[รีวิวที่ 271] Spider-Man: Far from Home
:แทบจะไร้ที่ติ เป็นหนังเดี่ยวที่มาร์เวลทำได้สนุกซะที
คะแนน: 9/10
by ตั๋วหนังมันแพง
.
.
1.เอาตรงๆ นะ ถ้าถอดหัวโขนความเป็นหนังฮีโร่ออกไป สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือ “หนังรอม-คอม” ที่บอกเล่าถึงชีวิตรักกุ๊กกิ๊กของเด็กผู้ชายที่แอบชอบเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งมันเป็นการดำเนินเรื่องที่น่ารักมากก
… และจุดนี้แหละ ที่ทำให้ผมทึ่ง
2.เพราะอะไร? เพราะในความเป็นหนังรอมคอมที่ครบรสชาติแบบนี้ มันก็เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่สนุกและครบถ้วนด้วย
และเนื้อหาแน่นๆ ที่ว่ามาทั้งหมดสามารถเล่าได้เนียนกริบภายในสองชั่วโมง! ฝีมือล้วนๆ เลยนะแบบนี้
3.มันเปี่ยมไปด้วยความบันเทิงเพียวๆ เลย มีทั้งความตลกโปกฮาในฉบับมาร์เวล มีทั้งความลุ้นระทึกของคิวแอ็กชั่น และงานภาพที่ดูผาดโผนถึงใจ
-- คือในบรรดาหนังเดี่ยวยุคหลังๆ ของมาร์เวลเนี่ย ต้องยอมรับว่ามันแผ่วไปซะเยอะ แต่กับหนังเรื่องนี้ผมกล้าพูดได้เลยว่า “สนุกมากๆ อยากดูอีก”
4.ถ้ามันชัดขนาดนี้ก็คงไม่ต้องพูดแล้วล่ะว่ามันเป็นหนัง coming-of-age, แต่ส่วนที่ผมรู้สึกว่ามันพิเศษก็คือ “สไปเดอร์แมนดูจับต้องได้มากกว่าเดิม”
จากเดิมที่ปีเตอร์เป็นฮีโร่ที่ดูติดดินมากๆ แล้ว มาในภาคนี้ก็ยิ่งแบกะดินเข้าไปใหญ่ อันนี้ต้องยกเครดิตให้ “ทอม ฮอลแลนด์” ที่สื่อภาพความเปราะบางของตัวละครออกมาได้อย่างไร้ที่ติ ผ่านทางแววตา น้ำเสียง ภาษากาย ทุกอย่าง right on point หมด
5.ผมคิดว่า Marvel ตัดสินใจเลือก “คู่มวย” ให้สไปเดอร์แมนได้อย่างชาญฉลาดมาตลอด คือต้องยอมรับว่าพลังของสไปเดอร์แมนมันค่อนข้างจืดจิ๋วถ้าเทียบกับฮีโร่รุ่นพี่ ดังนั้นการออกแบบตัวร้ายให้ดู “พอเอาชนะได้” มันจึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายมาก และหนังก็ทำได้ สมน้ำสมเนื้อสุดๆ มันส์มาก
6.ในส่วนของการเซอไพรส์สับขาหลอกก็ยังร้ายเหมือนเดิม หนังสามารถดิ้นไปมาเพื่อหลอกคนดูอย่างเราได้แนบเนียน อะไรที่เคยเดาไว้ กลับตาลปัตรหมด คาดเดาไม่ได้เลย
7.ขอหักคะแนนตรงจุดเดียว คือ “ตัวร้ายไม่น่าสนใจ” คือดีไซน์ตัวละครและแรงจูงใจดูลวกๆ ไปหน่อย ไม่มีมิติให้เรารู้สึกผูกพันได้เลย โดยเฉพาะ “ฉากต่อสู้ในไซต์ก่อสร้าง” ที่ผมคิดว่าโคตรน่าเบื่อเลย ไม่แน่ใจว่าในสายตาผู้สร้างเขามองเห็นอะไรในภาพนี้ แต่ผมคิดว่ามันยังไม่ใช่อารมณ์ที่เราอยากเห็นเท่าไร
.
.
