ไฟนรกและระเบิดเวลาครั้งแรกของโลก

ความพ่ายแพ้ของกองเรีอ Armada ของ Spain  8 สิงหาคมt 1588 โดย  Philip James de Loutherbourg 1796

ในยุคของการแล่นเรือที่สร้างมาจากไม้
ไฟ คือ ศัตรูหมายเลขหนึ่งของลูกเรือ
และอาวุธที่โหดร้ายและน่ากลัวเหมือนปีศาจ
มักจะใช้กันในช่วงสงครามเพื่อจมเรือของศัตรู

อาวุธไฟเหล่านี้ได้ถูกบุกเบิกโดยชาวกรีกโบราณ
นั่นคือ การจุดไฟเผาเรือฝ่ายของตนเอง
ภายในเรือจะใส่วัสดุติดไฟประเภทน้ำมันดินและยางสน
แล้วให้เรือแล่นเข้าไปหากองเรือศัตรู
เปลวไฟดังกล่าวจะเผาไหม้เรือศัตรูอย่างรวดเร็วอย่างน่ากลัว

ในศตวรรษที่ 7 ชาวกรีกค้นพบว่า
naphtha เมื่อผสมกับ  quicklime
จะติดไฟได้อย่างรุนแรงเมื่อสัมผัสกับน้ำ
และนี่คืออาวุธเพลิงครั้งแรกของโลก
และชาวกรีกใช้ประโยชน์ในการสร้างเรือไฟ

ความก้าวหน้าในการต่อเรือ
และการคิดค้นดินปืนเพื่อเพิ่มศักยภาพ
ในการทำลายล้างของอาวุธเหล่านี้
เรือไฟไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือใช้
ในการจุดไฟเผากองเรือข้าศึกหรือทำลายท่าเรือ
แต่ยังมีระเบิดลอยที่ออกแบบมาให้ลอยได้โดยมัดติดกับเรือ
เพื่อเข้าทำลายกองเรือให้ได้มากที่สุด
ด้วยการจุดระเบิดจำนวนมากให้ระเบิดอย่างรุนแรง


ในช่วงฤดูหนาวปี 1585
Antwerp ถูกปิดล้อมโดยกองทัพของ Alexander Farnese
ผู้บัญชาการกองทัพ Habsburg ใน Spanish Netherlands
(ดัชต์เคยตกเป็นเมืองขึ้นของชาวสเปญมาก่อน)
ได้ริเริ่มสร้างสะพานไม้ลอยได้ข้ามแม่น้ำ Scheldt
ระหว่าง Antwerp กับทะเล
เพราะต้องการให้ประชากรอดหยากจนยอมจำนน

เพื่อทำลายการปิดล้อมจากกองทัพสเปญ
ชาวดัตช์จ้างวิศวกรทหารชาวอิตาลีชื่อ Federigo Giambelli
ซึ่งมีชื่อเสียงอย่างมากด้านความรู้ทางวิทยาศาสตร์ด้านต่าง ๆ
Federigo Giambelli ได้ให้สัญญาว่า
จะทำลายสะพานนี้ให้ล่มสลายลง
และขอให้ชาวดัชต์ส่งมอบเรือสินค้าขนาดใหญ่ 3 ลำ
ซึ่งคัดเลือกจากกองทัพเรือของเมือง Antwerp

แต่คำขอของ Federigo Giambelli ถูกปฏิเสธ
จึงต้องใช้เรือขนาดเล็ก 2 ลำชื่อ Fortuyn และ Hoop
แม้ว่า Federigo Giambelli จะรู้สึกเบื่อหน่าย
กับความตระหนี่(ขี้เหนียว)ของชาวดัตช์ในช่วงเวลาดังกล่าว
แต่ในเวลาเดียวกันนั้น
Federigo Giambelli  ก็ยังมุ่งมั่นตั้งใจ
ที่จะจัดแสดงพลังอาวุธเพลิง/ไฟนรก
แม้ว่าจะได้รับทรัพยากรอย่างจำกัด



สะพานทุ่นลอยน้ำเหนือแม่น้ำ Scheldt ถูกสร้างขึ้นเพื่อปิดล้อมช่วงสงครามชิงเมือง Antwerp


