เปิดตัวกันไปในไทยเรียบร้อยสำหรับเรือธง OPPO รุ่น Reno 10x Zoom เรือธงกล้องโหดซูมได้ 60 เท่า พร้อมสเปคที่จัดเต็มอย่างแรง Snapdragon 855 เป็นรุ่นที่จัดเต็มที่สุดของค่ายเลย และครั้งนี้เราขอเอามารีวิวให้ชมกันหน่อย สำหรับรีวิวนี้เป็นรุ่นพรีเมี่ยมของค่ายที่ห่างหายไปนานตั้งแต่ FindX ก่อนหน้านี้และครั้งนี้ก็กลับมาจัดเต็มกว่าเดิม สานต่อการออกแบบไร้ติ่งจากรุ่นพี่และพัฒนาเรื่องกล้องเพิ่มเข้ามา ดีไซน์ที่แปลกใหม่กว่าเดิม สเปคที่ดีกว่าเดิม และระบบหน้าตาที่ใหม่กว่าเดิมสำหรับ OPPO RENO ครั้งนี้จัดเต็มมาก เปิดตัวมา 2 รุ่น คือรุ่น ปกติ OPPO Reno และ OPPO Reno 10X ZOOM รุ่นท็อป เราจะมารีวิวเป็นรุ่นท็อปกันครับสำหรับรอบนี้ จัดเต็มสุดๆกันไปเลยรีวิวนี้
สำหรับรุ่น OPPO RENO 10X Zoom นั้นเป็นรุ่นพรีเมี่ยมมากๆ ในตอนนี้เลยแหละเปิดตัวมาด้วยจุดเด่นเยอะมากๆที่ยัดเข้ามาในเครื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประสิทธิภาพ CPU สเปคที่จัดเต็มด้วย Snapdragon 855 ใช้งาน RAM 8GB และความจุจัดเต็ม 256GB ส่วนเรื่องกล้องก็จัดเต็มมา 3 ตัว รองรับมุมกว้าง และที่เด่นๆคือเลนส์แบบพิเศษ ที่รองรับการซูม 10X แบบคมชัด Hybrid Zoom และ สูงสุดถึง 60X Digital Zoom มากที่สุดในตลาดตอนนี้ ส่วนเรื่องดีไซน์นั้นก็เป็นจุดเด่นนึงในการออกแบบหน้าจอแบบไม่มีติ่ง Panoramic full-screen AMOLED หน้าจอเต็มตาและดีไซน์กล้องหน้าแบบ Pivot Rising ขึ้นมาแบบครีบฉลาม แปลกใหม่มากๆครับ และจุดเด่นยังคงมีมาคือ VOOC Flash Charge 3.0 ที่ชาร์จไวมากๆครับ และเรื่องสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอต่างๆอะไรนั้นจัดเต็ม
OPPO RENO 10X ZOOM เปิดตัวในไทยมาในสเปค RAM 8GB STORAGE 256 GB มาพร้อมกับ 2 สีหลักๆ OCEAN GREEN, JET BLACK เปิดราคาในไทยที่ 28,990 บาท
UNBOX
แกะกล่องกันหน่อยกล้องมาในโทนสีขาว ออกแบบนั้นจะคล้ายๆกับเป็นรูปด้านหลังของเครื่อง Reno ไว้ ทั้งตำแหน่งกล้องต่างๆ เส้นตรงกลาง พร้อมเล่นกับแสง เป็นสีรุ้งสวยงามกล่องดูยาวๆครับแปลกตาดีเหมือนกัน แต่ดูหรูเอาเรื่อง
- ตัวเครื่อง OPPO RENO10X ZOOM
- เคสสีดำด้าน
- ฟิล์มกันรอยติดมาให้จากโรงงาน
- หูฟัง USB-C
- สายชาร์จ USB – C
- Adaptor ชาร์จไฟ VOOC 3.0
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
