กลับมาอีกครั้งแล้วนะครับ หลังจากห่างหายไปนานแสนนานจริงๆครับ ด้วยภาระกิจมหาศาลจริงๆครับ พอดีเย็นนี้ พอมีเวลา เลยมานึกว่า เราอยากเล่าเรื่องอะไรดีเพื่อแบ่งปันให้อ่าน จริงๆเขียนเรื่องก่อนๆ กล่าวถึงแต่ส่วนอื่นในงานแต่งงาน คราวนี้ เพื่อความเสมอภาค มาคุยเรื่องใกล้ตัวผมมากที่สุดดีกว่าครับ ทีมรันคิวนั้นเอง......
ผมขอเขียนในมุมมองของผมนะครับ ไม่ขอพูดถึงทีมอื่นๆที่ทำงานประเภทเดียวกันอยู่ในปัจจุบัน บางท่านอาจจะเห็นด้วยกับผม แต่บางท่านอาจจะรู้สึกว่าไม่เห็นด้วย อันนี้ก็แล้วแต่ทัศนคติของแต่ละท่านเลยครับ ไม่ว่ากัน มาเริ่มกันเลยดีกว่า
ทีมรันคิว จำเป็นหรือไม่ในงานแต่งงานๆหนึ่ง ถ้าถามผมนะ ผมว่า มันมีทั้งความจำเป็นและไม่จำเป็น....5555 ...ถือว่าเป็นคำตอบได้ไหมครับ อย่าเพิ่งหัวเสียครับ มา..มาดูไปพร้อมๆกันครับ
ที่ผมว่า จำเป็นก็เพราะว่า ทีมรันคิว จะช่วยให้งานแต่งงานของคุณที่จัดขึ้น เป็นไปตามกำหนด ตามเวลาและสถานการณ์ครับ เพราะทีมรันคิว ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่า รันคิว ก็คือให้ทุกอย่างเป็นไปตามลำดับที่ถูกคิดและกลั่นกรองมาแล้วอย่างดีก่อนวันงานตามเอกสารที่เค้าถืออยู่ และทีมรันคิว ควรจะเป็นผู้ค่อยดูแลให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อยและสมบูรณ์ครับ บางท่านอาจจะแย้งผมว่า ให้เพื่อน ให้ญาติ ให้ลูกน้องหรือให้คนรู้จักจัดการก็ได้ อันนี้ผมก็ไม่เถียงครับ ถ้าเค้าเหล่านั้น พร้อมทำงานและพร้อมแก้ปัญหาตลอดเวลา ลองคิดดูนะครับ บางงานที่ผมไปทำมา ให้เพื่อนมาช่วยงาน ก่อนวันงาน เพื่อนก็ดูแข็งขันดีครับ น่าจะเอาอยู่ทุกอย่าง แต่พอมาถึงหน้างาน เพื่อนมาสายบ้าง แต่งหน้ายังไม่เสร็จบ้าง แต่งตัวยังไม่ทันบ้าง ติดเท้าบ้าง หิวข้าวบ้าง จนทุกปัญหาก็ต้องมาตกอยู่ที่บ่าวสาว กลายเป็นเรื่องที่ทำให้บ่าวสาวอาจจะถึงกับอารมณ์เสียได้นะครับ บางท่านอาจจะบอกว่า ญาติก็ดูแลได้ อันนี้ก็ไม่เถียงครับ แต่คุณต้องมั่นใจนะว่าเค้าทำได้แน่นอน เพราะความเป็นญาติ เป็นพี่เป็นน้อง พอเกิดเรื่องขึ้นกลายเป็นพูดกันไม่ได้ ว่ากันไม่ออก เพราะเป็นญาติ เป็นพี่ เป็นน้อง เราขอให้เค้ามาช่วย เวลาเกิดปัญหาก็เหมือนน้ำท่วมปากครับ แต่ถ้าเค้าเหล่านั้น พร้อมทำงานให้คุณแบบใจเกินร้อย ให้เค้าช่วยทำได้เลยครับ ไม่ต้องจ้างให้เสียเงิน
