 กลับทำได้ดีกว่าเดิมอีก