หลังจากพ่อแม่บุญธรรมของผมเลิกกัน ผมอยู่กับพ่อ และน้อสาวคนเล็ก ความรู้สึกของผมชินชาไปแล้วกับเรื่องแบบนี้ ผมยังคงใช้ชีวิตปกติอยู่ที่บ้านพักครูหลังเดิม แต่ก็มีเหตุการณ์หนึ่งที่มากระแทกหัวใจดวงเล็กๆของผมให้รู้สึกเจ็บอีกครั้งปู่ก็คือพ่อของพ่อบุญธรรมผมมาหาที่บ้าน แต่พ่อไม่อยู่ ท่านมาเจอกับผมพอดี ผมก็ยกมือไหว้ปู่ตามปกติแต่ปู่กลับพูดกับผมว่า “พ่อแม่เอ็งเขาเลิกกันแล้ว เอ็งยังมาอยู่ทำไมที่นี่อีกออกไปอยู่ที่อื่นได้แล้ว ไม่ได้เป็นญาติเป็นอะไรกันแล้ว” ผมยืนก้มหน้าตกใจกับคำพูดของปู่แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไร พ่อกลับมาพอดี ผมจึงขอตัวเดินออกไปข้างนอกบ้าน รอปู่กลับไปก่อน ผมถึงกลับเข้ามาบ้าน ครั้งนี้ผมไม่ร้องไห้เลย ผมรู้สึกชินชากับคำพูดผู้ใหญ่ผมรู้ว่าปู่กับย่าไม่พอใจแม่บุญธรรม และก็พาลมาลงที่ผม แต่ผมรู้ว่าพ่อบุญธรรมยังหวังดีต่อผม ผมจำที่พ่อกอดแล้วพูดกับผมทั้งน้ำตาได้เสมอว่า “อยู่กับพ่อ พ่อจะดูแลลูกเอง” สมองผมสั่งให้จำว่าผมจะฟังพ่อของผมคนเดียว ผมจะไม่ทำให้พ่อเสียใจ ถ้าพ่อยังต้องการให้ผมอยู่ผมก็จะอยู่ข้างพ่อเสมอ ถ้าพ่อไล่ผมเมื่อไหร่ผมก็จะไป
หลังจากนั้นผมก็มุ่งมั่นที่จะทำชีวิตผมให้ดีขึ้นผมซ้อมบอลได้เต็มที่ ผมไม่ต้องไปช่วยแม่ขายของแล้วผมแค่รับผิดชอบงานบ้านเล็กน้อยให้พ่อกับน้องตามปกติ ผมมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้นได้นอนเต็มอิ่ม ได้ตื่นสายๆในวันหยุดได้ ผมคิดว่าบางทีชีวิตผมก็อาจเหมาะกับการมีชีวิตที่ไม่มีแม่ก็ได้ พ่อค่อนข้างจะให้อิสระในการใช้ชีวิตของผม ขอแค่อย่าไปทำอะไรให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อนก็พอ ผมได้เลื่อนมาเล่นฟุตบอลโรงเรียนรุ่นอายุ 14 ปี ตอนนี้ผมอยู่ม.3 ครูผู้ควบคุมทีมตั้งให้ผมเป็นกัปตันทีมฟุตบอลโรงเรียนผมเล่นในตำแหน่งกองหน้า ผมพาทีมได้เหรียญทองในการแข่งขันกีฬาสีประจำปีของโรงเรียน ผมยิงประตูเยอะมากจนครูให้เงินรางวัล ผมเริ่มมีชื่อเสียงในโรงเรียนทั้งครูและนักเรียนตั้งแต่ม.1-ม.6 เริ่มรู้จักผมมากขึ้น ผมยังได้นำทีมไปแข่งชิงแชมป์จังหวัดกับโรงเรียนอื่นชนะบ้างแพ้บ้าง ผมไม่เคยได้แชมป์จังหวัดในรุ่นนี้ แต่ทำให้โค้ชทีมจังหวัดรู้จักผมและชักชวนผมขอผมกับพ่อให้ผมย้ายไปเล่นให้โรงเรียนที่โค้ชสอน และจะให้เรียนฟรีด้วย แต่พ่อผมไม่อยากให้ไปผมจึงอยู่ที่โรงเรียนเดิม
