โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ดูหนังเยอะมาก และดูได้ทุกแนว ชอบหนังที่แฝงข้อคิดและมีคำคมปรัชญาดีๆเป็นพิเศษ
ซึ่งเรารู้สึกว่าเรื่องนี้มันแอบแฝงอะไรหลายอย่างได้ดีที่เดียว เลยอยากเขียนถึงค่ะ
- Long Shot (2019) เป็นหนังรัก ตลก แฝงการเสียดสีบรรทัดฐานของสังคม ต่อการวางตัวของว่าที่ผู้นำประเทศ -
กระทู้นี้ เป็นวิเคราะห์ข้อคิดจากหนัง Long Shot (2019) ค่ะ
** มี Spoil อีกเช่นเคยนะคะ ไม่อยากเจอสปอยด์กดปิดไปน้า **
[ประเภท] Drama, Romantic Comedy, Politic
[เรื่องย่อ] นางเอกเป็นผู้หญิงที่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดี พระเอกเป็นนักเขียนวิจารณ์ข่าวที่มาช่วยเขียนบทพูดและได้กลายมาเป็นคนรัก ที่ต้องผ่านอุปสรรคสังคมและการเมืองมากมาย
[ความน่าสนใจ] หนังรักแนวหมามองเครื่องบิน เป็นหนังที่ผสมการเมืองและความโรแมนติกอย่างลงตัว ดูสนุก ได้ข้อคิดดี แม้จะดูว่าชีวิตจริงไม่น่าเป็นไปได้ แต่ดูแบบไม่ต้องคิดมาก จะได้อะไรดีๆเยอะค่ะ
การเป็นทั้งผู้นำและคนรักที่ดีมันยาก การเป็นคนรักของผู้นำหญิงก็ยากอีก จะเอาใจทุกคนก็ยากอีกอะแหละ
อะไรๆก็ดูยากไปหมด แต่ถ้าคิดจะรักกันแล้ว ต้องเชื่อมั่นและจับมือฝ่าฟันกันไปให้ได้
ข้อคิดจากหนังก็ตามนี้เลย
1.
คนที่ได้โอกาสและอำนาจมาในมือกลับไม่ทำสิ่งที่ควร คนที่ไม่มีโอกาสต้องขวนขวายเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
นางเอกสมัยเรียนเป็นนักกิจกรรมตัวยง มีความคิดดีๆที่จะรักษาโลก ทำโปรเจคหาเสียงเป็นประธานนักเรียนกลับต้องมาแพ้หนุ่มฮอตของโรงเรียน เพราะหล่อแค่นั้น
โตมานางเอกพยายามมาถึงขั้นเป็น รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศและมีความฝันเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา นางเอกมีโปรเจคพัฒนาสิ่งแวดล้อมดีๆ แต่ขัดผลประโยชน์ของนายทุน
ในขณะที่ประธานาธิบดีปัจจุบันไม่ได้สนใจอะไร ใช้ความเป็นประธานาธิบดีเพื่อจะได้มีชื่อเสียงไต่เต้าไปแสดงหนังเท่านั้น ไม่ได้สนประชาชนอย่างจริงจัง และจับมือกับนายทุนบอกให้นางเอกล้มเลิกโปรเจคนั้นทิ้งซะ
2.
การลวนลามสตรีด้วยวาจาและท่าทางไม่ใช่เรื่องตลก
ผู้หญิงไม่สมควรเป็นประธานาธิบดีจริงหรือ?
ในหนังจะเห็นหลายฉากที่ รายการทีวีนั้นชอบเอารูปร่างนางเอกมาล้อเลียน ใส่มุกตลก เพราะนางเอกเป็นคนสวย ซึ่งเราควรมองความคิด ทัศนคติและผลงานมากกว่า นางเอกแทบไม่มีเวลานอน ต้องออกกำลังกายไปพร้อมกับทำหน้าที่หลายๆอย่าง ซ้ำยังต้องสู้กับคำดูถูกในการจะมาเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกอีก
3.
