[CR] แชร์ประสบการณ์การเรียนภาษาต่างประเทศ 3 ภาษา: อังกฤษ, รัสเซีย, เกาหลี

วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ การเรียนภาษาต่างประเทศ 3 ภาษา คือ ภาษาอังกฤษ ภาษารัสเซีย และภาษาเกาหลีเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คนที่คิดว่าการเรียนภาษาต่างประเทศนั้นเป็นสิ่งที่ยากเกินไป หรือคนที่คิดว่าตัวเองแก่เกินไปที่จะเรียนแล้ว หรือไม่มีเงินเรียนบ้าง

1.  ภาษาอังกฤษ  English

ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 2 ที่คนรุ่นใหม่ทุกคนควรสื่อสารและใช้ในการทำงานได้ คนรุ่นใหม่ก็คือคนที่กำลังจะสำเร็จการศึกษาและออกสู่โลกแห่งการทำงาน ถ้าเราใช้ภาษาอังกฤษได้ดี โอกาสในการได้งานที่ดีก็มีมากกว่าคนที่สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ เราต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้ภาษาอังกฤษได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตของเราเยอะมาก เพราะยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ถูกผลิตขึ้นมา ล้วนมีภาษาอังกฤษเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น และประเทศไทยก็ได้เข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้ว น้องๆ คนรุ่นใหม่ที่ยังพูดภาษาอังกฤษยังไม่ได้ ขอแนะนำให้รีบเรียน มันมีความสำคัญจริงๆ กับการงานและอาชีพ วันนี้อาจจะคิดว่ายังไม่ได้ใช้ ไม่มีความจำเป็น แต่พอทำงานได้ซักระยะ ความจำเป็นมันจะเกิดขึ้น ถึงตอนนั้นจะไปเรียนก็อาจไม่ทันการณ์แล้ว

ดิฉันเริ่มเรียนภาษาอังกฤษครั้งแรกตอนอายุ 25 ปี เป็นการเรียนด้วยตัวเองเพราะไม่มีทั้งเงินและเวลาไปเรียน ตอนนั้น วันจันทร์ – ศุกร์ ก็ทำงานเป็นพนักงานบริษัทฯ ส่วนวันเสาร์ – อาทิตย์ ก็เรียนปริญญาตรีหลักสูตรสำหรับคนทำงาน มีเวลาว่างหลังเลิกงานหรือเลิกเรียน ก็เรียนภาษาอังกฤษเองที่บ้าน สมัยนั้นเทคโนโลยียังไม่เฟื่องฟู ไม่มีSmart Phone เหมือนทุกวันนี้ ดิฉันก็ไปซื้อหนังสือมาเรียนเอง พอเรียนเองได้ซักพัก ก็ไปซื้อคอมพิวเตอร์มือสองมาใช้ แล้วก็เริ่มแชต MSN กับคนต่างชาติ ฝึกคุยกับพวกคนต่างชาติอยู่ประมาณ 1 ปี จนสามารถพูดคุยและสื่อสารได้พอสมควร พอเรียนจบปริญญาตรี ก็พยายามหางานทำที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ เพราะงานที่ทำอยู่ตอนนั้นไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเลย ก็ได้งานที่จังหวัดภูเก็ต เป็นพนักงานขายอสังหาริมทรัพย์ให้กับคนต่างชาติ ทำได้ไม่นานก็ต้องออก เพราะภาษาอังกฤษที่เรียนเองเป็นแค่ Basic ที่ใช้ได้ในชีวิตประจำวันเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทำงานแบบมืออาชีพได้ ก็เลยตัดสินใจไปลงเรียนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนสอนภาษาแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เป็นเวลา 10 สัปดาห์

โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษในเมืองไทยนั้นมีให้เลือกมากมาย ทั้งโรงเรียนที่สอนโดยครูคนไทย และโรงเรียนที่สอนโดยครูเจ้าของภาษา ดิฉันคิดว่าการเรียน Basic Level ควรเริ่มเรียนกับครูคนไทยก่อนจะดีกว่า เพราะครูคนไทยสามารถอธิบายหลักแกรมม่าต่างๆ เป็นภาษาไทยได้ และนักเรียนก็สอบถามเป็นภาษาไทยได้ การเริ่มต้นเรียนกับครูเจ้าของภาษาควรเริ่มเรียนในระดับ Intermediate Level เพราะเราก็จะฟังเข้าใจบ้างแล้ว โรงเรียนที่ดิฉันเลือกเรียนที่กรุงเทพฯ เป็นโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษของชาวต่างชาติ ครูที่สอนก็เป็นเจ้าของภาษา การเรียนที่นี่เป็นแนว Academic เพื่อนร่วมชั้นเรียนส่วนใหญ่ ก็เป็นรุ่นน้องที่เตรียมตัวไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ คือเจอแต่เด็กเก่งๆ จบจากมหาลัยดังๆ พื้นฐานภาษาอังกฤษของพวกเค้าก็ดีกว่าดิฉันเยอะมาก หลังจากสอบวัดระดับก่อนเข้าเรียนเสร็จ ทางโรงเรียนได้ให้ดิฉันเริ่มเรียนที่ระดับ Upper Intermediate ระดับของการเรียนภาษาจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับใหญ่ๆ ก็คือ 1. Basic (ระดับพื้นฐาน) 2. Intermediate (ระดับกลาง) และ 3. Advance (ระดับสูง) พอรู้ว่าได้เริ่มเรียนจากระดับ Upper Intermediate ก็ดีใจว่าที่สิ่งที่เรียนเองไปบ้างแล้วสามารถมาต่อยอดได้โดยที่ไม่ต้องไปเริ่มเรียนจาก Basic Level ทำให้ประหยัดทั้งเงินและประหยัดเวลาไปเยอะ การเรียนก็เป็นไปด้วยความราบรื่น ดิฉันรู้สึกว่าการเริ่มเรียนด้วยตัวเองก่อนจะเข้าเรียนที่โรงเรียน มันมีแรงผลักดันในการเรียนเยอะมากอยากรู้อยากเห็นไปหมด ว่าอะไรใช้ยังไง พูดยังไง ก่อนที่จะมาเรียนก็พูดผิดๆ ถูกๆ แต่พอมาเรียนที่โรงเรียนก็ทำให้รู้ว่าการใช้ที่ถูกต้องเป็นยังไง หลังจากรู้แล้วก็ทำให้จดจำได้เร็ว ทำให้การเรียนภาษาประสบความสำเร็จเร็วขึ้น ดิฉันไม่ได้เป็นคนฉลาดหรือเรียนเก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่อาศัยใช้บ่อยๆ ก็จะจำได้เอง 

หลังจากเรียนจบระดับ Upper Intermediate แล้วทำให้เข้าใจหลัก Grammar และการใช้ที่ถูกต้อง แต่การพูดยังไม่มั่นใจเท่าไหร่ เพราะเรียนแต่กับเพื่อนคนไทย เรียนเสร็จก็พูดแต่ภาษาไทยกัน ทำให้การพูดพัฒนาไปได้ไม่ดีเท่าไหร่ เลยคิดว่าถ้ากลับไปทำงานที่ภูเก็ตอีกครั้งจะต้องสามารถใช้ภาษาอังกฤษในการทำงานให้ได้แบบมืออาชีพ ก็เลยตัดสินใจไปเรียนภาษาอังกฤษที่ เมืองแอดดิเลด ประเทศออสเตรเลีย เป็นเวลา 10 สัปดาห์ ไปเรียนที่นั่นก็เหมือนเป็นการถูกบังคับให้พูดภาษาอังกฤษทุกวัน เพราะไม่มีคนไทยให้พูดภาษาไทยด้วย อยากแนะนำน้องๆ ที่คิดจะไปเรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศ ถ้าเป็นไปได้อย่าเลือกไปเรียนที่เมืองหลวงหรือเมืองใหญ่ๆ ของประเทศนั้นๆ เพราะก็จะเจอแต่คนชาติเดียวกันและพูดคุยภาษาไทยกัน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการเรียนภาษาอังกฤษเลย ข้อดีอีกอย่างในการไปเรียนในเมืองเล็กๆ อย่างเมืองแอดดิเลด ที่ดิฉันไปเรียนคือ ค่าครองชีพก็จะถูกกว่าเมืองใหญ่ๆ อย่างซิดนีย์และเมลเบิร์น ส่วนการเลือกที่พักก็ควรเลือกพักแบบ HomeStay ข้อดีของการพักกับคนท้องถิ่นก็คือ ได้ฝึกพูดทุกวัน และเจ้าของบ้านที่ใจดี ยังช่วยตรวจเช็คการบ้านให้อีกด้วย พอเรียนจบ 10 สัปดาห์จากออสเตรเลีย ก็สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการทำงานกับคนต่างชาติได้แบบมืออาชีพ มีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น จนถึง ณ วันนี้ดิฉันก็ได้ใช้ภาษาอังกฤษในการทำงานมากว่า 12  ปีแล้ว