Federigo Giambelli ได้เปลี่ยนเรือทั้ง 2 ลำ
เป็นระเบิดเพลิงที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปในยุคนั้น
เท่าที่ไม่เคยมีใครเคยพบเห็นกันมาก่อนในเวลานั้น
ท่านเรียกมันว่า hellburners ไฟนรก
ภายในห้องบรรทุกสินค้าของเรือ
ท่านได้สร้าง  หอพักไฟ ที่มีขนาดความยาว 42 ฟุต กว้าง 16ฟุต
ก่อสร้างด้วยอิฐและปูน  มีผนังหนา 5 ฟุต
แล้วภายในบรรจุด้วยดินปืนคุณภาพสูงจำนวน 3 ตัน
จากนั้นปิดผนึกด้านบนที่เหมือนหลังคา
จากหินป้ายหลุมศพเก่าที่ถูกผนึกด้วยตะกั่ว
บริเวณด้านบนของหอพักไฟ และในพื้นที่ว่างรอบ ๆ
จะเต็มไปด้วยเศษหิน เศษเหล็ก และสิ่งมีคมอื่น ๆ
เพื่อทำหน้าที่เป็นกระสุนสังหาร
ข้าวของทั้งหมดนี้จะวางไว้บนดาดฟ้า
แล้วพรางด้วยไม้ธรรมดาเพื่อให้เรือดูเหมือนเรือสินค้าทั่วไป

บนเรือ Fortuyn มีการใช้งานชนวนจุดระเบิดถ่วงเวลา
สายชนวนจะเผาไหม้อย่างช้า ๆ และต่อเนื่อง
เพื่อให้จุดระเบิดขึ้นหลังจากถึงระยะเวลาที่กำหนดไว้แล้ว

ส่วนบนเรือ Hoop มีเครื่องมือจุดระเบิดที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้น
จัดว่าเป็นเทคโนโลยีที่มหัศจรรย์มากทีเดียว
Federigo  Giambelli ได้ขอให้ช่างนาฬิกา Antwerp
สร้างนาฬิกาจับเวลาแบบเชิงกล
(ขับเคลื่อนด้วยเฟืองและลานนาฬิกา)
ผนวกเข้ากับไกปืนคาบศิลาที่ใช้โจมตี
โดยจะทำการยิงและจุดดินปืนที่บรรจุไว้
ในเวลาที่กำหนดได้อย่างแม่นยำ
และนี่คือระเบิดเวลาครั้งแรกในโลก


เรือไฟนรกโจมตี Antwerp ในปี 1585 ช่วงระหว่างการรุกรานนครรัฐแห่งนี้

Federigo Giambelli มีแผนยุทธวิธีการรบ
ด้วยการส่งเรือไฟจำนวน 30 ลำเรือล่วงหน้าไปก่อนทีละลำ
เพื่อเบี่ยงแบนความสนใจจากกองทัพเรือสเปญ
แล้วค่อยให้เรือ Fortuyn และ Hoop แล่นตามไปจนใกล้กับสะพาน

แต่ในคืนวันที่ทำการโจมตีวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1585
ผู้บัญชาการกองทัพเรือที่รับผิดชอบการรบ
เกิดความสับสนกับยุทธวิธีการรบของ Federigo Giambelli
โดยได้ส่งเรือไฟทุกลำแล่นออกไปพร้อม ๆ กัน
ตามด้วยเรือไฟนรก 2 ลำ Fortuyn และ Hoop

เรือไฟนรก Fortuyn แล่นเลียบริมฝั่งแม่น้ำก่อนถึงสะพาน
ก่อนที่จะระเบิดขึ้นมาตามชนวนจุดระเบิดที่ถ่วงเวลาไว้
แต่ก็สร้างความเสียหายเพียงเล็กน้อยกับกองทัพเรือสเปญ
เรือไฟนรก Hoop แล่นตรงไปที่สะพาน แล้วกระแทกอย่างรุนแรง
เมื่อระเบิดเวลาที่ตั้งไว้เริ่มทำงานแล้ว
เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงและน่ากลัวในตอนกลางคืนนั้น
ทำให้ทหารสเปญจำนวนกว่า 800 คนเสียชีวิตทันที

โครงสร้างสะพานส่วนใหญ่ปลิวหายไปด้วยแรงระเบิด
พร้อมกับในเวลาต่อมา  ระเบิดได้ทำลายป้ายหลุมศพเก่า
ก่อให้เกิดเศษหิน ผนวกกับเศษเหล็ก สิ่งมีคมอื่น ๆ 
แตกกระจายปลิวว่อนนับล้านชิ้นขึ้นไปบนท้องฟ้า
แล้วปลิวว่อนหล่นลงมาจากฟากฟ้าตามหลังอีกครั้ง
ทำให้บ้านเรือนจำนวนหลายหลัง
ที่อยู่ห่างออกไปหลายไมล์ได้รับภัยร้าย
จากเศษสะเก็ดระเบิดดังกล่าวในครั้งนี้ด้วย
และเสียงระเบิดดังไกลไปถึง 35 กิโลเมตร
ทำให้ผู้คนตกใจตื่นขึ้นมาในคืนวันนั้น