อีกประเด็นนึงที่ผมมักจะเจออยู่บ่อยๆ คือพิธีกรที่พร้อมเป็นแม่งานสั่งการทุกเรื่องด้วยตนเอง ผมเคารพในความสามารถเค้ามากๆครับที่สามารถทำสองบทบาทไปพร้อมๆกัน ลองคิดดูนะครับว่า พิธีกรจะสั่งการต่างๆผ่านไมโครโฟน ให้แขกได้ยินโดยทั่วถึงกัน ผมว่ามันไม่น่าจะดูดีสักเท่าไหร่นะครับ มีบ่าวสาวบางคู่ เคยทาบทามให้ผมไปทำพิธีกร ผมมักจะนำเสนอว่าแยกบทบาทหน้าที่กันดีกว่าครับ อันนี้ผมก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยนะครับ ผมมักจะบอกบ่าวสาวเสมอว่า ให้ผมทำหน้าที่หัวหน้าทีมรันคิว สั่งการ เตรียมการทุกอย่างให้คุณจะดีกว่าไหม เพราะถ้าผมถือไมโครโฟนอยู่บนเวที เวลาผมนึกเตรียมการอะไรสักอย่าง มันยากมากครับที่จะสั่งการ อันนี้เคยเกิดขึ้นแล้วเลยการันตีได้ครับว่ามันเป็นเช่นนี้จริงๆ มันน่าอึดอัดใจจริงๆ ที่ไม่สามารถเตรียมการอะไรได้เพราะติดหน้าที่เป็นพิธีกรอยู่ครับ
คราวนี้ มาดูกันว่า ทีมรันคิว ควรใช้กี่คนถึงจะเหมาะสมดีไหมครับ ผมจะไล่บทบาทหน้าที่ให้ดูทีละคนเลย ลองคิดตามนะครับ
คนที่หนึ่ง หัวหน้าทีมรันคิว มีหน้าที่ดูภาพรวมของงาน กำหนดเวลาเริ่มงานที่เหมาะสมว่าควรเริ่มกี่โมง เลทได้กี่นาที เช็คความพร้อมของทุกฝ่ายก่อนเริ่มงานและเป็นคนที่จะอยู่ใกล้ๆบ่าวสาวตลอดเวลา ช่วยดูแลความเรียบร้อยของชุด เครื่องประดับ หน้ามันไหม หิวน้ำไหม อยากเข้าห้องน้ำหรือเปล่า ให้กำลังใจเจ้าบ่าวและเจ้าสาวให้ยิ้มและอารมณ์ดีตลอดงานครับ หน้าที่สำหรับคนเดียว เยอะอยู่นะครับ แต่มันก็ทำได้ครับและทำได้ดีเสียด้วย ขอโม้นิดนึง 55555 รวมถึงก่อนวันงาน หัวหน้าทีมรันคิว ควรจะเป้นคนที่ประชุมรวมกับบ่าวสาวเพื่อเอาข้อมูลจากบ่าวสาวมาเตรียมเป็นเอกสารสำหรับใช้งานในวันจริง ซึ่งเอกสารควรเสร็จเรียบร้อยอย่างน้อย หนึ่งอาทิตย์ก่อนวันงานครับ
คนที่สอง(หรือสาม) คนที่จะดูแลเรื่องแสง เสียง และพรีเซนเตชั่น เตรียมความพร้อม เช็คระบบ ภาพขึ้นจอไหม เสียงออกไหม ควรเปิดไฟกี่เปอร์เซนต์ในช่วงพิธีการไหน ส่วนนี้ ใจจริงผมอยากให้มีสองคนด้วยซ้ำครับเพราะหน้าที่เยอะมากจริงๆ ยิ่งถ้าระบบไม่พร้อม ระบบส่วนต่างๆอยู่คนละจุดของห้องจัดงาน ยิ่งยุ่งหนักมากครับ ส่วนนี้สำคัญมากครับ เพราะเรื่องงานเทคนิค อะไรก็เกิดขึ้นได้ ขนาดเช็คแล้วอย่างดี ก็ยังมีโอกาสผิดพลาดครับ ส่วนนี้ ผมให้ความสำคัญมากๆจริงๆ
คนที่สาม จะดูแลในส่วนของเพื่อนบ่าวสาว คุณพ่อคุณแม่บ่าวสาวและประธานของงาน การซ้อมคิวเปิดตัวบ่าวสาว เดินเข้าอย่างไร ใช้อะไรประกอบการเปิดตัว ส่วนนี้ต้องเป็นคนที่ถนัดการจับปูใส่กระด้งมากๆเพราะเป็นส่วนที่ตามคนมาซ้อมยากมากครับ เพื่อนๆบ่าวสาวมักจะมาซ้อมได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ทำตามเราบ้าง ไม่ทำตามบ้าง มึนงงบ้าง ส่วนนี้จึงควรเป็นคนที่ค่อยข้างใจเย็นและจิตวิทยาดี ทำให้คนหมู่มาก เข้าใจในสิ่งที่เราตอ้งการให้เกิดขึ้นนะครับ และเช็คง่าประธานมาถึงหรือยัง ชื่อนามสกุล ตำแหน่งของท่านอ่านถูกต้องหรือไม่ บอกรายละเอียดให้ท่านทราบรอบสุดท้าย เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันและถูกต้องครับ ส่วนนี้ก็สำคัญอีก เพราะอ่านชื่อ ผิด ตำแหน่งผิด นี้ เรื่องใหญ่เลยนะครับ ต้องใส่ใจมากๆครับ