ผมจะสนิทกับเพื่อนห้องที่เกเรหน่อยเพราะพวกนั้นชอบมาเตะบอลกับผมตอนเย็นหลังเลิกเรียนชีวิตผมหลังเลิกเรียนส่วนใหญ่จะอยู่ที่สนามฟุตบอลโรงเรียนส่วนเพื่อนห้องเดียวกับผมคือห้องเด็กเรียนหลังเลิกเรียนจะชอบไปหาอะไรกินกันแล้วชอบชวนกันไปเล่นเกมส์ที่ร้านในตลาด ผมจะไปบ้างบางครั้งที่ผมไม่ได้ซ้อมฟุตบอล แต่ผมไม่ค่อยเล่นเกมส์มานานมากแล้ว
มีเหตุการณ์หนึ่งที่อยากจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับยาเสพติดที่ผมมีโอกาสเขาไปใกล้มันมากและมีโอกาสเสี่ยงที่จะเสพ แต่ผมผ่านมาได้ยังไง ช่วงนั้นจะมีเพื่อนคนหนึ่งอยู่คนละห้องเรียนกับผมห้องท้ายๆในระดับชั้น เขามีปัญหาครอบครัวเหมือนกับผม พ่อให้มาอยู่ด้วยที่บ้าน นอนห้องเดียวกับผม เขาเป็นเพื่อนที่ดีมาก คอยช่วยงานบ้านผมด้วย ผมก็หายเหงาไปด้วย แต่เขาก็ทำให้ผมรู้สึกลำบากใจเหมือนกัน เมื่อมารู้ว่าเขาเสพยาม้าหรือยาบ้าสมัยนี้ เขาจะชอบแอบเสพยาในห้องนอน ผมรู้มาตลอดแต่ผมไม่กล้าบอกพ่อ ผมกลัวเขาจะถูกพ่อไล่ออกจากบ้าน เขาบอกผมว่า “อย่ามายุ่ง มาเสพนะ อยู่ให้ไกลๆไว้ เป็นเพื่อนรักกู และพ่อก็ดีกับกูมาก กูไม่อยากให้พ่อเสียใจ พ่อก็เป็นห่วงมากด้วย” บางครั้งเขาก็ชวนเพื่อนในโรงเรียนที่เรียนอยู่ในห้องเดียวกัน ซึ่งเพื่อนกลุ่มนี้จะสนิทกับผมด้วย มานั่งเสพยาในห้องนอนผม ตอนที่พ่อผมไม่อยู่บ้านผมนั่งอยู่ในห้องด้วย ดูพวกเขาเสพยาบ้ากัน ผมรู้วิธีหมด แต่ผมไม่เสพ พวกเขาก็ไม่บังคับให้ผมเสพ พวกเขาจะเตือนผมว่าอย่าเสพดีแล้ว ใจผมก็ไม่ต้องการลองอยู่แล้ว เพราะความเป็นนักกีฬาในตัวของผมเป็นเกราะปกป้องอย่างดี ผมจะรักษาร่างกายตัวเองมาก และผมรู้ว่ายาพวกนี้มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย มีแต่จะแย่ลง ผมเองก็ไม่อยากให้พ่อผิดหวังในตัวผม พ่อผมเป็นครูฝ่ายปกครองด้วย เป็นคนคอยดูแลความประพฤติของเด็กในโรงเรียน ผมพยายามบอกเพื่อนหลานครั้งให้เลิกเสพยา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเปลี่ยนใครสักคนได้จริงๆ บางครั้งเขาไม่มีเงินซื้อยาเขาจะรู้สึกทรมานมาก ผมก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ผมจำใจต้องขี่มอเตอร์ไซค์พาเขาไปซื้อยา เขายืมเงินผม แล้วบอกให้ผมขี่มอเตอร์ไซค์พาไป ให้ผมไปจอดรถรอหน้าปากซอยที่เป็นชุมชนแออัด แล้วเขาก็เดินเข้าไปคนเดียว สักครู่ก็เดินออกมา แล้วก็กลับไปเสพยาที่ห้องนอนผมเหมือนเดิม ผมไม่รู้ว่าเขาเริ่มเสพยาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมไม่กล้าถาม ไม่รู้ว่าเขาเจอกับอะไรมาบ้างก่อนจะมาเจอผม ซึ่งอาจจะหนักกว่าที่ผมเจอก็ได้ เราก็เด็กบ้านแตกเหมือนกัน ผมคิดว่าเขาคงไม่อยากเล่าเรื่องราวในอดีตที่มันทำให้เจ็บปวดให้ใครฟังบ่อยๆเหมือนที่ผมรู้สึก แต่ที่เขาเป็นในวันนี้เพราะใจเขาอาจจะไม่แกร่งพอที่จะสู้กับปัญหานั้นได้ จึงหันมาพึ่งยาเสพติด ผมคิดว่าเด็กทุกคนคงไม่อยากเสพยาหรอก ถ้าเขามีครอบครัวที่อบอุ่น หรือมีที่พึ่งทางใจที่ดีให้เขาสามารถปรึกษา ระบายความเหงา ความเศร้า ความเครียดได้ แล้วต้นเหตุจริงๆมันเกิดจากที่ไหนล่ะ เกิดจากเด็กเอง จากผู้ใหญ่ หรือสังคมรอบข้าง คงเถียงกันไม่จบ ผมก็พยายามจะฉุดเพื่อนออกจากยานรกนั้น ผมบอกเขาว่า “หยุดเถอะวะ กูไม่อยากให้ต้องตายเพราะยานี้นะเพื่อน” ช่วงหลังเขาเริ่มค่อยๆเลิกยา เขาเริ่มออกไปเล่นกีฬากับผมมากขึ้น เราอยู่ด้วยกันจนจบม.3 จากนั้นเขาก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น หลังจากนั้นผมก็ติดต่อเขาไม่ได้อีกเลย
ท้ายที่สุดแล้วสิ่งสำคัญที่สุดของชีวิตคนเรา ผมคิดว่าควรใช้ชีวิตด้วยสติ คิดก่อนที่จะทำอะไรลงไป ใช้สติยั้งคิดว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ ไม่มีใครเปลี่ยนใจใครได้นอกจากตัวเราเอง เพราะอนาคตของเราที่มันจะเกิดขึ้นต่อไปล้วนมาจากการกระทำของเราในเวลาที่ผ่านมาแล้วทั้งนั้น นั่นคืออดีตที่เราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้อีก ที่ผมไม่เสพยากับเพื่อนเพราะผมใช้ชีวิตด้วยสติยยั้งคิดเสมอ เราไม่ได้เกิดมาเพื่อตัวเราเท่านั้น แต่เราเกิดมาเพื่อคนที่เรารู้จักและคนที่เราไม่รู้จักมาก่อนด้วย ที่เขาอาจจะผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา เพื่อขอให้เราช่วยเหลือก็เป็นได้ สมองเราต้องอยู่อย่างมีเหตุผล หัวใจเราต้องแข็งแรง ถึงจะอยู่รอดบนโลกใบนี้ได้ (โปรดติดตามตอนต่อไป)
ใกล้จันทร์
รอแสงตะวันส่องมาที่ฉัน EP 15 "อยู่ด้วยสติ สู้ด้วยหัวใจ"
หลังจากนั้นผมก็มุ่งมั่นที่จะทำชีวิตผมให้ดีขึ้นผมซ้อมบอลได้เต็มที่ ผมไม่ต้องไปช่วยแม่ขายของแล้วผมแค่รับผิดชอบงานบ้านเล็กน้อยให้พ่อกับน้องตามปกติ ผมมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้นได้นอนเต็มอิ่ม ได้ตื่นสายๆในวันหยุดได้ ผมคิดว่าบางทีชีวิตผมก็อาจเหมาะกับการมีชีวิตที่ไม่มีแม่ก็ได้ พ่อค่อนข้างจะให้อิสระในการใช้ชีวิตของผม ขอแค่อย่าไปทำอะไรให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อนก็พอ ผมได้เลื่อนมาเล่นฟุตบอลโรงเรียนรุ่นอายุ 14 ปี ตอนนี้ผมอยู่ม.3 