เคสในรุ่นนี้นั้นทำออกมาค่อนข้างดูดีเลยแหละ จากที่รุ่นก่อนๆนั้น จะเป็นวัสดุแบบ ซิลิโคน TPU ใสๆนิ่มๆไม่มีลวดลายอะไรแต่ในรุ่นนี้มีการเปลี่ยนมาใช้เคสแบบด้านและทึบ วัสดุนิ่มเหมือนกันแต่มีความหนาพอสมควร เคสนั้นจะเปิดด้านหลังเป็นช่องยาวๆไว้ตามการออกแบบเครื่อง ปกป้องเลนส์กล้องได้ดีครับ เพราะกล้องหลังไม่ได้นูนออกมา ส่วนด้านบนนั้นจะเปิดเว้นว่างไว้เลยสำหรับกล้องหน้าแบบ ครีบฉลามขึ้นมาครับ อาจจะต้องระวังส่วนนี้นิดหน่อย แต่ดีที่รุ่นนี้มีระบบ Free-Fall Detection เทคโนโลยีที่จะปกป้อง Pivot Rising Camera เมื่อโทรศัพท์ตกกล้องด้านบนก็จะเลื่อนเก็บโดยอัตโนมัติ ส่วนหน้าจอนั้นปกป้องได้นิดหน่อยครับ เวลาวางคว่ำนั้นก็ไม่โดนหน้าจออะไรครับ มีฟิล์มกันรอยแบบปกติมาให้แล้วบนหน้าจอครับ ถือว่าปกป้องได้ค่อนข้างรอบด้าน
DESIGN
การออกแบบรุ่นนี้ถือว่าทำได้ดีเลยแหละ แตกต่างและโดดเด่น ไม่ได้เหมือนใครหรือเลียนแบบใคร ซึ่งทำได้ดีมากๆในรุ่นพรีเมี่ยมครั้งนี้ จากรุ่นก่อนหน้า FindX ก็ทำได้ดีในเรื่องการออกแบบ ในรุ่นนี้ก็ทำได้ดีไม่ผิดหวังอีกครั้ง ส่วนหลังจากที่ได้จับถือนั้นสัมผัสแรกๆเลยคือมันค่อนข้างหนักและหนา ถ้าใครเคยใช้มือถือเล็กๆบางเบามาอาจจะรู้สึกได้ครับแอบหนักไปนิดหน่อยสำหรับรุ่นนี้ น้ำหนัก 210 กรัม สำหรับตัวนี้ ส่วนเรื่อง วัสดุนั้นเรียบเนียนมากๆงานประกอบโคตรดีเลยแหละ ส่วนเรื่องการออกแบบสีฝาหลังนั้นทำได้ดีไล่สีสวยงามทั้งสีดำและสีเขียว จะมีการเล่นกับแสงนิดหน่อยสวยมากๆ
หน้าจอรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอแบบเต็มตา AMOLED Panoramic Screen 6.6 นิ้ว แต่ยังเป็น Full HD+ (1080×2340 พิกเซล : 387 ppi) อัตราส่วน19.5:9 สัดส่วนจอแสดงผลที่ 93.1% และรองรับ DCI-P3 รวมถึง HDR 10+ ความถี่ 60Hz ปกติครับรุ่นนี้ ส่วนกระจกนั้นใช้ของ Gorilla Glass 6 ตัวล่าสุดกันเลยสำหรับรุ่นนี้
ด้านขอบบนหน้าจอนั้นจะไม่มีอะไรเลย กล้องหน้าเซนเซอร์ ลำโพงได้ถูกซ่อนไปทั้งหมด ขอบด้านบนนั้นจะมีการเว้นช่องลำโพงสำหรับคุยไว้ส่งผ่านมาจากกล้องหน้าที่เลื่อนขึ้นลงได้ และเซนเซอร์ ฝังใต้หน้าจอทั้งหมดเลยครับโหดมาก
เมื่อเปิดใช้งานกล้องหน้าขึ้นมานั้นจะเป็นที่อยู่ของกล้องหน้า 16MP และ ลำโพงสนทนา มีโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน รวมถึงติดตั้ง Proximity Sensor ที่ติดตั้งไว้ในส่วนตรงนี้ด้วยครับ การทำงานของกล้องหน้านั้นจะเอียงแบบครีบฉลามแปลกมากๆแต่ทำได้ไวและดูแข็งแรงกว่าแบบเดิมเยอะเลยแหละ
