เราเป็นโรคซึมเศร้า รักษามาตั้งแต่ปี 55
รักษามาหลายปีก็ไม่มีอะไรค่ะ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ สาเหตุเกิดจากที่พ่อและแม่ของเราเป็นก่อนจนเกิดเป็นโรคไพโบล่า
เมื่อเราคอยดูแลท่านทั้งสองเลยทำให้เราเป็นซึมเศร้า
แต่เรื่องทุกอย่างที่ทำให้เราไม่อยากมีชีวิตอยู่เกิดขึ้นในปีนี้ (2562) เราทำงานเป็นข้าราชการบรรจุแล้ว
เราเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร คุยได้กับทุกคนแต่ไม่สนิทกับใครเป็นพิเศษ
แผนกของเรามีแต่ผู้หญิง จะชอบนินทาคนอื่น เรารับฟังได้แต่เราไม่ร่วมนินทา (ซึ่งเราคิดว่าอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ทุกคนเกิดเรื่อง)
ล่าสุดนี้คุณแม่ของเราเป็นมะเร็งต้องทำคีโมและนอนโรงพยาบาล อาการแย่ลงสลับกับปกติ ทำให้เราต้องไปเฝ้าบ่อยๆ
เรามาทำงานตอนเช้า ขออนุญาตหัวหน้ากลับก่อน เป็นอย่างนี้บ่อยครั้ง แต่เค้าไม่เคยว่าอะไรเรา เรานึกว่าเค้าเข้าใจ
เพื่อนร่วมงานถามถึงอาการคุณพ่ออยู่ครั้ง ถึงสองครั้ง นอกจากนั้นก็ไม่เคยคุยกับเราอีก
แต่จู่ๆวันนึงหัวหน้าใหญ่โทรไปหาคุณแม่ของเรา(ที่รักษาตัวอยู่ที่ รพ.) เพื่อตรวจสอบว่าแม่เราป่วยจริงไหม แล้วบอกอีกว่าเราไม่ไปทำงานหลายวัน
เนื่องจากคนในแผนกไปใส่ร้ายเราว่าเราไม่มาทำงาน คนในแผนกเอือมระอา แล้วก็อีกหลายๆเรื่องที่พวกเค้าเอาไปนินทากันค่ะ
เรารับไม่ได้จริงๆ เครียดมากๆค่ะ พอพวกเค้ารู้ความจริงว่าเราไม่ได้เกเรแต่ไปเฝ้าแม่จริงๆ พวกเค้าก็ทำเฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากวันนั้น เราเดินไปขออนุญาตหัวหน้าแผนกว่าพรุ่งนี้ขออนุญาตมาทำงานสายนิดนึงเพราะต้องไปนอนเฝ้าแม่ (โรงพยาบาลอยู่ไกล)
แต่เราก็มานะคะ (งานเราไม่เสียเนื่องจากเราเคลียงานเสร็จตลอดก่อนไปค่ะ)
ล่าสุดคือหัวหน้าแผนก ไม่คุยกับเรา ไม่ตอบรับว่าอนุญาตให้ไปหรือไม่ให้ไปหาพ่อ เค้านั่งดูคลิปในยูทูป ไม่พูดอะไรกับเราเลย เราเลยเดินออกมา
เราไม่อยากมีชีวิตอยู่ที่นี่ แต่เราก็ต้องอยู่เพราะเรามีภาระเรื่องพ่อแม่ที่ต้องดูแล
เราอยากลาออกแต่เรากู้เงินสหกรณ์เพื่อไปรักษาแม่ ลงทุนธุรกิจบ้าง เราไม่มีความรู้เรื่องการลาออกจากราชการ
เราอยากเข้มแข็งด้านสภาพจิตใจ แต่เราไม่ไหวจริงๆค่ะ
ความรู้สึกตอนนี้คืออยากลบชีวิตเก่า แล้วเริ่มชีวิตใหม่ (ถ้าทำได้นะคะ)
