>>> VI ซื้อหุ้นดูที่มูลค่าหุ้น ไม่ใช่ index ..!! !! ----by กวี ชูกิจเกษม <<<

กระทู้สนทนา
แนวคิด "การลงทุน" อย่างถูกต้อง และ ที่มีประโยชน์ ก็ต้องศึกษาจาก VI ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย..
ตลาดตอนนี้.. หุ้นถูกหรือแพง..?  VI เค้าคิดกันยังไง..?  ฟังแนวคิดคุณกวี ที่นี่..!!
ขอแชร์ครับ เพื่อประโยชน์แก่สังคมส่วนรวม นักลงทุนทุกท่าน..
...
...

+++ VI ซื้อหุ้นดูที่มูลค่าหุ้น ไม่ใช่ index +++

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปเดินซื้อของที่ร้านกีฬาแห่งหนึ่งในห้าง ติดป้ายหน้าร้านว่าลดสูงสุด 70% อดไม่ได้ขอเข้าไปดูหน่อย ถามเซลล์ที่โซนเสื้อกีฬาว่าตัวไหนลด 70% เขาชี้ไปที่แขวนเสื้อมุมเล็กๆ มีประมาณ 3 แบบ แบบละไม่กี่ไซส์ ถามเขาอีกทีว่าทั้งแผนกเสื้อกีฬามีลด 70% แค่นี้เองเหรอ เขาบอกครับ ได้แต่อมยิ้มแล้วก็เดินจากไป อีกตัวอย่างหนึ่งในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ไม่มีเขียนลดราคาทั้งห้างสูงสุด 70% แต่ผมเหลือบไปเห็นพัดลมไอเย็นตั้งอยู่ ติดลดราคา 50% แถมผ่อนได้ 0% 10 เดือน เฮ้ยเดือนก่อนตอนที่อากาศร้อนมากๆ ยังหาซื้อไม่ได้อยู่เลย ตอนนั้นเซลล์บอกของหมดต้องรอ ซื้อยี่ห้ออื่นก่อนไหมพี่ แต่ราคาแพงหน่อยนะ ช่วงนี้ของขาด เราก็เดินออกมา ของแพงซื้อทำไม

ผมให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ VI คิดนิดนึงครับเรื่องนี้บอกอะไรเราเรื่องการลงทุนในตลาดหุ้น

SET index ก็คงเหมือนราคาสินค้าทั้งห้างโดยรวม เวลา SET index ลง ก็เหมือนห้างโฆษณาว่าลดราคาสินค้าทั้งห้างสูงสุด 70% แต่บางครั้งสินค้า (หุ้น) ที่เราอยากซื้อไม่เห็นลงมาเลย หรือลงมาไม่ถึงราคาที่เราอยากซื้อ ในทางกลับกันขณะที่ SET index ไม่ลงเลยบางที่ขึ้นด้วยซ้ำ เหมือนห้างไม่ได้โฆษณาเลยว่าสินค้าจะลดทั้งห้างสูงสุด 70% แต่มีสินค้าบางอย่าง (หุ้นบางตัว) กลับราคาลงมาจนน่าซื้อมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในฐานะ VI เราต้องจ้องสินค้า (หุ้น) ของเราให้ดี ราคาลงมาเมื่อไร น่าสนใจก็เข้าซื้อ ไม่จำเป็นต้องรอช่วงโฆษณาลดราคาทั้งห้างหรือไม่ต้องรอให้ SET index ลงมาก่อน เพราะมีคนถามผมเยอะมากเลยว่า SET index ระดับไหนควรเข้าซื้อหุ้น ผมตอบไม่ได้จริงๆ แต่ผมรู้ว่ามีสินค้า (หุ้น) ที่น่าสนใจนะ ไม่ว่าระดับดัชนีจะอยู่ตรงไหน อ้าวแบบนี้ก็มีคำถามอีก แบบนี้ต้องตามตลาดหุ้นทุกวันเลยเหรอ ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ แค่พวกคุณต้องมี list ในใจว่าคุณควรจะมีหุ้นอะไรอยู่ในพอร์ต จะได้เฝ้าดูเฉพาะหุ้นที่เราอยากได้จริง ไมต้องมานั่งรอเขาลดราคาทั้งห้างก่อน ค่อยเข้าห้างมาช๊อปปิ้ง มันไม่ทันนะครับ Warren Buffett เคยบอกว่า ผมทานแฮมเบอร์เกอร์ทุกวัน หากราคาเบอร์เกอร์ 2 ดอลลาร์ผมก็ทาน แต่หากวันไหนราคาเบอร์เกอร์ลดลงมาเหลือ 1 ดอลลาร์ ผมจะดีใจมากที่ได้ของคุณภาพเดิมแต่ราคาถูกลง

ผมยกตัวอย่างให้เห็นชัดขึ้น (แต่ไม่ได้แนะนำว่าหุ้นตัวที่ผมพูดถึงน่าลงทุนนะครับ) เช่นหุ้น CPALL ตอนเดือนมี.ค. 61 ราคาเริ่มลงมาจาก 90 บาท เหลือเพียง 61.50 บาท ในเดือนต.ค. 61 ลงมาถึง 32% ขณะที่ SET index ในช่วงเวลาเดียวกันลดลงมาเพียง 10% MINT ราคาลงมาจาก 45 บาท ในเดือนพ.ย. 2560 จนเหลือ 31.25 บาท ในเดือนพ.ค. 2561 หรือลดลงมา 31% แต่ SET index ในช่วงเวลาเดียวกันแทบไม่ลงเลย อยู่ที่ระดับ 1720 จุด BH ลดลงมาจาก 260 เดือนส.ค.2558 เหลือ 148 บาท ในเดือน มี.ค. 2559 ลงมาตั้ง 48% ขณะที่ SET index ในช่วงเดียวกันปรับเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ ขออีกสักตัวอย่าง จริงๆ มีอีกเยอะ เอาตอนนี้เลยหุ้น CENTEL ราคาลงมาจาก 60 บาท ในเดือนม.ค. 61 เหลิอ 35 บาท ในเดือนพ.ค. 62 หรือลงมา 42% ส่วน SET index ลงมาแค่ 11% (ท่านจะลงทุน CENTEL ตอนนี้ดีไหม ก็ต้องวิเคราะห์กันเองละนะครับ) โดยเหตุผลที่ลงมาของหุ้นแต่ละตัวแตกต่างกันไป แต่หากไม่ได้กระทบต่อพื้นฐานระยะยาว หรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เราไม่ต้องกลัว เหมือนพัดลมไอเย็นลงมา 50% มันก็ยังเป็นพัดลมไอเย็นอยู่ดี ผมก็ซื้อซิ ราคาลงมาตั้ง 50% แหนะ
แล้วผมขอรับรองว่าแม้ SET index จะขึ้นหรือลงจากนี้ไปไม่มีใครรู้หรอก แต่จะมีสินค้า (หุ้น) ที่ราคาลงมาให้เราซื้ออยู่ตลอด ไม่ได้มาบ่อยแต่มาแน่ คนประสบความสำเร็จหรือไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุนตัดสินกันตรงนี้ละครับว่าราคาลงมาแล้วเรายังมั่นใจในตัวบริษัทและกล้าซื้อหรือไม่
ลงทุนอย่างมีความสุขครับ
...
กวี ชูกิจเกษม
24 มิ.ย. 2562

เม่าอ่านเม่ารดน้ำเม่าฝึกจิต
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่