จงอย่าเจ้าตัดสินผู้อื่น จงมองเนื้อแท้ความดีของผู้นั้น -_-
ในเรื่องนี้ แฝงความขัดแย้ง ทั้งความที่พระเอกเป็นยิว เพื่อนของพระเอก เป็นคนผิวดำที่นับถือพระเจ้า แม้แต่ฝ่ายการเมืองที่ขัดแย้งกันแต่เพื่อนพระเอกไม่เคยพูดถึงเลย ซ้ำเพื่อนที่แสนดีให้กำลังใจพระเอกมาตลอด ทั้งยังสอนวิธีคิดดีๆช่วยให้พระเอกตาสว่างจากปัญหาหลายครั้ง พอพระเอกรู้ถึงกับไม่พอใจหาว่ายัดเยียดแนวคิดจากหลักคำสอนของศาสนาที่ตนดูถูก “ That is why I don’t tell you, because you are so judgmental.” เพราะแบบนั้นเพื่อนถึงไม่ยอมบอกพระเอกเพราะรู้นิสัยพระเอกดี ถ้าไม่รู้ จะมองกันแง่ลบไหม? เราควรเคารพความเชื่อและไม่ดูถูกผู้อื่น ตราบใดที่เขายังดีกับเรา
4.
“ฉันไม่อยากทำงานนี้อีกแล้ว ทุกครั้งที่ทำมันจะหายไป”
คำพูดของนางเอกเวลาท้อแท้ ซึ่งจริงมากๆหลายครั้งที่คนเรามีความคิดดีๆ โปรเจคดีๆ แต่ถูกปัจจัยภายนอกทำให้มันพังลงไปดื้อๆ จนรู้สึกไม่อยากริเริ่มทำอะไรอีก มันเหนื่อยและรู้สึกเหมือนตัวตนถูกทำลาย
5.
ตามใจคนอื่น เพื่อผลประโยชน์ จนไม่เป็นตัวของตัวเอง
นางเอกต้องใส่หน้ากากหลายครั้ง ทำวางมาด ทำตัวเพอร์เฟ็คตลอด จากผลโพลของประชาชน ต้องเป๊ะแม้แต่ท่าทางการยิ้มหรือการโบกมือ พยายามทำตัวให้คนอื่นชอบเพื่อรักษาคะแนนเสียงตลอดเวลา
6.
อย่าตัดสินความรักของผู้อื่น อย่าตัดสินคนรักของคนอื่น <3
นางเอกกับพระเอกมีฐานะที่ต่างกัน พระเอกเป็นนักเขียนบทความ ในเรื่องเลขาของนางเอกสื่อว่า ไม่มีใครยอมรับได้หรอก นางเอกเป็นถึงผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี คะแนนหาเสียงจะลดเพราะ คู่ครองที่เห่ยและไม่เข้ากัน พระเอกไม่ได้เป็นคนเพอร์เฟคแต่เข้าใจนางเอกดี เพราะรู้จักนางเอกตั้งแต่เด็ก อยู่ด้วยแล้วสบายใจ พระเอกไม่เคยห้ามนางเอกเลยแม้แต่เวลานางเอกอยากทำอะไรแย่ๆเพื่อระบายความเครียด ซ้ำกลับอยู่เคียงข้างเสมอ และทำความเข้าใจ นั่นคือสิ่งที่พระเอกต่างจากคนอื่น นางเอกบอกกับเลขาว่า “ I don’t need to ask for acceptation. You are almost across the line.”
7.
จะยอมเป็นตัวของตัวเอง หรือจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนอื่น ^_^
นางเอกถูก blackmail ที่มีความสัมพันธ์กับพระเอกเห่ยๆ โดยใช้โปรเจคที่สำคัญเยี่ยงชีวิตนางเอกเป็นคำขู่ นางเอกจึงให้ข้อเสนอกับพระเอกสองทางคือ ให้พระเอกไปชุบย้อมตัวเองมาก่อน แต่งตัวดูดี เข้าสังคมได้ หรือจะเลิกกันไป พระเอกตอนแรกบอกให้โกหกตัวเองแบบนั้นไม่ได้หรอก มันไม่ใช่ตัวเขาเลย ขอเลิกละกัน แต่สุดท้ายก็ส่งข้อความไปหานางเอกว่า ให้ยอมเปลี่ยนตัวเองก็ได้ ตราบใดที่ยังได้คบกัน
8.