ไม่อยากมีชีวิตอยู่เลย อยากขอกำลังใจแนวทางแก้ไขกับปัญหาชีวิตค่ะ
รักษามาหลายปีก็ไม่มีอะไรค่ะ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ สาเหตุเกิดจากที่พ่อและแม่ของเราเป็นก่อนจนเกิดเป็นโรคไพโบล่า
เมื่อเราคอยดูแลท่านทั้งสองเลยทำให้เราเป็นซึมเศร้า
แต่เรื่องทุกอย่างที่ทำให้เราไม่อยากมีชีวิตอยู่เกิดขึ้นในปีนี้ (2562) เราทำงานเป็นข้าราชการบรรจุแล้ว
เราเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร คุยได้กับทุกคนแต่ไม่สนิทกับใครเป็นพิเศษ
แผนกของเรามีแต่ผู้หญิง จะชอบนินทาคนอื่น เรารับฟังได้แต่เราไม่ร่วมนินทา (ซึ่งเราคิดว่าอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ทุกคนเกิดเรื่อง)
ล่าสุดนี้คุณแม่ของเราเป็นมะเร็งต้องทำคีโมและนอนโรงพยาบาล อาการแย่ลงสลับกับปกติ ทำให้เราต้องไปเฝ้าบ่อยๆ
เรามาทำงานตอนเช้า ขออนุญาตหัวหน้ากลับก่อน เป็นอย่างนี้บ่อยครั้ง แต่เค้าไม่เคยว่าอะไรเรา เรานึกว่าเค้าเข้าใจ
เพื่อนร่วมงานถามถึงอาการคุณพ่ออยู่ครั้ง ถึงสองครั้ง นอกจากนั้นก็ไม่เคยคุยกับเราอีก
แต่จู่ๆวันนึงหัวหน้าใหญ่โทรไปหาคุณแม่ของเรา(ที่รักษาตัวอยู่ที่ รพ.) เพื่อตรวจสอบว่าแม่เราป่วยจริงไหม แล้วบอกอีกว่าเราไม่ไปทำงานหลายวัน
เนื่องจากคนในแผนกไปใส่ร้ายเราว่าเราไม่มาทำงาน คนในแผนกเอือมระอา แล้วก็อีกหลายๆเรื่องที่พวกเค้าเอาไปนินทากันค่ะ
เรารับไม่ได้จริงๆ เครียดมากๆค่ะ พอพวกเค้ารู้ความจริงว่าเราไม่ได้เกเรแต่ไปเฝ้าแม่จริงๆ พวกเค้าก็ทำเฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากวันนั้น เราเดินไปขออนุญาตหัวหน้าแผนกว่าพรุ่งนี้ขออนุญาตมาทำงานสายนิดนึงเพราะต้องไปนอนเฝ้าแม่ (โรงพยาบาลอยู่ไกล)
แต่เราก็มานะคะ (งานเราไม่เสียเนื่องจากเราเคลียงานเสร็จตลอดก่อนไปค่ะ)
ล่าสุดคือหัวหน้าแผนก ไม่คุยกับเรา ไม่ตอบรับว่าอนุญาตให้ไปหรือไม่ให้ไปหาพ่อ เค้านั่งดูคลิปในยูทูป ไม่พูดอะไรกับเราเลย เราเลยเดินออกมา
เราไม่อยากมีชีวิตอยู่ที่นี่ แต่เราก็ต้องอยู่เพราะเรามีภาระเรื่องพ่อแม่ที่ต้องดูแล
เราอยากลาออกแต่เรากู้เงินสหกรณ์เพื่อไปรักษาแม่ ลงทุนธุรกิจบ้าง เราไม่มีความรู้เรื่องการลาออกจากราชการ
เราอยากเข้มแข็งด้านสภาพจิตใจ แต่เราไม่ไหวจริงๆค่ะ
ความรู้สึกตอนนี้คืออยากลบชีวิตเก่า แล้วเริ่มชีวิตใหม่ (ถ้าทำได้นะคะ)