ระบบเศรษฐกิจแบบ sharing Economy
เป็นแนวโน้มของโลก ที่ประชากรรายย่อย
สามารถเอาทรัพย์สินของตนเอง
ออกมาแบ่งปันใช่ร่วมกับคนในสังคม
ทำให้เกิดประสิทธฺภาพในการใช้ทรัพยากรของชาติ
ทำให้ เปิดโอกาสให้ผู้คน สร้างรายได้จากทรัพย์สินที่มี
อาทิเช่น
Air-bnb ทำให้เจ้าของบ้าน
สามารถสร้างรายได้เหมือนโรงแรม
Grab, Uber ทำให้เจ้าของรถยนต์ ส่วนบุคคล
สามารถสร้างรายได้เหมือนเจ้าของอู่รถแท๊กซี่
มันทำให้มนุษย์ สามารถใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
อย่างมีประโยชน์สูงสุด ไม่เปลืองสิ่งแวดล้อมโลก
มนุษย์ไม่ต้องสร้างรถยนต์มากมาย
มนุษย์ไม่ต้องสรา้งโรงแรมมากมาย
เพราะเราสามารถ แชร์ใช้ร่วมกัน
ด้วย Platform ในโปรแกรม แอปมือถือ
กฏหมายปัจจุบัน ชัดเจนว่า สิ่งเหล่านี้ห้ามทำ
แต่ยังมีการฝ่าฝืน และหละหลวมในการจับกุมดำเนินคดี
ผู้ฝ่าฝืนกฏหมาย จะมีต้นทุนธุรกิจ ต่ำกว่าผู้เคารพกฏหมาย
ดูเผินๆ เราอาจคิดว่าความไม่ยุติธรรมแบบนี้
จะส่งผลกระทบไม่มาก
จะส่งผลกระทบแค่ คนขับแท๊กซี่ โดนแย่ง ผดส.
จะส่งผลกระทบแค่ โรงแรม โดนแย่งแขกที่พัก
ฯลฯ
แต่แท้จริงแล้ว
การบังคับใช้กฏหมายที่สองมาตรฐาน
การปล่อยให้มีผู้ฝ่าฝืน กม. ในสังคม
แข่งธุรกิจกับผู้ที่เคารพ กม.ในสังคม
มันส่งผลกระทบถึงระบบ นวตกรรมของชาติ
มันคือ ระบบนิเวศน์ (Eco-system) ที่ให้คนเลวกินคนดี
ซึ่งเป็น ประเด็นสำคัญ
ที่กำหนดชะตาชีวิตของบ้านเมือง
ที่กำหนดชะตาชีวิตของลูกหลาน
ลองสมมุติว่า
ถ้าท่านคือ นักศึกษา โปรแกรมคอมพิวเตอร์
จบใหม่ไฟแรง มีไอเดีย สรา้งแอป ใหม่ๆ
แข่งกับ อูเบอร์ แกรป แอรบีเอ็นบี
ที่ช่วยแชร์ทรัพยากรของโลก
ท่านจะไม่สามารถสรา้งธุรกิจแบบนี้ขึ้นได้ ใน ปทท.
เพราะกฏหมายยังไม่อนุญาติให้ทำ
แต่ ในขณะเดียวกัน
เจ้าของธุรกิจแอปแบบนี้ในสิงค์โปร์
บุกตลาด ลูกค้าคนไทย ผ่านระบบโทรคมนาคม
เข้าถึงหน้าบ้านท่าน
จนพวกนั้นแข็งแกร่ง ครอบตลาด blue ocean จนหมด
ถ้ามีคนแบบ บิลเกต เกิดขึ้น เขาจะรอดไหม
ในสังคมที่สองมาตรฐาน ในการทำมาหากิน
ปล่อยให้คนฝ่าฝืน กม. enjoy ตลาดมืด
ปล่อยให้ start up ทำอะไรไม่ได้
เพราะกฏหมายยังไม่แก้ไขให้แฟร์
หรือ บังคับใช้ไม่ทั่วถึง
การบังคับใช้กฏหมาย ที่ไม่เท่าเทียมกัน
ทำให้คนที่ ดีๆ เสียเปรียบคนที่มีเส้นสาย
กำลังขยายผลกระทบไปทุกวงการ
ไม่กระทบ เฉพาะคนขับรถ TAXI
แต่รวมถึง นักคอมพิวเตอร์เด็กรุ่นใหม่ของเรา
ที่ถูกมัดมือชก แข่งกับเด็กสิงค์โปร์ เด็กเวียดนาม
ที่เขา ส่งบริการผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนตมายังเรา
นี่คือปัจจัย ที่กำหนดชะตาชีวิตของบ้านเมือง
ในทศวรรษหน้า