คนที่สี่ จะดูแลพิธีกรและคิวบนเวทีต่างๆครับ ค่อยช่วยส่งไมโครโฟนให้พิธีกร จัดเตรีมอุปกรณ์สำหรับลำดับพิธีการต่างๆ ตรวจเช็คความพร้อมของสิ่งที่จะต้องใช้ตลอดพิธีการ มาครบไหม อยู่ที่ไหน พิธีกรขึ้นลงด้านใน ช่วยประคองประธานขึ้นลงเวที ช่วยดูแลให้บนเวทีเรียบร้อยสวยงามที่สุดครับ
คนที่ห้า ผมมักจะให้เค้าดูแลในส่วนของโต๊ะเซนต์อวยพรด้านหน้า อำนวยความสะดวกด้านหน้างาน เช่น ของชำร่วยมาวางเรียบร้อยไหม กล่องใส่ซอง ใครต้องเก็บ ต้องรักษาดูแล ก่อนเริ่มงานควรต้องเอาซองไปไว้กับใครที่ไหนและช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดคิวถ่ายภาพของแขกที่มาร่วมงานด้วยครับ ซึ่งอันนี้ละเอียดอ่อนมากครับ ประเด็นนี้ เดี๋ยวเล่าแบบละเอียดให้ฟังต่อไปครับ
จริงๆยังมีความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ของสถานที่จัดงานอีกนะครับ ซึ่งอันนี้ เราต้องประสานงานกันอย่างดี มันจะดูดีเรียบร้อยสวยงามครับ บางท่านอาจจะบอกว่า เจ้าหน้าที่โรงแรมก็ดูแลหน้าที่ของทั้งห้าคนข้างต้นได้ ผมก็ไม่เถียงอีกครับ แต่เค้าก็ทำเท่าที่ทำได้ แต่คุณจะคาดหวังความเต็มที่ให้กับงานของคุณไหม อันนี้บอกไม่ได้เพราะเค้าเป็นเจ้าหน้าที่โรงแรมครับ ไม่ใข่ทีมรันคิว
พอเห็นภาพไหมครับ ว่าทีมงานห้าคน(หรือหกคน)ทำอะไรบ้าง แล้วพอเริ่มงาน คนทำงานบางส่วนก็จะมาช่วยด้านหน้าเวที เช่น คนที่ห้าที่ดูแลหน้างาน ก็มาช่วยงานตรงหน้าเวทีต่อครับ เชื่อเถอะครับ ว่ามีหน้าที่ตลอดงานจริงๆ ผมเคยเจอบางงานที่ให้คนทำงานแค่สามคนหรือสี่คน โอโห้ บอกตามตรงครับ หมุนเป็นลูกข่างเลยครับ แก้ปัญหาไม่ทันจริงๆ ถ้างานของคุณจำนวนแขกเยอะมากตั้งแต่ 350-400 ท่านเป็นต้นไป ผมว่าทีมงาน 5-6 คนคือทีมงานที่กำลังเหมาะครับ อย่าให้เค้ารับผิดชอบมากกว่าคนที่มีสองมือทำได้เลยครับ อันนี้ เราเห็นใจกันทุกฝ่ายนะครับ เพราะคงไม่มีใครอยากให้เกิดปัญหาหรอกนะครับ
มาคุยเรื่องการเชิญแขกถ่ายภาพหน้างานกับบ่าวสาวนิดนึงดีกว่า ที่ผมว่าละเอียดอ่อนเพราะอะไรครับ ลองคำนวนตามผมนะครับ ด้วยเวลาที่เรามีจำกัดในการถ่ายภาพหน้างานของบ่าวสาวก่อนเริ่มงาน ซึ่งโดยส่วนใหญ่ มักจะมีเวลาให้ช่วงนี้เพียงแค่ 1 ชั่วโมงหรือ 90 นาทีเท่านั้น อย่างมากครับ ยิ่งถ้าบ่าวสาวลงมาช้าอีกก็จะยิ่งมีเวลาน้อยลงไปอีกครับ สมมุติถ้าแขกที่เชิญมาจำนวนประมาณ 400 ท่าน แสดงว่า หนึ่งคิวการถ่ายภาพ สำหรับกลุ่มแขก 5 ท่าน ถ่ายพร้อมกัน จะไม่ถึง 1 นาทีต่อกลุ่มด้วยซ้ำครับ อันนี้คือนับตั้งแต่แขกเดินเข้ามาที่บ่าวสาว