ขอบด้านล่างนั้นถือว่าทำได้บางขึ้นเรื่องๆ ขอบหน้าจอส่วนล่างนั้นจะออกแบบได้ยากมากๆที่จะทำได้บางแต่รุ่นนี้ก็ถือว่าบางกว่ารุ่นอื่นๆอยู่เหมือนกัน การควบคุมนั้นเป็นแบบเต็มหน้าจอ หรือจะเป็นปุ่มปกติก็สามารถเลือกได้เช่นกัน
มากันที่ขอบเครื่องด้านบนนั้นจะเห็นว่าเป็นส่วนที่กล้องหน้านั้นจะขึ้นมา และ รูไมค์สำหรับตัดเสียงก็อยู่ตรงส่วนนั้นด้วย และตรงขอบหน้าจอสีดำนั้นจะเห็นว่าตรงกลางมีเว้าๆเข้าไปเพื่อจะเป็นช่องสำหรับเสียงส่งมาจากตรงกล้องหน้านั้นเอง
ขอบเครื่องด้านขวานั้นจะเป็นส่วนที่ปุ่ม Power อยู่ ยังคงมีขีดสีเขียวเข้ามาในส่วนนี้ทำให้มองเห็นได้ชัดแบบเดียวกับรุ่นอื่นๆที่ออกมา และรองรับการทำงานเรียกเป็น Google Assistant ได้ด้วยนะ
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง ไม่มีถาดซิมนะครับเพราะ ช่องใส่นั้นไว้ด้านล่างแล้ว ส่วนความหนาก็มีพอสมควรในรุ่นนี้น่าจะต้องใส่กล้องที่เลื่อนขึ้นลงนั้นแหละ และวัสดุเป็นแบบด้านโทนเดียวกับฝาหลัง
ขอบด้านล่างเครื่องกันบ้าง ส่วนนี้จะเป็นที่อยู่ของ ถาดซิมแบบ Hybrid Slot นะครับ และ ช่อง Type-C และ รูไมค์ รวมถึง ลำโพงหลักของตัวเครื่องในด้านนี้ ซึ่งลำโพงรุ่นนี้จะเป็นแบบคู่ ทำงานร่วมกันกับขอบบนหน้าจอครับ
ด้านหลังเครื่องกันบ้าง ใช้การออกแบบ แนวคิดแบบ Symmetry Design คือการออกแบบโดยคำนึงถึงความงามอย่างสมมาตร และ สมดุล แบบไร้รอยต่อ การออกแบบฝาหลังนั้นสวยงามมีการเล่นไล่สีสวยงามซึ่งเครื่องรีวิวที่ได้มาเป็นสีดำ จะเป็นวัสดุแบบเงาสวยงามมีการเล่นสี เหลื่อมๆเล็กน้อยถ้าโดนแสงครับ ซึ่งเป็นสีเดียวที่เงาอีกสีจะเป็นสีด้านครับ ซึ่งสีดำนั้นจะออกเทาๆนิดหน่อยถือว่าเป็นสีที่สวยนะเรียบๆแต่ดูมีอะไรเมื่อสะท้อนแสงครับ และเส้นกลางเครื่องก็เป็นแนวเดียวกัน พร้อมกับเขียนชื่อแบรนด์และ Design by OPPO ไว้ด้วยครับ
ตรงส่วนของกล้องนั้นมาพร้อมกับกล้อง 3 ตัวในแนวตั้งที่ตรงกลาง และ ไฟแฟลชนั้นจะไปอยู่ตรงส่วนของ Pivot Rising ที่ขึ้นมาจากข้างบนครับ กล้องหลัง 48MP f1.7 + เทเล แบบ Periscope 13 MP f3.0 + มุมกว้าง 8 MP f2.2 เซนเซอร์รับภาพ Sony IMX586 ในตัวหลักครับ และ โฟกัสทำงานแบบ Laser ร่วมกับ PDAF และถ้ามองดีๆจะเห็นว่ามี ปุ่มกลมๆ ใต้กล้องสี่เหลี่ยม และไมค์ นั้นจะเรียกว่า O-Dot ซึ่งทำมาจากเซรามิก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ปกป้องเลนส์กล้องหลังโดยยกตัวเครื่องด้านหลังให้สูงขึ้นจากพื้นเล็กน้อย ไม่ให้ฝาหลังนั้นสัมผัสกับพื้นทำให้ไม่เป็นรอยด้วยถือว่าแปลกดีเหมือนกันครับแนวคิดนี้
