คหสต. รูปแบบรายการ Show Me The Money (SMTM) สนุกกว่า The Rapper (RP) อีกนะ ผมลิสต์มาดังนี้
1. SMTM เปลี่ยนรอบใหม่เร็วมาก สัปดาห์เดียว ก็ไปอีกรอบแล้ว ทำให้รูปแบบรายการไม่ซ้ำซาก
ส่วน RP ที่รอบเดียวกินเวลาโคตรนานรอบ audition 6-8 สัปดาห์, รอบ battle 4 สัปดาห์, รอบ playoff 6 สัปดาห์ ทำให้ต้องดูอะไรซ้ำ ๆ ไปเป็นเดือนเลยทีเดียว ถ้าผู้แข่งขันเก่งเยอะ ๆ แบบซีซั่น 1 มันก็ไม่มีปัญหา แต่มาซีซั่น 2 ดรอปลงไปเยอะ เด็กใหม่ก็เยอะเช่นกัน หน้าใหม่ส่วนมากจะทำโชว์มาตรฐาน ไม่หวือหวามาก เพราะประสบการณ์ยังไม่มากทำโชว์แหวกแนว ส่งผลให้ซีซั่น 2 ดูน่าเบื่อที่สุด
2. SMTM กติกาโหดสุด ๆ ตกรอบไปแล้ว ไม่มีโอกาสกลับมา ทำให้ต้องลุ้น ไม่มีเผื่อใจว่าคนที่ชอบจะกลับมาได้อีกไหม แถมผู้ฝึกสอนต้องเป็นคนตัดสินผู้เข้าแข่งขันตกรอบด้วยตัวเอง ความผูกพันที่ทำงานร่วมกันมา มันยากที่จะทำใจได้ ดราม่าสุด ๆ
ส่วน RP มีโอกาสกลับมาเสมอด้วยหมวกทอง ทำให้มันไม่ต้องกังวลอะไรมากเมื่อมีคนตกรอบ แถมยังมีช่วง 8 บาร์หนีตาย มาช่วยไปอีก ทำให้ดูได้แบบชิว ๆ และการให้คนอื่นที่ไม่ใช่ผู้ฝึกสอนตัดสินผู้เข้าแข่งขันให้ตกรอบ มันก็ให้ความรู้สึกเฉย ๆ
ที่รายการ SMTM ไม่ประสบความสำเร็จ เป็นเพราะมีผู้ฝึกสอนที่ไม่มีประสบการณ์ในเพลงแรพ อย่างแจ๊ส นี่ไม่สมควรอย่างยิ่งเลย เพราะมีประสบการณ์เพลงไม่กี่ปี ยังไม่มากพอที่จะใช้คำว่าผู้ฝึกสอนได้ และ เป้ วงมายด์ ที่ตัดสินค้านสายตาหลายครั้ง เอาความชอบตัวเองมาปนกับงานบ่อย ๆ และกติกาบางข้อที่ออกแบบมาไม่ยุติธรรม เช่นตอนรอบ ring of fire ที่บอกว่าใครที่มี pass แม้ว่า 1 pass ก็คือผ่านทุกคน แต่ตอนหลังดันมาแก้ว่าใคร pass มากกว่าชนะ ทำให้เกิดดราม่ารุนแรงมาก ที่มาเปลี่ยนกติกาภายหลัง แต่ผมเชื่อมั่นว่า ถ้ารายการเปลี่ยนตัวผู้ฝึกสอนใหม่ และสร้างกติกาที่ชัดเจน รายการนี้จะต้องดังแน่นอน
SMTM ปีก่อนที่ว่าแย่แล้ว ผมยังดูครบทุกตอนเลย เพราะรูปแบบรายการสนุก ตอนแรกคิดว่าจะเลิกดู แต่พอหลับตาแล้วนึกถึงความสนุก จึงกัดฟันดูต่อ แม้รู้ว่าผู้ฝึกสอนและกติกาจะแย่แค่ไหนก็ตาม แต่เพราะรูปแบบรายการทำให้ดูต่อได้
ส่วน RP ปี 2 ผมฝืนดูมาตลอด สนุกเพราะผู้เข้าแข่งขันไม่กี่คนเท่านั้น รูปแบบรายการไม่สนุกเลย เพราะมันซ้ำกับปีก่อนเกือบทุกอย่าง จนกระทั่ง ฟิต มิตร ด้าม ตกรอบ ผมก็เลิกดูเลย ไม่มีอะไรน่าสนใจจริง ๆ ปีนี้