พูดคุยทักทายเล็กน้อย ถ่ายภาพร่วมกัน หนึ่งถึงสองช๊อต แล้วอวยพรบ่าวสาว เดินเข้างานไป ลองคิดดูครับว่า ไม่ถึงหนึ่งนาที พอหรือเปล่า ยิ่งถ้าแขกที่มา ไม่ค่อยยินดีกับการถ่ายภาพรวมกับแขกท่านอื่นด้วย ก็จะยิ่งกินเวลาเข้าไปอีกครับ เพียงเท่านี้ เราก็พอจะเห็นภาพของความวุ่นวายในส่วนนี้ครับ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ ผมมักจะอยากให้บ่าวสาวได้พักก่อนเริ่มงานสักห้าถึงสิบนาทีก่อนเริ่มพิธีการ บอกลำดับพิธีการให้ฟัง ได้ผ่อนคลายก่อนเข้าสู่พิธีการ เวลาก็หายไปอีกครับ ทีมรันคิวควรจะช่วยในการขอให้แขกถ่ายภาพร่วมกันอย่างรวดเร็วครับ ซึ่งผมก็เคยเจอแขกบางท่านตวาดมาว่า "ไม่ถ่ายร่วม...เค้าต้องการถ่ายเดียว" อันนี้ก็สุดวิสัยครับ แต่ส่วนใหญ่ เกิดขึ้นน้อยมากครับ ยิ้มสู้ครับ เพราะเราพยายามอย่างดีที่สุดแล้วครับ
บางท่านคงสงสัยว่า ค่าใช้จ่ายของทีมรันคิว ควรจะเท่าไหร่ อันนี้ขออนุญาตแจ้งเป็นการส่วนตัวนะครับเพราะแต่ละทีม มีเรทราคาที่แตกต่างกันครับ แต่ผมว่าด้วยบทบาทและหน้าที่ คุ้มค่าแน่นอนครับ แต่ถ้าคุณคิดว่าเพื่อนคุณเอาอยู่ ญาติคุณทำได้ อันนี้ไม่มีปัญหาครับ เพราะเป็นการตัดสินใจของบ่าวสาวทั้งสิ้น
อีกเรื่องหนึ่งครับ ทีมรันคิว ผมว่าหัวหน้าทีมรันคิว ควรมีโอกาสประชุมงานกับบ่าวสาวอย่างน้อย 1-2 ครั้งก่อนวันงานนะครับ เพราะเอกสารที่ใช้งานทั้งหมด ควรจะต้องมีรายละเอียดครบถ้วนสมบูรณ์ ติดขัดอะไร เอกสารฉบับนี้ คือไบเบิ้ลที่จะตอบทุกคำถาม แก้ทุกปัญหาได้หมด อย่าลืมให้ความสำคัญกับเอกสารนะครับ เพราะบ่าวสาวบางคู่ อาจจะละเลยจุดนี้ไป ให้ข้อมูลเค้าไปให้หมดครับ ให้เค้าดำเนินการทุกอย่างแทนคุณ วันนั้นบ่าวสาวมีหน้าที่ยิ้มและมีความสุขเท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับช่วงเวลาพิเศษของคุณครับ
ผมว่าน่าจะละเอียดเพียงพอนะครับสำหรับมุมมองของผมสำหรับทีมรันคิว ถ้าคุณสงสัย อยากพูดคุย ก็ถามไว้ในนี้ได้เลย หรืออยากปรึกษา อยากพูดคุยกัน ทักไลน์มาได้เลยครับ เราเป็นเพื่อนกันได้ เป็นพี่น้องกันได้ ผมพร้อมแชร์มุมมองของผมให้คุณได้ฟังนะครับ ไม่เคยหวงครับ ไลน์ไอดีผม gamemun ไม่ต้องเกรงใจนะครับ เพราะผมสนุกทุกครั้งที่ทำงานแต่งงานนะครับ มีอะไรให้ผมร่าเริงเสมอครับ
เอาละครับ พอหอมปากหอมคอนะครับ ในแง่มุมนี้ ผมไม่ได้โลกสวยนะครับ เพราะตั้งแต่ผมทำงานมาประมาณ 80 คู่บ่าวสาว ก็เคยมีทั้งคำชมและคำด่า มันทำให้ผมเข้าใจและคิดเสมอว่า เราต้องพยายามทำดีที่สุด แม้จะไม่สมบูรณ์ แต่มันคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วที่เราพยามยามทำให้บ่าวสาวในวันพิเศษของเค้าครับ ถ้าคุณอยากอ่านเรื่องอะไร บอกผมได้นะครับ ผมจะมาเขียนให้อ่านทันทีที่มีเวลาครับ วันนี้ ไปออกกำลังกายดีกว่าครับ สวัสดีครับทุกท่าน แล้วพบกันใหม่ครับ