O-DOT ป้องกันฝาหลังส่วนบนได้แบบล้ำๆ
จุดเซรามิก O-Dot ที่เห็นเม็ดๆกลมๆนั้นไม่ใช่ปุ่มพิเศษอะไร แต่มันคือความล้ำของการออกแบบที่รุ่นนี้ฝาหลังนั้นเรียบไปกับตัวกล้องง่ายๆเหมือนกับเอากล้องไปซ่อนไว้ในฝาหลังแน่นอนว่าทำแบบนี้เลนส์เป็นรอยง่ายๆแน่ จึงทำให้มีการออกแบบที่ใส่ใจเข้ามาของจุดนี้ คือการใช้ปุ่มกลมๆที่จะทำหน้าที่ยกตัวเครื่องส่วนบนขึ้นมาและทำให้ไม่เป็นรอยในส่วนเลนส์ด้านบนเลย คือออกแบบได้ว้าวมากและใช้งานจริงจากที่วางมันก็ช่วยได้จริงๆครับดูจากภาพข้างบนได้เลย
SPEC
- ระบบ Android 9 ครอบด้วย ColorOS 6
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FullHD+
- CPU Snapdragon 855 + GPU Adreno 640
- RAM 8GB STORAGE 256GB
- กล้องหลัง 3 ตัว 48MP f/1.7มีกันสั่น OIS + เลนส์ระยะเทเล รองรับสูงสุด 5x ความละเอียด 13MP f/3.0 มีกันสั่น OIS , ระบบโฟกัส PDAF + - เลนส์ Ultrawide 8MP f/2.2 Fix Focus
- กล้องหน้า Rivot Rising ความละเอียด 16MP f/2.0
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac
- Bluetooth 5.0, USB-C
- ไม่มี รูหูฟัง 3.5 มม.
- สแกนนิ้วบนหน้าจอ
- แบตเตอรี่ 4065 mAh รองรับชาร์จไว VOOC 3.0
- มาพร้อม 2 สี Ocean Green, Jet Black
- ขนาด 162.0มม.*77.2มม.*9.3มม. 210กรัม
PERFORMANCE
ในเรื่องของประสิทธิภาพนั้น ในรุ่นนี้นั้นต้องบอกว่าจัดเต็มสุดๆของ OPPO ครั้งนี้ทำได้ดีมากๆใช้ CPU ตัวแรงสุด Snapdragon 855 และ ใช้ RAM 8GB LPDDR4x ร่วมกับ Storage 256GB UFS 2.1 เรียกได้ว่าครบๆเหลือๆ ในส่วนของคะแนนนั้น Antutu กันก่อนเลยทำไปได้ 357059 คะแนน และส่วนของ GeekBench นั้นทำไปได้ คะแนน 3119 และ 11122 สมกับ Snapdegon 855 และ หน่วยความจำไม่พลาดกับ UFS 2.1 แต่เรื่องความปลอดภัย ยังได้ DRM L1 นะครับทำให้ดู Netflix แบบ HD ได้นั้นเอง และ เรื่องระบบระบายความร้อนก็ทำได้ดีพอสมควรครับ ทั้งตัวแผ่นกราไฟท์ และยังมีท่อทองแดง และเจลระบายความร้อน เข้ามาช่วยในเรื่องระบายความร้อนของตัวเครื่องด้วย
[SR] รีวิว OPPO RENO 10X ZOOM ตัวแรง SNAP 855 กล้องโหดซูมจัดเต็ม 60X
