นิทานพื้นบ้านไทย วรรณกรรม หรือ โศกนาฏกรรม?

           ทั้งเรื่อง ปลาบู่ทอง นางสิบสอง ศรีธนญชัย สังข์ทอง ขุนช้างขุนแผน พระอภัยมณี อุทัยเทวี ฯลฯ ที่เคยเป็นบทเรียนให้เราเรียนกันในสมัยเด็ก แต่ละเรื่องนี่จัดว่าโคตรโหดเลย  นิทานไทยทำไมมันถึงโหดร้ายได้ขนาดนี้ การศึกษาไทยต้องการจะสื่ออะไรเรา? นี่เราเรียนอะไรกันอยู่? หรือว่ามันมีการแฝงอะไรบางอย่างที่เราเข้าไม่ถึง? ส่วนตัวคิดว่าที่มีประโยชน์น่าจะเป็นในแง่ของการได้เรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คนในสมัยก่อน การได้เรียนรู้โคลงกลอนที่มีคำสละสลวยของกวี คำราชาศัพท์หรือคำยากในเรื่อง หรือ ด้านภาษาที่เป็นกาพย์กลอนในรูปแบบต่างๆกันออกไปแล้วแต่เรื่อง ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ในแง่ศีลธรรมนี่ไม่ต้องพูดถึง ทั้งฆ่ากัน ทั้งใช้ความรุนแรง ทั้งพระเอกแต่ละเรื่องส่วนใหญ่มีเมียไม่ต่ำกว่า 1 คน เราให้เด็กเรียนวิชาพุทธศาสนาปลูกฝังเด็กเรื่องศีล 5 ข้อ แต่ในวิชาภาษาไทยที่เราเรียนวรรณกรรมพื้นบ้าน หรือวรรณคดี ต่างๆ ทั้งฆ่ากันอย่างเลือดเย็น ทั้งผิดศีลแทบจะ 5 ข้อเลย มันดูย้อนแย้งชอบกล  ส่วนเรื่องความเพลิดเพลินสนุกสนานนั้น..ถ้าดูหรืออ่านแบบไม่คิดอะไรมากมันก็พอสนุกอยู่หรอกนะ555 
          ที่ตลกร้ายคือ สมัยเด็กๆ เรากลับรู้สึกสนุกสนานไปกับเรื่องราวเหล่านั้นไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องโหดร้ายทารุณอะไรเลย บางคนอาจจะแอบสะใจนิดๆซะด้วยซ้ำ  มันเหมือนเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกที่มีความรุนแรงแบบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ อย่างศรีธนญชัย ที่ไปโกงใครหลายต่อหลายคน แถมยังฆ่าน้องอย่างเลือดเย็น ควักเอาไส้ เครื่องในมาตาก  ผู้ใหญ่บอกว่าฉลาด เป็นคนที่กลายมาเป็นตัวเอก แล้วเปิดให้เด็กดู...นางสิบสองที่โดนควักลูกตา แถมยังกินลูกตัวเอง พระสังข์ที่ตัดจมูกตัดหูบรรดาเขย เพื่อนแลกกับเนื้อกับปลา ปลาบู่ทองนี่ยิ่งแล้วใหญ่ โดยเฉพาะในตอนจบที่นางร้ายโดนสั่งประหารชีวิตแล้วไปทำปลาร้า ส่งไปให้พ่อกับแม่ตัวเองกิน และมีอีกหลายเรื่องเลยที่เป็นทำนองเดียวกัน แต่ตอนเสพตอนอ่าน เรากลับรู้สึกสนุกกัน มิหนำซ้ำยังกลายมาเป็นนิทานก่อนนอนไปกลายๆด้วยซ้ำ
         สำหรับเรานี่มันสยองยิ่งกว่าหนังสยองขวัญหรือหนังฆาตกรรมหลายๆเรื่องอีก แต่กลายเป็นว่าเราโตมากับอะไรแบบนี้ ชินกับอะไรแบบนี้ สนุกสนานไปกับเนื้อเรื่องจนมองข้ามความโหดร้ายต่างๆไปซะงั้น อย่างนิทานกริมส์ที่โหดๆยังพอเข้าใจได้ว่ามีการปรับแต่งเนื้อเรื่องให้ดูโลกสวยไม่โหดร้ายเหมือนต้นฉบับ  แต่สำหรับนิทานพื้นบ้านไทยในบทเรียนก็ยังคงเป็นอย่างนั้นอยู่ เราควรให้เด็กอ่านหรือดูเรื่องพวกนี้เป็นนิทานสอนใจหรือนิทานที่เล่าสนุกๆ ก่อนนอนจริงๆหรือ? หรือที่ไม่ปรับเปลี่ยนอะไรเพราะแค่ว่าทำแบบนี้มานานแล้ว เรียนกันแบบนี้มานานแล้ว? ส่วนเรื่องการอนุรักษ์ด้านวรรณกรรมหรือวรรณคดีกลัวว่านิทานพวกนี้จะหายไปอันนี้ก็ตอบยากเพราะมีหลากหลายแง่มุมมากๆ แต่มันสมควรที่จะมาอยู่ในบทเรียนสำหรับเด็กแล้วจริงๆหรือ?
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่