การบังคับใช้กฏหมาย ที่ไม่เท่าเทียมกัน ทำให้คนที่ ดีๆ เสียเปรียบคนที่มีเส้นสาย ภาคสอง
เป็นแนวโน้มของโลก ที่ประชากรรายย่อย
สามารถเอาทรัพย์สินของตนเอง
ออกมาแบ่งปันใช่ร่วมกับคนในสังคม
ทำให้เกิดประสิทธฺภาพในการใช้ทรัพยากรของชาติ
ทำให้ เปิดโอกาสให้ผู้คน สร้างรายได้จากทรัพย์สินที่มี
อาทิเช่น
Air-bnb ทำให้เจ้าของบ้าน
สามารถสร้างรายได้เหมือนโรงแรม
Grab, Uber ทำให้เจ้าของรถยนต์ ส่วนบุคคล
สามารถสร้างรายได้เหมือนเจ้าของอู่รถแท๊กซี่
มันทำให้มนุษย์ สามารถใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
อย่างมีประโยชน์สูงสุด ไม่เปลืองสิ่งแวดล้อมโลก
มนุษย์ไม่ต้องสร้างรถยนต์มากมาย
มนุษย์ไม่ต้องสรา้งโรงแรมมากมาย
เพราะเราสามารถ แชร์ใช้ร่วมกัน
ด้วย Platform ในโปรแกรม แอปมือถือ
กฏหมายปัจจุบัน ชัดเจนว่า สิ่งเหล่านี้ห้ามทำ
แต่ยังมีการฝ่าฝืน และหละหลวมในการจับกุมดำเนินคดี
ผู้ฝ่าฝืนกฏหมาย จะมีต้นทุนธุรกิจ ต่ำกว่าผู้เคารพกฏหมาย
ดูเผินๆ เราอาจคิดว่าความไม่ยุติธรรมแบบนี้
จะส่งผลกระทบไม่มาก
จะส่งผลกระทบแค่ คนขับแท๊กซี่ โดนแย่ง ผดส.
จะส่งผลกระทบแค่ โรงแรม โดนแย่งแขกที่พัก
ฯลฯ
แต่แท้จริงแล้ว
การบังคับใช้กฏหมายที่สองมาตรฐาน
การปล่อยให้มีผู้ฝ่าฝืน กม. ในสังคม
แข่งธุรกิจกับผู้ที่เคารพ กม.ในสังคม
มันส่งผลกระทบถึงระบบ นวตกรรมของชาติ
มันคือ ระบบนิเวศน์ (Eco-system) ที่ให้คนเลวกินคนดี
ซึ่งเป็น ประเด็นสำคัญ
ที่กำหนดชะตาชีวิตของบ้านเมือง
ที่กำหนดชะตาชีวิตของลูกหลาน
ลองสมมุติว่า
ถ้าท่านคือ นักศึกษา โปรแกรมคอมพิวเตอร์
จบใหม่ไฟแรง มีไอเดีย สรา้งแอป ใหม่ๆ
แข่งกับ อูเบอร์ แกรป แอรบีเอ็นบี
ที่ช่วยแชร์ทรัพยากรของโลก
ท่านจะไม่สามารถสรา้งธุรกิจแบบนี้ขึ้นได้ ใน ปทท.
เพราะกฏหมายยังไม่อนุญาติให้ทำ
แต่ ในขณะเดียวกัน
เจ้าของธุรกิจแอปแบบนี้ในสิงค์โปร์
บุกตลาด ลูกค้าคนไทย ผ่านระบบโทรคมนาคม
เข้าถึงหน้าบ้านท่าน
จนพวกนั้นแข็งแกร่ง ครอบตลาด blue ocean จนหมด
ถ้ามีคนแบบ บิลเกต เกิดขึ้น เขาจะรอดไหม
ในสังคมที่สองมาตรฐาน ในการทำมาหากิน
ปล่อยให้คนฝ่าฝืน กม. enjoy ตลาดมืด
ปล่อยให้ start up ทำอะไรไม่ได้
เพราะกฏหมายยังไม่แก้ไขให้แฟร์
หรือ บังคับใช้ไม่ทั่วถึง
การบังคับใช้กฏหมาย ที่ไม่เท่าเทียมกัน
ทำให้คนที่ ดีๆ เสียเปรียบคนที่มีเส้นสาย
กำลังขยายผลกระทบไปทุกวงการ
ไม่กระทบ เฉพาะคนขับรถ TAXI
แต่รวมถึง นักคอมพิวเตอร์เด็กรุ่นใหม่ของเรา
ที่ถูกมัดมือชก แข่งกับเด็กสิงค์โปร์ เด็กเวียดนาม
ที่เขา ส่งบริการผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนตมายังเรา
นี่คือปัจจัย ที่กำหนดชะตาชีวิตของบ้านเมือง
ในทศวรรษหน้า