อยากให้ Show Me The Money Thailand กลับมา (มีการเปรียบเทียบกับ The Rapper)
1. SMTM เปลี่ยนรอบใหม่เร็วมาก สัปดาห์เดียว ก็ไปอีกรอบแล้ว ทำให้รูปแบบรายการไม่ซ้ำซาก
ส่วน RP ที่รอบเดียวกินเวลาโคตรนานรอบ audition 6-8 สัปดาห์, รอบ battle 4 สัปดาห์, รอบ playoff 6 สัปดาห์ ทำให้ต้องดูอะไรซ้ำ ๆ ไปเป็นเดือนเลยทีเดียว ถ้าผู้แข่งขันเก่งเยอะ ๆ แบบซีซั่น 1 มันก็ไม่มีปัญหา แต่มาซีซั่น 2 ดรอปลงไปเยอะ เด็กใหม่ก็เยอะเช่นกัน หน้าใหม่ส่วนมากจะทำโชว์มาตรฐาน ไม่หวือหวามาก เพราะประสบการณ์ยังไม่มากทำโชว์แหวกแนว ส่งผลให้ซีซั่น 2 ดูน่าเบื่อที่สุด
2. SMTM กติกาโหดสุด ๆ ตกรอบไปแล้ว ไม่มีโอกาสกลับมา ทำให้ต้องลุ้น ไม่มีเผื่อใจว่าคนที่ชอบจะกลับมาได้อีกไหม แถมผู้ฝึกสอนต้องเป็นคนตัดสินผู้เข้าแข่งขันตกรอบด้วยตัวเอง ความผูกพันที่ทำงานร่วมกันมา มันยากที่จะทำใจได้ ดราม่าสุด ๆ
ส่วน RP มีโอกาสกลับมาเสมอด้วยหมวกทอง ทำให้มันไม่ต้องกังวลอะไรมากเมื่อมีคนตกรอบ แถมยังมีช่วง 8 บาร์หนีตาย มาช่วยไปอีก ทำให้ดูได้แบบชิว ๆ และการให้คนอื่นที่ไม่ใช่ผู้ฝึกสอนตัดสินผู้เข้าแข่งขันให้ตกรอบ มันก็ให้ความรู้สึกเฉย ๆ
ที่รายการ SMTM ไม่ประสบความสำเร็จ เป็นเพราะมีผู้ฝึกสอนที่ไม่มีประสบการณ์ในเพลงแรพ อย่างแจ๊ส นี่ไม่สมควรอย่างยิ่งเลย เพราะมีประสบการณ์เพลงไม่กี่ปี ยังไม่มากพอที่จะใช้คำว่าผู้ฝึกสอนได้ และ เป้ วงมายด์ ที่ตัดสินค้านสายตาหลายครั้ง เอาความชอบตัวเองมาปนกับงานบ่อย ๆ และกติกาบางข้อที่ออกแบบมาไม่ยุติธรรม เช่นตอนรอบ ring of fire ที่บอกว่าใครที่มี pass แม้ว่า 1 pass ก็คือผ่านทุกคน แต่ตอนหลังดันมาแก้ว่าใคร pass มากกว่าชนะ ทำให้เกิดดราม่ารุนแรงมาก ที่มาเปลี่ยนกติกาภายหลัง แต่ผมเชื่อมั่นว่า ถ้ารายการเปลี่ยนตัวผู้ฝึกสอนใหม่ และสร้างกติกาที่ชัดเจน รายการนี้จะต้องดังแน่นอน
SMTM ปีก่อนที่ว่าแย่แล้ว ผมยังดูครบทุกตอนเลย เพราะรูปแบบรายการสนุก ตอนแรกคิดว่าจะเลิกดู แต่พอหลับตาแล้วนึกถึงความสนุก จึงกัดฟันดูต่อ แม้รู้ว่าผู้ฝึกสอนและกติกาจะแย่แค่ไหนก็ตาม แต่เพราะรูปแบบรายการทำให้ดูต่อได้
ส่วน RP ปี 2 ผมฝืนดูมาตลอด สนุกเพราะผู้เข้าแข่งขันไม่กี่คนเท่านั้น รูปแบบรายการไม่สนุกเลย เพราะมันซ้ำกับปีก่อนเกือบทุกอย่าง จนกระทั่ง ฟิต มิตร ด้าม ตกรอบ ผมก็เลิกดูเลย ไม่มีอะไรน่าสนใจจริง ๆ ปีนี้