ดิฉันมีญาติรุ่นน้องที่เรียบจบปริญญาตรีมาได้สองปีแล้ว และยังตกงานอยู่ ดิฉันถามว่ามีความสามารถพิเศษอะไรไหม พูดภาษาอังกฤษได้ไหม เค้าก็บอกว่าพูดไม่ได้ ความสามารถพิเศษอะไรก็ไม่มีเลย ดิฉันคิดว่าคงมีน้องๆ อีกหลายคน ที่อยู่ในสถานะเดียวกันกับญาติของดิฉัน ซึ่งก็น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะเด็กๆ ที่พ่อแม่ไม่มีเวลามาเคร่งครัดกับการเรียนของลูกๆ เพราะมัวแต่ทำงานหาเงิน เด็กหลายๆ คนก็ถูกเลี้ยงดูจากปู่ ย่า ตา ยาย ดิ้นรนมาเรียน มาทำงานในกรุงเทพฯ เหมือนกับดิฉัน เด็กๆ เหล่านี้หลายคนที่มีความพยายามเรียนให้จบปริญญาและหลายๆคนก็เชื่อว่านั่นคือความสำเร็จขั้นสูงแล้ว แต่หารู้ไม่ว่ามันไม่ใช่แค่นั้น คุณภาพในตัวเราก็ต้องมาพร้อมกับใบปริญญาอันทรงเกียรตินั้นด้วย มันถึงจะเป็นความสำเร็จขั้นแรกที่แท้จริง ที่หยิบยกเรื่องนี้มาพูดเพราะอยากเป็นแรงบันดาลใจให้น้องๆ เหล่านี้ มองเห็นความสำคัญของการเรียนภาษาอังกฤษ หรือเรียนอะไรก็ตามที่พวกน้องๆ ชอบ ให้มันเป็นความสามารถพิเศษที่มาคู่กับใบปริญญาของน้องๆ การเรียนภาษาอังกฤษนั้นก็ไม่ได้ยาก ไม่ได้แพงอย่างที่น้องๆ คิด ถ้ามีความมุ่งมั่นและตั้งใจ ขยันเก็บเงินเพื่อการศึกษาของตัวเอง เพราะพ่อแม่ไม่มีให้ ส่วนคนที่พ่อแม่มีเงิน มีกำลังสามารถ support ได้ ก็อย่าทำลายโอกาสของตัวเองนะคะ ตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษ มีคนอีกมากมายนับล้านที่ไม่มีโอกาสแบบน้องๆ เรื่องรักขอให้เป็นเรื่องรอง ส่วนเรื่องพัฒนาศักยภาพของตัวเองให้เป็นเรื่องหลักเพราะเมื่อถึงวัยที่เหมาะสมและเป็นคนที่มีความสามารถรอบด้านแล้ว ก็จะมีคนดีๆ เรียงหน้ามาให้เลือกมากมาย ขอเป็นกำลังให้น้องๆ คนรุ่นใหม่ทุกคนให้ใส่ใจ ตั้งใจพัฒนาตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ เมื่อเวลาผ่านไปแล้วอายุมากขึ้นจะได้ไม่มานึกเสียดายว่าควรตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่อายุยังน้อยๆ 

บางคนบอกว่าภาษาอังกฤษยากมาก ตอนเรียนใหม่ๆ ดิฉันก็คิดว่ามันยากค่ะ ยากจนเคยร้องไห้ตอนเรียน แต่พอเรียนมาหลายภาษาแล้ว  ทำให้รู้ว่าภาษาอังกฤษไม่ได้ยากขนาดนั้น มันมีความยากระดับกลางถึงล่างด้วยซั้า พวกภาษาที่ยากเป็นอันดับต้นๆ คือ ภาษาจีน ภาษารัสเซีย ภาษาอารบิก พวกนั้น ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาต่างประเทศที่ยากเกินกว่าจะเรียนได้ ดิฉันซึ่งเรียนไม่เก่งและใช้เวลานานในการจดจำ ยังเรียนมาได้ พวกน้องๆ คนรุ่นใหม่ก็ต้องทำได้ค่ะ ฉะนั้นแล้วถ้าอยากพัฒนาตัวเอง เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ คำว่า “ยาก” ไม่ควรมีในหัวนะคะ
ชื่อสินค้า:   ภาษาอังกฤษ, ภาษารัสเซีย, ภาษาเกาหลี
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่