มาคุยเรื่องใกล้ตัวดีกว่า ทีมรันคิว จำเป็นหรือเปล่า..น่าคิดนะ
ผมขอเขียนในมุมมองของผมนะครับ ไม่ขอพูดถึงทีมอื่นๆที่ทำงานประเภทเดียวกันอยู่ในปัจจุบัน บางท่านอาจจะเห็นด้วยกับผม แต่บางท่านอาจจะรู้สึกว่าไม่เห็นด้วย อันนี้ก็แล้วแต่ทัศนคติของแต่ละท่านเลยครับ ไม่ว่ากัน มาเริ่มกันเลยดีกว่า
ทีมรันคิว จำเป็นหรือไม่ในงานแต่งงานๆหนึ่ง ถ้าถามผมนะ ผมว่า มันมีทั้งความจำเป็นและไม่จำเป็น....5555 ...ถือว่าเป็นคำตอบได้ไหมครับ อย่าเพิ่งหัวเสียครับ มา..มาดูไปพร้อมๆกันครับ
ที่ผมว่า จำเป็นก็เพราะว่า ทีมรันคิว จะช่วยให้งานแต่งงานของคุณที่จัดขึ้น เป็นไปตามกำหนด ตามเวลาและสถานการณ์ครับ เพราะทีมรันคิว ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่า รันคิว ก็คือให้ทุกอย่างเป็นไปตามลำดับที่ถูกคิดและกลั่นกรองมาแล้วอย่างดีก่อนวันงานตามเอกสารที่เค้าถืออยู่ และทีมรันคิว ควรจะเป็นผู้ค่อยดูแลให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อยและสมบูรณ์ครับ บางท่านอาจจะแย้งผมว่า ให้เพื่อน ให้ญาติ ให้ลูกน้องหรือให้คนรู้จักจัดการก็ได้ อันนี้ผมก็ไม่เถียงครับ ถ้าเค้าเหล่านั้น พร้อมทำงานและพร้อมแก้ปัญหาตลอดเวลา ลองคิดดูนะครับ บางงานที่ผมไปทำมา ให้เพื่อนมาช่วยงาน ก่อนวันงาน เพื่อนก็ดูแข็งขันดีครับ น่าจะเอาอยู่ทุกอย่าง แต่พอมาถึงหน้างาน เพื่อนมาสายบ้าง แต่งหน้ายังไม่เสร็จบ้าง แต่งตัวยังไม่ทันบ้าง ติดเท้าบ้าง หิวข้าวบ้าง จนทุกปัญหาก็ต้องมาตกอยู่ที่บ่าวสาว กลายเป็นเรื่องที่ทำให้บ่าวสาวอาจจะถึงกับอารมณ์เสียได้นะครับ บางท่านอาจจะบอกว่า ญาติก็ดูแลได้ อันนี้ก็ไม่เถียงครับ แต่คุณต้องมั่นใจนะว่าเค้าทำได้แน่นอน เพราะความเป็นญาติ เป็นพี่เป็นน้อง พอเกิดเรื่องขึ้นกลายเป็นพูดกันไม่ได้ ว่ากันไม่ออก เพราะเป็นญาติ เป็นพี่ เป็นน้อง เราขอให้เค้ามาช่วย เวลาเกิดปัญหาก็เหมือนน้ำท่วมปากครับ แต่ถ้าเค้าเหล่านั้น พร้อมทำงานให้คุณแบบใจเกินร้อย ให้เค้าช่วยทำได้เลยครับ ไม่ต้องจ้างให้เสียเงิน
อีกประเด็นนึงที่ผมมักจะเจออยู่บ่อยๆ คือพิธีกรที่พร้อมเป็นแม่งานสั่งการทุกเรื่องด้วยตนเอง ผมเคารพในความสามารถเค้ามากๆครับที่สามารถทำสองบทบาทไปพร้อมๆกัน ลองคิดดูนะครับว่า พิธีกรจะสั่งการต่างๆผ่านไมโครโฟน ให้แขกได้ยินโดยทั่วถึงกัน ผมว่ามันไม่น่าจะดูดีสักเท่าไหร่นะครับ มีบ่าวสาวบางคู่ เคยทาบทามให้ผมไปทำพิธีกร ผมมักจะนำเสนอว่าแยกบทบาทหน้าที่กันดีกว่าครับ อันนี้ผมก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยนะครับ ผมมักจะบอกบ่าวสาวเสมอว่า ให้ผมทำหน้าที่หัวหน้าทีมรันคิว สั่งการ เตรียมการทุกอย่างให้คุณจะดีกว่าไหม เพราะถ้าผมถือไมโครโฟนอยู่บนเวที เวลาผมนึกเตรียมการอะไรสักอย่าง มันยากมากครับที่จะสั่งการ อันนี้เคยเกิดขึ้นแล้วเลยการันตีได้ครับว่ามันเป็นเช่นนี้จริงๆ มันน่าอึดอัดใจจริงๆ ที่ไม่สามารถเตรียมการอะไรได้เพราะติดหน้าที่เป็นพิธีกรอยู่ครับ
คราวนี้ มาดูกันว่า ทีมรันคิว ควรใช้กี่คนถึงจะเหมาะสมดีไหมครับ ผมจะไล่บทบาทหน้าที่ให้ดูทีละคนเลย ลองคิดตามนะครับ
คนที่หนึ่ง หัวหน้าทีมรันคิว มีหน้าที่ดูภาพรวมของงาน กำหนดเวลาเริ่มงานที่เหมาะสมว่าควรเริ่มกี่โมง เลทได้กี่นาที เช็คความพร้อมของทุกฝ่ายก่อนเริ่มงานและเป็นคนที่จะอยู่ใกล้ๆบ่าวสาวตลอดเวลา ช่วยดูแลความเรียบร้อยของชุด เครื่องประดับ หน้ามันไหม หิวน้ำไหม อยากเข้าห้องน้ำหรือเปล่า ให้กำลังใจเจ้าบ่าวและเจ้าสาวให้ยิ้มและอารมณ์ดีตลอดงานครับ หน้าที่สำหรับคนเดียว เยอะอยู่นะครับ แต่มันก็ทำได้ครับและทำได้ดีเสียด้วย ขอโม้นิดนึง 55555 รวมถึงก่อนวันงาน หัวหน้าทีมรันคิว ควรจะเป้นคนที่ประชุมรวมกับบ่าวสาวเพื่อเอาข้อมูลจากบ่าวสาวมาเตรียมเป็นเอกสารสำหรับใช้งานในวันจริง ซึ่งเอกสารควรเสร็จเรียบร้อยอย่างน้อย หนึ่งอาทิตย์ก่อนวันงานครับ
คนที่สอง(หรือสาม) คนที่จะดูแลเรื่องแสง เสียง และพรีเซนเตชั่น เตรียมความพร้อม เช็คระบบ ภาพขึ้นจอไหม เสียงออกไหม ควรเปิดไฟกี่เปอร์เซนต์ในช่วงพิธีการไหน ส่วนนี้ ใจจริงผมอยากให้มีสองคนด้วยซ้ำครับเพราะหน้าที่เยอะมากจริงๆ ยิ่งถ้าระบบไม่พร้อม ระบบส่วนต่างๆอยู่คนละจุดของห้องจัดงาน ยิ่งยุ่งหนักมากครับ ส่วนนี้สำคัญมากครับ เพราะเรื่องงานเทคนิค อะไรก็เกิดขึ้นได้ ขนาดเช็คแล้วอย่างดี ก็ยังมีโอกาสผิดพลาดครับ ส่วนนี้ ผมให้ความสำคัญมากๆจริงๆ
คนที่สาม จะดูแลในส่วนของเพื่อนบ่าวสาว คุณพ่อคุณแม่บ่าวสาวและประธานของงาน การซ้อมคิวเปิดตัวบ่าวสาว เดินเข้าอย่างไร ใช้อะไรประกอบการเปิดตัว ส่วนนี้ต้องเป็นคนที่ถนัดการจับปูใส่กระด้งมากๆเพราะเป็นส่วนที่ตามคนมาซ้อมยากมากครับ เพื่อนๆบ่าวสาวมักจะมาซ้อมได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ทำตามเราบ้าง ไม่ทำตามบ้าง มึนงงบ้าง ส่วนนี้จึงควรเป็นคนที่ค่อยข้างใจเย็นและจิตวิทยาดี ทำให้คนหมู่มาก เข้าใจในสิ่งที่เราตอ้งการให้เกิดขึ้นนะครับ และเช็คง่าประธานมาถึงหรือยัง ชื่อนามสกุล ตำแหน่งของท่านอ่านถูกต้องหรือไม่ บอกรายละเอียดให้ท่านทราบรอบสุดท้าย เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันและถูกต้องครับ ส่วนนี้ก็สำคัญอีก เพราะอ่านชื่อ ผิด ตำแหน่งผิด นี้ เรื่องใหญ่เลยนะครับ ต้องใส่ใจมากๆครับ