ครูผู้ควบคุมทีมตั้งให้ผมเป็นกัปตันทีมฟุตบอลโรงเรียนผมเล่นในตำแหน่งกองหน้า ผมพาทีมได้เหรียญทองในการแข่งขันกีฬาสีประจำปีของโรงเรียน ผมยิงประตูเยอะมากจนครูให้เงินรางวัล ผมเริ่มมีชื่อเสียงในโรงเรียนทั้งครูและนักเรียนตั้งแต่ม.1-ม.6 เริ่มรู้จักผมมากขึ้น ผมยังได้นำทีมไปแข่งชิงแชมป์จังหวัดกับโรงเรียนอื่นชนะบ้างแพ้บ้าง ผมไม่เคยได้แชมป์จังหวัดในรุ่นนี้ แต่ทำให้โค้ชทีมจังหวัดรู้จักผมและชักชวนผมขอผมกับพ่อให้ผมย้ายไปเล่นให้โรงเรียนที่โค้ชสอน และจะให้เรียนฟรีด้วย แต่พ่อผมไม่อยากให้ไปผมจึงอยู่ที่โรงเรียนเดิม
ผมจะสนิทกับเพื่อนห้องที่เกเรหน่อยเพราะพวกนั้นชอบมาเตะบอลกับผมตอนเย็นหลังเลิกเรียนชีวิตผมหลังเลิกเรียนส่วนใหญ่จะอยู่ที่สนามฟุตบอลโรงเรียนส่วนเพื่อนห้องเดียวกับผมคือห้องเด็กเรียนหลังเลิกเรียนจะชอบไปหาอะไรกินกันแล้วชอบชวนกันไปเล่นเกมส์ที่ร้านในตลาด ผมจะไปบ้างบางครั้งที่ผมไม่ได้ซ้อมฟุตบอล แต่ผมไม่ค่อยเล่นเกมส์มานานมากแล้ว
มีเหตุการณ์หนึ่งที่อยากจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับยาเสพติดที่ผมมีโอกาสเขาไปใกล้มันมากและมีโอกาสเสี่ยงที่จะเสพ แต่ผมผ่านมาได้ยังไง ช่วงนั้นจะมีเพื่อนคนหนึ่งอยู่คนละห้องเรียนกับผมห้องท้ายๆในระดับชั้น เขามีปัญหาครอบครัวเหมือนกับผม พ่อให้มาอยู่ด้วยที่บ้าน นอนห้องเดียวกับผม เขาเป็นเพื่อนที่ดีมาก คอยช่วยงานบ้านผมด้วย ผมก็หายเหงาไปด้วย แต่เขาก็ทำให้ผมรู้สึกลำบากใจเหมือนกัน เมื่อมารู้ว่าเขาเสพยาม้าหรือยาบ้าสมัยนี้ เขาจะชอบแอบเสพยาในห้องนอน ผมรู้มาตลอดแต่ผมไม่กล้าบอกพ่อ ผมกลัวเขาจะถูกพ่อไล่ออกจากบ้าน เขาบอกผมว่า “อย่ามายุ่ง มาเสพนะ อยู่ให้ไกลๆไว้ เป็นเพื่อนรักกู และพ่อก็ดีกับกูมาก กูไม่อยากให้พ่อเสียใจ พ่อก็เป็นห่วงมากด้วย” บางครั้งเขาก็ชวนเพื่อนในโรงเรียนที่เรียนอยู่ในห้องเดียวกัน ซึ่งเพื่อนกลุ่มนี้จะสนิทกับผมด้วย มานั่งเสพยาในห้องนอนผม ตอนที่พ่อผมไม่อยู่บ้านผมนั่งอยู่ในห้องด้วย ดูพวกเขาเสพยาบ้ากัน ผมรู้วิธีหมด แต่ผมไม่เสพ พวกเขาก็ไม่บังคับให้ผมเสพ พวกเขาจะเตือนผมว่าอย่าเสพดีแล้ว ใจผมก็ไม่ต้องการลองอยู่แล้ว เพราะความเป็นนักกีฬาในตัวของผมเป็นเกราะปกป้องอย่างดี ผมจะรักษาร่างกายตัวเองมาก และผมรู้ว่ายาพวกนี้มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย มีแต่จะแย่ลง ผมเองก็ไม่อยากให้พ่อผิดหวังในตัวผม พ่อผมเป็นครูฝ่ายปกครองด้วย เป็นคนคอยดูแลความประพฤติของเด็กในโรงเรียน