เปิดตัวกันไปในไทยเรียบร้อยสำหรับเรือธง OPPO รุ่น Reno 10x Zoom เรือธงกล้องโหดซูมได้ 60 เท่า พร้อมสเปคที่จัดเต็มอย่างแรง Snapdragon 855 เป็นรุ่นที่จัดเต็มที่สุดของค่ายเลย และครั้งนี้เราขอเอามารีวิวให้ชมกันหน่อย สำหรับรีวิวนี้เป็นรุ่นพรีเมี่ยมของค่ายที่ห่างหายไปนานตั้งแต่ FindX ก่อนหน้านี้และครั้งนี้ก็กลับมาจัดเต็มกว่าเดิม สานต่อการออกแบบไร้ติ่งจากรุ่นพี่และพัฒนาเรื่องกล้องเพิ่มเข้ามา ดีไซน์ที่แปลกใหม่กว่าเดิม สเปคที่ดีกว่าเดิม และระบบหน้าตาที่ใหม่กว่าเดิมสำหรับ OPPO RENO ครั้งนี้จัดเต็มมาก เปิดตัวมา 2 รุ่น คือรุ่น ปกติ OPPO Reno และ OPPO Reno 10X ZOOM รุ่นท็อป เราจะมารีวิวเป็นรุ่นท็อปกันครับสำหรับรอบนี้ จัดเต็มสุดๆกันไปเลยรีวิวนี้
สำหรับรุ่น OPPO RENO 10X Zoom นั้นเป็นรุ่นพรีเมี่ยมมากๆ ในตอนนี้เลยแหละเปิดตัวมาด้วยจุดเด่นเยอะมากๆที่ยัดเข้ามาในเครื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประสิทธิภาพ CPU สเปคที่จัดเต็มด้วย Snapdragon 855 ใช้งาน RAM 8GB และความจุจัดเต็ม 256GB ส่วนเรื่องกล้องก็จัดเต็มมา 3 ตัว รองรับมุมกว้าง และที่เด่นๆคือเลนส์แบบพิเศษ ที่รองรับการซูม 10X แบบคมชัด Hybrid Zoom และ สูงสุดถึง 60X Digital Zoom มากที่สุดในตลาดตอนนี้ ส่วนเรื่องดีไซน์นั้นก็เป็นจุดเด่นนึงในการออกแบบหน้าจอแบบไม่มีติ่ง Panoramic full-screen AMOLED หน้าจอเต็มตาและดีไซน์กล้องหน้าแบบ Pivot Rising ขึ้นมาแบบครีบฉลาม แปลกใหม่มากๆครับ และจุดเด่นยังคงมีมาคือ VOOC Flash Charge 3.0 ที่ชาร์จไวมากๆครับ และเรื่องสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอต่างๆอะไรนั้นจัดเต็ม
OPPO RENO 10X ZOOM เปิดตัวในไทยมาในสเปค RAM 8GB STORAGE 256 GB มาพร้อมกับ 2 สีหลักๆ OCEAN GREEN, JET BLACK เปิดราคาในไทยที่ 28,990 บาท
UNBOX
แกะกล่องกันหน่อยกล้องมาในโทนสีขาว ออกแบบนั้นจะคล้ายๆกับเป็นรูปด้านหลังของเครื่อง Reno ไว้ ทั้งตำแหน่งกล้องต่างๆ เส้นตรงกลาง พร้อมเล่นกับแสง เป็นสีรุ้งสวยงามกล่องดูยาวๆครับแปลกตาดีเหมือนกัน แต่ดูหรูเอาเรื่อง
- ตัวเครื่อง OPPO RENO10X ZOOM
- เคสสีดำด้าน
- ฟิล์มกันรอยติดมาให้จากโรงงาน
- หูฟัง USB-C
- สายชาร์จ USB – C
- Adaptor ชาร์จไฟ VOOC 3.0
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