คนที่สี่ จะดูแลพิธีกรและคิวบนเวทีต่างๆครับ ค่อยช่วยส่งไมโครโฟนให้พิธีกร จัดเตรีมอุปกรณ์สำหรับลำดับพิธีการต่างๆ ตรวจเช็คความพร้อมของสิ่งที่จะต้องใช้ตลอดพิธีการ มาครบไหม อยู่ที่ไหน พิธีกรขึ้นลงด้านใน ช่วยประคองประธานขึ้นลงเวที ช่วยดูแลให้บนเวทีเรียบร้อยสวยงามที่สุดครับ
คนที่ห้า ผมมักจะให้เค้าดูแลในส่วนของโต๊ะเซนต์อวยพรด้านหน้า อำนวยความสะดวกด้านหน้างาน เช่น ของชำร่วยมาวางเรียบร้อยไหม กล่องใส่ซอง ใครต้องเก็บ ต้องรักษาดูแล ก่อนเริ่มงานควรต้องเอาซองไปไว้กับใครที่ไหนและช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดคิวถ่ายภาพของแขกที่มาร่วมงานด้วยครับ ซึ่งอันนี้ละเอียดอ่อนมากครับ ประเด็นนี้ เดี๋ยวเล่าแบบละเอียดให้ฟังต่อไปครับ
จริงๆยังมีความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ของสถานที่จัดงานอีกนะครับ ซึ่งอันนี้ เราต้องประสานงานกันอย่างดี มันจะดูดีเรียบร้อยสวยงามครับ บางท่านอาจจะบอกว่า เจ้าหน้าที่โรงแรมก็ดูแลหน้าที่ของทั้งห้าคนข้างต้นได้ ผมก็ไม่เถียงอีกครับ แต่เค้าก็ทำเท่าที่ทำได้ แต่คุณจะคาดหวังความเต็มที่ให้กับงานของคุณไหม อันนี้บอกไม่ได้เพราะเค้าเป็นเจ้าหน้าที่โรงแรมครับ ไม่ใข่ทีมรันคิว
พอเห็นภาพไหมครับ ว่าทีมงานห้าคน(หรือหกคน)ทำอะไรบ้าง แล้วพอเริ่มงาน คนทำงานบางส่วนก็จะมาช่วยด้านหน้าเวที เช่น คนที่ห้าที่ดูแลหน้างาน ก็มาช่วยงานตรงหน้าเวทีต่อครับ เชื่อเถอะครับ ว่ามีหน้าที่ตลอดงานจริงๆ ผมเคยเจอบางงานที่ให้คนทำงานแค่สามคนหรือสี่คน โอโห้ บอกตามตรงครับ หมุนเป็นลูกข่างเลยครับ แก้ปัญหาไม่ทันจริงๆ ถ้างานของคุณจำนวนแขกเยอะมากตั้งแต่ 350-400 ท่านเป็นต้นไป ผมว่าทีมงาน 5-6 คนคือทีมงานที่กำลังเหมาะครับ อย่าให้เค้ารับผิดชอบมากกว่าคนที่มีสองมือทำได้เลยครับ อันนี้ เราเห็นใจกันทุกฝ่ายนะครับ เพราะคงไม่มีใครอยากให้เกิดปัญหาหรอกนะครับ
มาคุยเรื่องการเชิญแขกถ่ายภาพหน้างานกับบ่าวสาวนิดนึงดีกว่า ที่ผมว่าละเอียดอ่อนเพราะอะไรครับ ลองคำนวนตามผมนะครับ ด้วยเวลาที่เรามีจำกัดในการถ่ายภาพหน้างานของบ่าวสาวก่อนเริ่มงาน ซึ่งโดยส่วนใหญ่ มักจะมีเวลาให้ช่วงนี้เพียงแค่ 1 ชั่วโมงหรือ 90 นาทีเท่านั้น อย่างมากครับ ยิ่งถ้าบ่าวสาวลงมาช้าอีกก็จะยิ่งมีเวลาน้อยลงไปอีกครับ สมมุติถ้าแขกที่เชิญมาจำนวนประมาณ 400 ท่าน แสดงว่า หนึ่งคิวการถ่ายภาพ สำหรับกลุ่มแขก 5 ท่าน ถ่ายพร้อมกัน จะไม่ถึง 1 นาทีต่อกลุ่มด้วยซ้ำครับ อันนี้คือนับตั้งแต่แขกเดินเข้ามาที่บ่าวสาว พูดคุยทักทายเล็กน้อย ถ่ายภาพร่วมกัน หนึ่งถึงสองช๊อต แล้วอวยพรบ่าวสาว เดินเข้างานไป ลองคิดดูครับว่า