ถ้าไม่นับจุดบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ Spider-Man: Far from Home ก็เป็นหนังเบาสมองเรื่องหนึ่งที่สนุกมากๆ มีรายละเอียดยิบย่อยมากมายเป็นรางวัลให้คนช่างสังเกต และเข้าถึงอารมณ์ของดูได้จับใจ เชื่อว่าทุกคนคงไม่ผิดหวังครับ
ป.ล.เอนด์เครดิตอันแรกไม่เข้าท่าเลย เป๋มาก
#ตั๋วหนังมันแพง #Review #SpiderMan #FarFromHome
[รีวิวที่ 271] Spider-Man: Far from Home: แทบจะไร้ที่ติ เป็นหนังเดี่ยวที่มาร์เวลทำได้สนุกซะที by ตั๋วหนังมันแพง
:แทบจะไร้ที่ติ เป็นหนังเดี่ยวที่มาร์เวลทำได้สนุกซะที
.
และเนื้อหาแน่นๆ ที่ว่ามาทั้งหมดสามารถเล่าได้เนียนกริบภายในสองชั่วโมง! ฝีมือล้วนๆ เลยนะแบบนี้
3.มันเปี่ยมไปด้วยความบันเทิงเพียวๆ เลย มีทั้งความตลกโปกฮาในฉบับมาร์เวล มีทั้งความลุ้นระทึกของคิวแอ็กชั่น และงานภาพที่ดูผาดโผนถึงใจ
-- คือในบรรดาหนังเดี่ยวยุคหลังๆ ของมาร์เวลเนี่ย ต้องยอมรับว่ามันแผ่วไปซะเยอะ แต่กับหนังเรื่องนี้ผมกล้าพูดได้เลยว่า “สนุกมากๆ อยากดูอีก”
4.ถ้ามันชัดขนาดนี้ก็คงไม่ต้องพูดแล้วล่ะว่ามันเป็นหนัง coming-of-age, แต่ส่วนที่ผมรู้สึกว่ามันพิเศษก็คือ “สไปเดอร์แมนดูจับต้องได้มากกว่าเดิม”
จากเดิมที่ปีเตอร์เป็นฮีโร่ที่ดูติดดินมากๆ แล้ว มาในภาคนี้ก็ยิ่งแบกะดินเข้าไปใหญ่ อันนี้ต้องยกเครดิตให้ “ทอม ฮอลแลนด์” ที่สื่อภาพความเปราะบางของตัวละครออกมาได้อย่างไร้ที่ติ ผ่านทางแววตา น้ำเสียง ภาษากาย ทุกอย่าง right on point หมด
5.ผมคิดว่า Marvel ตัดสินใจเลือก “คู่มวย” ให้สไปเดอร์แมนได้อย่างชาญฉลาดมาตลอด คือต้องยอมรับว่าพลังของสไปเดอร์แมนมันค่อนข้างจืดจิ๋วถ้าเทียบกับฮีโร่รุ่นพี่ ดังนั้นการออกแบบตัวร้ายให้ดู “พอเอาชนะได้” มันจึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายมาก และหนังก็ทำได้ สมน้ำสมเนื้อสุดๆ มันส์มาก
6.ในส่วนของการเซอไพรส์สับขาหลอกก็ยังร้ายเหมือนเดิม หนังสามารถดิ้นไปมาเพื่อหลอกคนดูอย่างเราได้แนบเนียน อะไรที่เคยเดาไว้ กลับตาลปัตรหมด คาดเดาไม่ได้เลย
7.ขอหักคะแนนตรงจุดเดียว คือ “ตัวร้ายไม่น่าสนใจ” คือดีไซน์ตัวละครและแรงจูงใจดูลวกๆ ไปหน่อย ไม่มีมิติให้เรารู้สึกผูกพันได้เลย โดยเฉพาะ “ฉากต่อสู้ในไซต์ก่อสร้าง” ที่ผมคิดว่าโคตรน่าเบื่อเลย ไม่แน่ใจว่าในสายตาผู้สร้างเขามองเห็นอะไรในภาพนี้ แต่ผมคิดว่ามันยังไม่ใช่อารมณ์ที่เราอยากเห็นเท่าไร
.
.
ถ้าไม่นับจุดบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ Spider-Man: Far from Home ก็เป็นหนังเบาสมองเรื่องหนึ่งที่สนุกมากๆ มีรายละเอียดยิบย่อยมากมายเป็นรางวัลให้คนช่างสังเกต และเข้าถึงอารมณ์ของดูได้จับใจ เชื่อว่าทุกคนคงไม่ผิดหวังครับ
ป.ล.เอนด์เครดิตอันแรกไม่เข้าท่าเลย เป๋มาก