เคสในรุ่นนี้นั้นทำออกมาค่อนข้างดูดีเลยแหละ จากที่รุ่นก่อนๆนั้น จะเป็นวัสดุแบบ ซิลิโคน TPU ใสๆนิ่มๆไม่มีลวดลายอะไรแต่ในรุ่นนี้มีการเปลี่ยนมาใช้เคสแบบด้านและทึบ วัสดุนิ่มเหมือนกันแต่มีความหนาพอสมควร เคสนั้นจะเปิดด้านหลังเป็นช่องยาวๆไว้ตามการออกแบบเครื่อง ปกป้องเลนส์กล้องได้ดีครับ เพราะกล้องหลังไม่ได้นูนออกมา ส่วนด้านบนนั้นจะเปิดเว้นว่างไว้เลยสำหรับกล้องหน้าแบบ ครีบฉลามขึ้นมาครับ อาจจะต้องระวังส่วนนี้นิดหน่อย แต่ดีที่รุ่นนี้มีระบบ Free-Fall Detection เทคโนโลยีที่จะปกป้อง Pivot Rising Camera เมื่อโทรศัพท์ตกกล้องด้านบนก็จะเลื่อนเก็บโดยอัตโนมัติ ส่วนหน้าจอนั้นปกป้องได้นิดหน่อยครับ เวลาวางคว่ำนั้นก็ไม่โดนหน้าจออะไรครับ มีฟิล์มกันรอยแบบปกติมาให้แล้วบนหน้าจอครับ ถือว่าปกป้องได้ค่อนข้างรอบด้าน
DESIGN
การออกแบบรุ่นนี้ถือว่าทำได้ดีเลยแหละ แตกต่างและโดดเด่น ไม่ได้เหมือนใครหรือเลียนแบบใคร ซึ่งทำได้ดีมากๆในรุ่นพรีเมี่ยมครั้งนี้ จากรุ่นก่อนหน้า FindX ก็ทำได้ดีในเรื่องการออกแบบ ในรุ่นนี้ก็ทำได้ดีไม่ผิดหวังอีกครั้ง ส่วนหลังจากที่ได้จับถือนั้นสัมผัสแรกๆเลยคือมันค่อนข้างหนักและหนา ถ้าใครเคยใช้มือถือเล็กๆบางเบามาอาจจะรู้สึกได้ครับแอบหนักไปนิดหน่อยสำหรับรุ่นนี้ น้ำหนัก 210 กรัม สำหรับตัวนี้ ส่วนเรื่อง วัสดุนั้นเรียบเนียนมากๆงานประกอบโคตรดีเลยแหละ ส่วนเรื่องการออกแบบสีฝาหลังนั้นทำได้ดีไล่สีสวยงามทั้งสีดำและสีเขียว จะมีการเล่นกับแสงนิดหน่อยสวยมากๆ
หน้าจอรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอแบบเต็มตา AMOLED Panoramic Screen 6.6 นิ้ว แต่ยังเป็น Full HD+ (1080×2340 พิกเซล : 387 ppi) อัตราส่วน19.5:9 สัดส่วนจอแสดงผลที่ 93.1% และรองรับ DCI-P3 รวมถึง HDR 10+ ความถี่ 60Hz ปกติครับรุ่นนี้ ส่วนกระจกนั้นใช้ของ Gorilla Glass 6 ตัวล่าสุดกันเลยสำหรับรุ่นนี้
ด้านขอบบนหน้าจอนั้นจะไม่มีอะไรเลย กล้องหน้าเซนเซอร์ ลำโพงได้ถูกซ่อนไปทั้งหมด ขอบด้านบนนั้นจะมีการเว้นช่องลำโพงสำหรับคุยไว้ส่งผ่านมาจากกล้องหน้าที่เลื่อนขึ้นลงได้ และเซนเซอร์ ฝังใต้หน้าจอทั้งหมดเลยครับโหดมาก
เมื่อเปิดใช้งานกล้องหน้าขึ้นมานั้นจะเป็นที่อยู่ของกล้องหน้า 16MP และ ลำโพงสนทนา มีโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน รวมถึงติดตั้ง Proximity Sensor ที่ติดตั้งไว้ในส่วนตรงนี้ด้วยครับ การทำงานของกล้องหน้านั้นจะเอียงแบบครีบฉลามแปลกมากๆแต่ทำได้ไวและดูแข็งแรงกว่าแบบเดิมเยอะเลยแหละ