เคารพความเชื่อของตัวเองในการทำสิ่งที่ถูก หรือยอมแพ้ให้กับอำนาจ 🤔

นางเอกตัดสินใจแสดงจุดยืนตัวเอง เปิดโปงแผน blackmail ของประธานาธิบดีปัจจุบันกับนายทุน และเปิดเผยคนรักของตัวเองต่อหน้าสื่อ ก่อนที่จะโดน blackmail นางเอกแสดงว่า เธอและเขาพร้อมที่จะรับความเสี่ยง เพื่อที่จะยังได้เป็นตัวของตัวเอง เพราะเราเป็นมนุษย์ ไม่ควรจะต้องมาอับอายในเรื่องพฤติกรรมธรรมชาติของมนุษย์ แม้สังคมจะไม่ค่อยยอมรับก็ตาม
เขียนมายาวมาก หนังนอกสายตาของใครหลายๆคนแต่ได้ข้อคิดดีๆจบในเรื่องเดียว
ส่วนตัวให้คะแนนเรื่องนี้ 7/10 ค่ะ
ออกโรงไปแล้ว แต่ก็แนะนำให้หาดูกันเนอะ
[CR] -WingTip- วิเคราะห์ Long Shot (2019) หนังรักเสียดสีการเมืองและสังคม [Spoiled Alert]
นางเอกสมัยเรียนเป็นนักกิจกรรมตัวยง มีความคิดดีๆที่จะรักษาโลก ทำโปรเจคหาเสียงเป็นประธานนักเรียนกลับต้องมาแพ้หนุ่มฮอตของโรงเรียน เพราะหล่อแค่นั้น
โตมานางเอกพยายามมาถึงขั้นเป็น รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศและมีความฝันเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา นางเอกมีโปรเจคพัฒนาสิ่งแวดล้อมดีๆ แต่ขัดผลประโยชน์ของนายทุน
ในขณะที่ประธานาธิบดีปัจจุบันไม่ได้สนใจอะไร ใช้ความเป็นประธานาธิบดีเพื่อจะได้มีชื่อเสียงไต่เต้าไปแสดงหนังเท่านั้น ไม่ได้สนประชาชนอย่างจริงจัง และจับมือกับนายทุนบอกให้นางเอกล้มเลิกโปรเจคนั้นทิ้งซะ
2. การลวนลามสตรีด้วยวาจาและท่าทางไม่ใช่เรื่องตลก
ในหนังจะเห็นหลายฉากที่ รายการทีวีนั้นชอบเอารูปร่างนางเอกมาล้อเลียน ใส่มุกตลก เพราะนางเอกเป็นคนสวย ซึ่งเราควรมองความคิด ทัศนคติและผลงานมากกว่า นางเอกแทบไม่มีเวลานอน ต้องออกกำลังกายไปพร้อมกับทำหน้าที่หลายๆอย่าง ซ้ำยังต้องสู้กับคำดูถูกในการจะมาเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกอีก
3.จงอย่าเจ้าตัดสินผู้อื่น จงมองเนื้อแท้ความดีของผู้นั้น -_-
ในเรื่องนี้ แฝงความขัดแย้ง ทั้งความที่พระเอกเป็นยิว เพื่อนของพระเอก เป็นคนผิวดำที่นับถือพระเจ้า แม้แต่ฝ่ายการเมืองที่ขัดแย้งกันแต่เพื่อนพระเอกไม่เคยพูดถึงเลย ซ้ำเพื่อนที่แสนดีให้กำลังใจพระเอกมาตลอด ทั้งยังสอนวิธีคิดดีๆช่วยให้พระเอกตาสว่างจากปัญหาหลายครั้ง พอพระเอกรู้ถึงกับไม่พอใจหาว่ายัดเยียดแนวคิดจากหลักคำสอนของศาสนาที่ตนดูถูก “ That is why I don’t tell you, because you are so judgmental.” เพราะแบบนั้นเพื่อนถึงไม่ยอมบอกพระเอกเพราะรู้นิสัยพระเอกดี ถ้าไม่รู้ จะมองกันแง่ลบไหม? เราควรเคารพความเชื่อและไม่ดูถูกผู้อื่น ตราบใดที่เขายังดีกับเรา