ผมพยายามบอกเพื่อนหลานครั้งให้เลิกเสพยา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเปลี่ยนใครสักคนได้จริงๆ บางครั้งเขาไม่มีเงินซื้อยาเขาจะรู้สึกทรมานมาก ผมก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ผมจำใจต้องขี่มอเตอร์ไซค์พาเขาไปซื้อยา เขายืมเงินผม แล้วบอกให้ผมขี่มอเตอร์ไซค์พาไป ให้ผมไปจอดรถรอหน้าปากซอยที่เป็นชุมชนแออัด แล้วเขาก็เดินเข้าไปคนเดียว สักครู่ก็เดินออกมา แล้วก็กลับไปเสพยาที่ห้องนอนผมเหมือนเดิม ผมไม่รู้ว่าเขาเริ่มเสพยาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมไม่กล้าถาม ไม่รู้ว่าเขาเจอกับอะไรมาบ้างก่อนจะมาเจอผม ซึ่งอาจจะหนักกว่าที่ผมเจอก็ได้ เราก็เด็กบ้านแตกเหมือนกัน ผมคิดว่าเขาคงไม่อยากเล่าเรื่องราวในอดีตที่มันทำให้เจ็บปวดให้ใครฟังบ่อยๆเหมือนที่ผมรู้สึก แต่ที่เขาเป็นในวันนี้เพราะใจเขาอาจจะไม่แกร่งพอที่จะสู้กับปัญหานั้นได้ จึงหันมาพึ่งยาเสพติด ผมคิดว่าเด็กทุกคนคงไม่อยากเสพยาหรอก ถ้าเขามีครอบครัวที่อบอุ่น หรือมีที่พึ่งทางใจที่ดีให้เขาสามารถปรึกษา ระบายความเหงา ความเศร้า ความเครียดได้ แล้วต้นเหตุจริงๆมันเกิดจากที่ไหนล่ะ เกิดจากเด็กเอง จากผู้ใหญ่ หรือสังคมรอบข้าง คงเถียงกันไม่จบ ผมก็พยายามจะฉุดเพื่อนออกจากยานรกนั้น ผมบอกเขาว่า “หยุดเถอะวะ กูไม่อยากให้ต้องตายเพราะยานี้นะเพื่อน” ช่วงหลังเขาเริ่มค่อยๆเลิกยา เขาเริ่มออกไปเล่นกีฬากับผมมากขึ้น เราอยู่ด้วยกันจนจบม.3 จากนั้นเขาก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น หลังจากนั้นผมก็ติดต่อเขาไม่ได้อีกเลย
ท้ายที่สุดแล้วสิ่งสำคัญที่สุดของชีวิตคนเรา ผมคิดว่าควรใช้ชีวิตด้วยสติ คิดก่อนที่จะทำอะไรลงไป ใช้สติยั้งคิดว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ ไม่มีใครเปลี่ยนใจใครได้นอกจากตัวเราเอง เพราะอนาคตของเราที่มันจะเกิดขึ้นต่อไปล้วนมาจากการกระทำของเราในเวลาที่ผ่านมาแล้วทั้งนั้น นั่นคืออดีตที่เราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้อีก ที่ผมไม่เสพยากับเพื่อนเพราะผมใช้ชีวิตด้วยสติยยั้งคิดเสมอ เราไม่ได้เกิดมาเพื่อตัวเราเท่านั้น แต่เราเกิดมาเพื่อคนที่เรารู้จักและคนที่เราไม่รู้จักมาก่อนด้วย ที่เขาอาจจะผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา เพื่อขอให้เราช่วยเหลือก็เป็นได้ สมองเราต้องอยู่อย่างมีเหตุผล หัวใจเราต้องแข็งแรง ถึงจะอยู่รอดบนโลกใบนี้ได้ (โปรดติดตามตอนต่อไป)
ใกล้จันทร์