ขอบด้านล่างนั้นถือว่าทำได้บางขึ้นเรื่องๆ ขอบหน้าจอส่วนล่างนั้นจะออกแบบได้ยากมากๆที่จะทำได้บางแต่รุ่นนี้ก็ถือว่าบางกว่ารุ่นอื่นๆอยู่เหมือนกัน การควบคุมนั้นเป็นแบบเต็มหน้าจอ หรือจะเป็นปุ่มปกติก็สามารถเลือกได้เช่นกัน
มากันที่ขอบเครื่องด้านบนนั้นจะเห็นว่าเป็นส่วนที่กล้องหน้านั้นจะขึ้นมา และ รูไมค์สำหรับตัดเสียงก็อยู่ตรงส่วนนั้นด้วย และตรงขอบหน้าจอสีดำนั้นจะเห็นว่าตรงกลางมีเว้าๆเข้าไปเพื่อจะเป็นช่องสำหรับเสียงส่งมาจากตรงกล้องหน้านั้นเอง
ขอบเครื่องด้านขวานั้นจะเป็นส่วนที่ปุ่ม Power อยู่ ยังคงมีขีดสีเขียวเข้ามาในส่วนนี้ทำให้มองเห็นได้ชัดแบบเดียวกับรุ่นอื่นๆที่ออกมา และรองรับการทำงานเรียกเป็น Google Assistant ได้ด้วยนะ
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเป็นที่อยู่ของปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง ไม่มีถาดซิมนะครับเพราะ ช่องใส่นั้นไว้ด้านล่างแล้ว ส่วนความหนาก็มีพอสมควรในรุ่นนี้น่าจะต้องใส่กล้องที่เลื่อนขึ้นลงนั้นแหละ และวัสดุเป็นแบบด้านโทนเดียวกับฝาหลัง
ขอบด้านล่างเครื่องกันบ้าง ส่วนนี้จะเป็นที่อยู่ของ ถาดซิมแบบ Hybrid Slot นะครับ และ ช่อง Type-C และ รูไมค์ รวมถึง ลำโพงหลักของตัวเครื่องในด้านนี้ ซึ่งลำโพงรุ่นนี้จะเป็นแบบคู่ ทำงานร่วมกันกับขอบบนหน้าจอครับ
ด้านหลังเครื่องกันบ้าง ใช้การออกแบบ แนวคิดแบบ Symmetry Design คือการออกแบบโดยคำนึงถึงความงามอย่างสมมาตร และ สมดุล แบบไร้รอยต่อ การออกแบบฝาหลังนั้นสวยงามมีการเล่นไล่สีสวยงามซึ่งเครื่องรีวิวที่ได้มาเป็นสีดำ จะเป็นวัสดุแบบเงาสวยงามมีการเล่นสี เหลื่อมๆเล็กน้อยถ้าโดนแสงครับ ซึ่งเป็นสีเดียวที่เงาอีกสีจะเป็นสีด้านครับ ซึ่งสีดำนั้นจะออกเทาๆนิดหน่อยถือว่าเป็นสีที่สวยนะเรียบๆแต่ดูมีอะไรเมื่อสะท้อนแสงครับ และเส้นกลางเครื่องก็เป็นแนวเดียวกัน พร้อมกับเขียนชื่อแบรนด์และ Design by OPPO ไว้ด้วยครับ
ตรงส่วนของกล้องนั้นมาพร้อมกับกล้อง 3 ตัวในแนวตั้งที่ตรงกลาง และ ไฟแฟลชนั้นจะไปอยู่ตรงส่วนของ Pivot Rising ที่ขึ้นมาจากข้างบนครับ กล้องหลัง 48MP f1.7 + เทเล แบบ Periscope 13 MP f3.0 + มุมกว้าง 8 MP f2.2 เซนเซอร์รับภาพ Sony IMX586 ในตัวหลักครับ และ โฟกัสทำงานแบบ Laser ร่วมกับ PDAF และถ้ามองดีๆจะเห็นว่ามี ปุ่มกลมๆ ใต้กล้องสี่เหลี่ยม และไมค์ นั้นจะเรียกว่า O-Dot ซึ่งทำมาจากเซรามิก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ปกป้องเลนส์กล้องหลังโดยยกตัวเครื่องด้านหลังให้สูงขึ้นจากพื้นเล็กน้อย ไม่ให้ฝาหลังนั้นสัมผัสกับพื้นทำให้ไม่เป็นรอยด้วยถือว่าแปลกดีเหมือนกันครับแนวคิดนี้