ไม่ถึงหนึ่งนาที พอหรือเปล่า ยิ่งถ้าแขกที่มา ไม่ค่อยยินดีกับการถ่ายภาพรวมกับแขกท่านอื่นด้วย ก็จะยิ่งกินเวลาเข้าไปอีกครับ เพียงเท่านี้ เราก็พอจะเห็นภาพของความวุ่นวายในส่วนนี้ครับ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ ผมมักจะอยากให้บ่าวสาวได้พักก่อนเริ่มงานสักห้าถึงสิบนาทีก่อนเริ่มพิธีการ บอกลำดับพิธีการให้ฟัง ได้ผ่อนคลายก่อนเข้าสู่พิธีการ เวลาก็หายไปอีกครับ ทีมรันคิวควรจะช่วยในการขอให้แขกถ่ายภาพร่วมกันอย่างรวดเร็วครับ ซึ่งผมก็เคยเจอแขกบางท่านตวาดมาว่า "ไม่ถ่ายร่วม...เค้าต้องการถ่ายเดียว" อันนี้ก็สุดวิสัยครับ แต่ส่วนใหญ่ เกิดขึ้นน้อยมากครับ ยิ้มสู้ครับ เพราะเราพยายามอย่างดีที่สุดแล้วครับ
บางท่านคงสงสัยว่า ค่าใช้จ่ายของทีมรันคิว ควรจะเท่าไหร่ อันนี้ขออนุญาตแจ้งเป็นการส่วนตัวนะครับเพราะแต่ละทีม มีเรทราคาที่แตกต่างกันครับ แต่ผมว่าด้วยบทบาทและหน้าที่ คุ้มค่าแน่นอนครับ แต่ถ้าคุณคิดว่าเพื่อนคุณเอาอยู่ ญาติคุณทำได้ อันนี้ไม่มีปัญหาครับ เพราะเป็นการตัดสินใจของบ่าวสาวทั้งสิ้น
อีกเรื่องหนึ่งครับ ทีมรันคิว ผมว่าหัวหน้าทีมรันคิว ควรมีโอกาสประชุมงานกับบ่าวสาวอย่างน้อย 1-2 ครั้งก่อนวันงานนะครับ เพราะเอกสารที่ใช้งานทั้งหมด ควรจะต้องมีรายละเอียดครบถ้วนสมบูรณ์ ติดขัดอะไร เอกสารฉบับนี้ คือไบเบิ้ลที่จะตอบทุกคำถาม แก้ทุกปัญหาได้หมด อย่าลืมให้ความสำคัญกับเอกสารนะครับ เพราะบ่าวสาวบางคู่ อาจจะละเลยจุดนี้ไป ให้ข้อมูลเค้าไปให้หมดครับ ให้เค้าดำเนินการทุกอย่างแทนคุณ วันนั้นบ่าวสาวมีหน้าที่ยิ้มและมีความสุขเท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับช่วงเวลาพิเศษของคุณครับ
ผมว่าน่าจะละเอียดเพียงพอนะครับสำหรับมุมมองของผมสำหรับทีมรันคิว ถ้าคุณสงสัย อยากพูดคุย ก็ถามไว้ในนี้ได้เลย หรืออยากปรึกษา อยากพูดคุยกัน ทักไลน์มาได้เลยครับ เราเป็นเพื่อนกันได้ เป็นพี่น้องกันได้ ผมพร้อมแชร์มุมมองของผมให้คุณได้ฟังนะครับ ไม่เคยหวงครับ ไลน์ไอดีผม gamemun ไม่ต้องเกรงใจนะครับ เพราะผมสนุกทุกครั้งที่ทำงานแต่งงานนะครับ มีอะไรให้ผมร่าเริงเสมอครับ
เอาละครับ พอหอมปากหอมคอนะครับ ในแง่มุมนี้ ผมไม่ได้โลกสวยนะครับ เพราะตั้งแต่ผมทำงานมาประมาณ 80 คู่บ่าวสาว ก็เคยมีทั้งคำชมและคำด่า มันทำให้ผมเข้าใจและคิดเสมอว่า เราต้องพยายามทำดีที่สุด แม้จะไม่สมบูรณ์ แต่มันคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วที่เราพยามยามทำให้บ่าวสาวในวันพิเศษของเค้าครับ ถ้าคุณอยากอ่านเรื่องอะไร บอกผมได้นะครับ ผมจะมาเขียนให้อ่านทันทีที่มีเวลาครับ วันนี้ ไปออกกำลังกายดีกว่าครับ สวัสดีครับทุกท่าน แล้วพบกันใหม่ครับ