4. “ฉันไม่อยากทำงานนี้อีกแล้ว ทุกครั้งที่ทำมันจะหายไป”
คำพูดของนางเอกเวลาท้อแท้ ซึ่งจริงมากๆหลายครั้งที่คนเรามีความคิดดีๆ โปรเจคดีๆ แต่ถูกปัจจัยภายนอกทำให้มันพังลงไปดื้อๆ จนรู้สึกไม่อยากริเริ่มทำอะไรอีก มันเหนื่อยและรู้สึกเหมือนตัวตนถูกทำลาย
5. ตามใจคนอื่น เพื่อผลประโยชน์ จนไม่เป็นตัวของตัวเอง
นางเอกต้องใส่หน้ากากหลายครั้ง ทำวางมาด ทำตัวเพอร์เฟ็คตลอด จากผลโพลของประชาชน ต้องเป๊ะแม้แต่ท่าทางการยิ้มหรือการโบกมือ พยายามทำตัวให้คนอื่นชอบเพื่อรักษาคะแนนเสียงตลอดเวลา
6. อย่าตัดสินความรักของผู้อื่น อย่าตัดสินคนรักของคนอื่น <3
นางเอกกับพระเอกมีฐานะที่ต่างกัน พระเอกเป็นนักเขียนบทความ ในเรื่องเลขาของนางเอกสื่อว่า ไม่มีใครยอมรับได้หรอก นางเอกเป็นถึงผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี คะแนนหาเสียงจะลดเพราะ คู่ครองที่เห่ยและไม่เข้ากัน พระเอกไม่ได้เป็นคนเพอร์เฟคแต่เข้าใจนางเอกดี เพราะรู้จักนางเอกตั้งแต่เด็ก อยู่ด้วยแล้วสบายใจ พระเอกไม่เคยห้ามนางเอกเลยแม้แต่เวลานางเอกอยากทำอะไรแย่ๆเพื่อระบายความเครียด ซ้ำกลับอยู่เคียงข้างเสมอ และทำความเข้าใจ นั่นคือสิ่งที่พระเอกต่างจากคนอื่น นางเอกบอกกับเลขาว่า “ I don’t need to ask for acceptation. You are almost across the line.”
7. จะยอมเป็นตัวของตัวเอง หรือจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนอื่น ^_^
นางเอกถูก blackmail ที่มีความสัมพันธ์กับพระเอกเห่ยๆ โดยใช้โปรเจคที่สำคัญเยี่ยงชีวิตนางเอกเป็นคำขู่ นางเอกจึงให้ข้อเสนอกับพระเอกสองทางคือ ให้พระเอกไปชุบย้อมตัวเองมาก่อน แต่งตัวดูดี เข้าสังคมได้ หรือจะเลิกกันไป พระเอกตอนแรกบอกให้โกหกตัวเองแบบนั้นไม่ได้หรอก มันไม่ใช่ตัวเขาเลย ขอเลิกละกัน แต่สุดท้ายก็ส่งข้อความไปหานางเอกว่า ให้ยอมเปลี่ยนตัวเองก็ได้ ตราบใดที่ยังได้คบกัน
8. เคารพความเชื่อของตัวเองในการทำสิ่งที่ถูก หรือยอมแพ้ให้กับอำนาจ 🤔
นางเอกตัดสินใจแสดงจุดยืนตัวเอง เปิดโปงแผน blackmail ของประธานาธิบดีปัจจุบันกับนายทุน และเปิดเผยคนรักของตัวเองต่อหน้าสื่อ ก่อนที่จะโดน blackmail นางเอกแสดงว่า เธอและเขาพร้อมที่จะรับความเสี่ยง เพื่อที่จะยังได้เป็นตัวของตัวเอง เพราะเราเป็นมนุษย์ ไม่ควรจะต้องมาอับอายในเรื่องพฤติกรรมธรรมชาติของมนุษย์ แม้สังคมจะไม่ค่อยยอมรับก็ตาม
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้