O-DOT ป้องกันฝาหลังส่วนบนได้แบบล้ำๆ
จุดเซรามิก O-Dot ที่เห็นเม็ดๆกลมๆนั้นไม่ใช่ปุ่มพิเศษอะไร แต่มันคือความล้ำของการออกแบบที่รุ่นนี้ฝาหลังนั้นเรียบไปกับตัวกล้องง่ายๆเหมือนกับเอากล้องไปซ่อนไว้ในฝาหลังแน่นอนว่าทำแบบนี้เลนส์เป็นรอยง่ายๆแน่ จึงทำให้มีการออกแบบที่ใส่ใจเข้ามาของจุดนี้ คือการใช้ปุ่มกลมๆที่จะทำหน้าที่ยกตัวเครื่องส่วนบนขึ้นมาและทำให้ไม่เป็นรอยในส่วนเลนส์ด้านบนเลย คือออกแบบได้ว้าวมากและใช้งานจริงจากที่วางมันก็ช่วยได้จริงๆครับดูจากภาพข้างบนได้เลย
SPEC
- ระบบ Android 9 ครอบด้วย ColorOS 6
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FullHD+
- CPU Snapdragon 855 + GPU Adreno 640
- RAM 8GB STORAGE 256GB
- กล้องหลัง 3 ตัว 48MP f/1.7มีกันสั่น OIS + เลนส์ระยะเทเล รองรับสูงสุด 5x ความละเอียด 13MP f/3.0 มีกันสั่น OIS , ระบบโฟกัส PDAF + - เลนส์ Ultrawide 8MP f/2.2 Fix Focus
- กล้องหน้า Rivot Rising ความละเอียด 16MP f/2.0
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac
- Bluetooth 5.0, USB-C
- ไม่มี รูหูฟัง 3.5 มม.
- สแกนนิ้วบนหน้าจอ
- แบตเตอรี่ 4065 mAh รองรับชาร์จไว VOOC 3.0
- มาพร้อม 2 สี Ocean Green, Jet Black
- ขนาด 162.0มม.*77.2มม.*9.3มม. 210กรัม
PERFORMANCE
ในเรื่องของประสิทธิภาพนั้น ในรุ่นนี้นั้นต้องบอกว่าจัดเต็มสุดๆของ OPPO ครั้งนี้ทำได้ดีมากๆใช้ CPU ตัวแรงสุด Snapdragon 855 และ ใช้ RAM 8GB LPDDR4x ร่วมกับ Storage 256GB UFS 2.1 เรียกได้ว่าครบๆเหลือๆ ในส่วนของคะแนนนั้น Antutu กันก่อนเลยทำไปได้ 357059 คะแนน และส่วนของ GeekBench นั้นทำไปได้ คะแนน 3119 และ 11122 สมกับ Snapdegon 855 และ หน่วยความจำไม่พลาดกับ UFS 2.1 แต่เรื่องความปลอดภัย ยังได้ DRM L1 นะครับทำให้ดู Netflix แบบ HD ได้นั้นเอง และ เรื่องระบบระบายความร้อนก็ทำได้ดีพอสมควรครับ ทั้งตัวแผ่นกราไฟท์ และยังมีท่อทองแดง และเจลระบายความร้อน เข้ามาช่วยในเรื่องระบายความร้อนของตัวเครื่องด้วย
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้