ระเบิดครั้งนี้จัดว่าเป็นระเบิดเวลา
ที่มีอานุภาพระเบิดครั้งใหญ่ที่สุด
ที่คนเราเคยสร้างขึ้นมาครั้งแรกในโลก

Federigo Giambelli หลังจากรับจ้างดัชต์
ต่อมาได้ย้ายไปอยู่ที่อังกฤษ
เพื่อสร้างสิ่งต่าง ๆ ให้ราชสำนักอังกฤษ
เช่น ป้อมปราการ  หัวดับเพลิงในเมือง
การออกแบบวงเวียน/ผังเมือง 
การสำรวจออกแบบป้อมปราการ Plymouth Hoe
และเสียชีวิตที่อังกฤษในเวลาต่อมา


หนึ่งในป้อมปราการ/หอรบ ของ Giambelli ที่ Carisbrook Castle สร้างช่วง 1597 - 1600

การใช้ระเบิดเวลาหลังจากนั้นก็ว่างเว้นหายไป
มีการนำมาใช้อีกครั้งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
เมื่อวิศวกรอังกฤษได้ใช้ระเบิดมากกว่า 450,000 กิโลกรัม
เพื่อทำลายแนวตั้งรับ/สนามเพลาะของกองทัพเยอรมันนี

นักประวัติศาสตร์การทหาร Robert L. O'Connell
เรียกไฟนรกว่า อาวุธทำลายล้างครั้งแรกของโลก

แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในการโจมตีด้วยไฟนรก
แต่ชาวดัตช์ไม่สามารถติดตามโจมตีกองทัพสเปญซ้ำได้อีก
ทำให้กองทัพเรือชาวสเปญสามารถฟื้นฟูขึ้นมาใหม่
และสร้างสิ่งกีดขวางที่ทำจากไม้ได้อีกครั้ง
ทำให้อีก 4 เดือนต่อมา 
Antwerp ถูกบังคับให้ยอมจำนน/ยอมแพ้

เรียบเรียง/ที่มา

http://bit.ly/2YF6Qhy
http://bit.ly/2XsGFt3




ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
เมื่อวิศวกรอังกฤษได้ใช้ระเบิดมากกว่า 450,000 กิโลกรัม
เพื่อทำลายแนวตั้งรับ/สนามเพลาะของกองทัพเยอรมันนี
มีการจุดระเบิดหลายลูกมาก
การระเบิดครั้งสำคัญจุดระเบิดจากอุโมงค์ใต้ดิน
ระเบิดขนาด 24,000 กิโลกรัมชุดหนึ่ง
และอีกชุดหนึ่งขนาด 32,000 กิโลกรัมที่แถว Caterpillar
โดยมีระเบิดชุดหนึ่งฝังอยู่ในอุโมงค์ใต้ดิน
ที่ทหารอังกฤษขุดเจาะไว้ลึก 27 เมตรจากระดับพื้นดิน
ระเบิดทั้งสองลูกทำลายพื้นที่ส่วนใหญ่ของภูเขา
และทำให้ทหารเยอรมันนีตายและสูญหายมากว่า 10,000 คน

ทั้งยังมีการฝังระเบิดขนาด 41,000 กิโลกรัมอีกลูกหนึ่ง
เมื่อจุดระเบิดขึ้นมาทหารอังกฤษจำนวนหนึ่ง
ที่อยู่ห่างจากจุดระเบิดหลายร้อยเมตรตายและบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง
แรงระเบิดได้สร้างปล่องภูเขาไฟขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
ประมาณ 75 เมตร (250 ฟุต) และลึก 12 เมตร (40 ฟุต)
ได้ชื่อว่า  ปล่องต้นไม้โดดเดี่ยว  หรือ สระน้ำสันติสุข

ทั้งนี้ยังมีการจุดระเบิดขนาด 39,400 กิโลกรัม
และระเบิดขนาด  41,000 กิโลกรัม
ที่ได้สร้างปล่องภูเขาไฟอีกจำนวน 2 ปล่อง
และตามด้วยระเบิดอีกหลายลูกในเวลาต่อมา
ที่สร้างปล่องภูเขาไฟขนาดย่อมตามภาพตัดขวาง

สรุป/ย่อที่มา   http://bit.ly/2XsNVFs

1.
Graphics by BBC
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่