จะส่งเขาไปอยู่สถานสงเคราะห์เด็กดีมั๊ย..???

กระทู้คำถาม
จะเล่าแบบพอให้ทุกคนเข้าใจน่ะค่ะสั้นๆ คือสามีรับลูกของญาติมาอยู่ด้วยเป็นผู้หญิงหนี่งคนเรียนอยู่ ม.1 พ่อแม่ของเขาแยกทางกันเขาอยูกับพ่อและแม่ใหม่ของเขาแต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่บ้านเขามีปัญหาหรือไม่แต่เท่าที่รู้คือเขาชอบขาด้รียนบ่อยๆตื่นสายไม่มีคนปลุกเพราะพ่อกับแม่เลี้ยงต้องออกไปทำงานแต่เช้าที่บ้านฐานะยากจนก็ว่าได้พอสามีได้ยินข่าวว่าพ่อจะไม่ให้เด็กเรียนแล้วและไล่ให้ไปอยู่ไหนก็ไปเลยอาสารับมาดูแลถ้าไม่ไหวพ่อเขาบอกให้ส่งไปอยู่สงเคราะเลย...!!!!พอรับมาแรกๆก็จัสั่งสอนและตักเตือนเขาว่าอันไหนดีไม่ดีสั่งสอนให้มีระเบียบรู้จักรับผิดชอบตัวเอง..แต่ปรากฏว่าเขาขี้เกียจมากอยากเล่นแต่โทรศัพท์พูดไม่ค่อยฟังบอกยากเลยไม่รู้ว่าจะเลี้ยงดูไปเพื่ออะไรเขาไม่ยอมปรับปรุงตัวเลยเพราะค่าใช้จ่ายทั้งหมดเราเป็นคนรับผิดชอบตอนนี้เลยอยากส่งเขาไปอยู่สงเคราะห์ค่ะ 
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
มีจิตแพทย์เคยพูดไว้ว่า

เด็กที่ดื้อที่สุด เกเรที่สุด คือเด็กที่ต้องการความรักอย่างที่สุด

อย่างแรกคือ ชีวิตเขาเคว้งคว้าง ไม่รู้จะไปทางไหน ไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ดังนั้นจึงต้องพึ่งพาโทรศัพท์ให้เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของตัวเอง

โดยธรรมชาติแล้วเด็กต้องการแม่ ต้องการใครสักคนเป็นหลักในชีวิต แต่ชีวิตของเขา ไม่มีใคร แม่ทิ้ง พ่อพึ่งพาไม่ได้ พาเมียใหม่เข้าบ้าน เขาไม่มีใครจริงๆ สิ่งเดียวที่มีคือโทรศัพท์

ถามว่าทำไมเขาต่อต้าน ดื้อเงียบ คำตอบคือเขารอเวลาว่า เมื่อไรคุณจะทิ้งเขา เหมือนที่แม่ทิ้งเขาไป

คุณมี 2 ทางเลือกค่ะ

1. ส่งน้องไปสถานสงเคราะห์
    คุณเลือกได้ ไม่ผิดเลย เพราะเลี้ยงเด็กคนนึงไม่ง่าย ยิ่งวัยนี้ที่พื้นฐานพัง คุณจะเหนื่อยสาหัสเลย ถ้าไม่พร้อมจริงๆ ส่งเขาไปเถอะค่ะ

2. ถ้าคิดจะเลี้ยงน้องเขาไว้ คุณต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด ซึ่งใช้เวลาและความอดทนอย่างมาก
    เด็กต้องมี "สายสัมพันธ์กับแม่" และ "แม่มีอยู่จริง" (หมายถึงเจ็บ หิว ร้อน เหนื่อย มีแม่อยู่ข้างๆคอยกอดคอยปลอบ และถึงแม่ไม่อยู่ก็ยังระลึกได้ว่าแม่แค่ไปทำงาน เดี๋ยวก็เจอกัน) แต่คุณไม่มีทั้งสองอย่าง ถามว่าสร้างใหม่ได้ไหม ได้ แต่ต้องใช้เวลาและความอดทนอย่างหนักในการสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขา

ตอนนี้เขายึดโทรศัพท์เป็นแม่ ถ้าคุณกับเขาเริ่มมีสายสัมพันธ์กัน ความสำคัญของโทรศัพท์ก็จะลดลง ถ่ายโอนความเป็นแม่มาไว้ที่คุณมากขึ้น แต่ถ้าไม่เริ่มจากการสร้างสายสัมพันธ์ เขาก็จะให้โทรศัพท์เป็นแม่ต่อไป และเมื่อโตขึ้น โทรศัพท์ไม่สามารถเป็นแม่เขาได้ เขาก็จะตามหา "แม่" ไปเรื่อยๆ อาจจะเป็นเหล้า ผู้ชาย รถ เงิน และผลสุดท้ายคือชีวิตเหลวแหลก

ถ้าคิดจะเลี้ยงเขาไว้ต่อไป คุณต้องปรับเปลี่ยนวิธีการพูดคุยกับเขาทั้งหมด โยนเหตุผลต่างๆนานาทิ้งไป เลิกบ่นเลิกจู้จี้ และทำตามนี้

- งานบ้าน - ถ้าอยากให้เขาช่วยงานบ้าน ไม่ต้องพูดมาก แค่ไปแตะมือเขา บอกเขาดีๆว่าช่วยล้างจานหน่อยได้ไหม (แน่นอนว่าอาจออกอาการหงุดหงิด ให้เมินๆไปซะ) แล้ว "ล้างด้วยกัน" คุณอาจจะทำเป็นเช็ดเตา ทำความสะอาดครัวไปพลางๆ (ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ยืนดู นั่งดู เพราะจะกลายเป็น "สั่ง" ทันที) เขาทำเสร็จแล้ว ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ให้บอกขอบคุณ

หลักการเรื่องนี้คือ "ทำด้วยกัน" และการสร้างความรู้สึกการมีคุณค่าของตัวเองให้เขา เพราะคนเราจะต้องเริ่มจากความรู้สึกพื้นฐานที่ว่า เออ ฉันก็ทำได้นะ ฉันมีคุณค่าพอ แต่ทุกวันนี้คือเขาไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรได้ ไม่รู้ว่าตัวเองมีค่า ยิ่งคุณบ่น คุย เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องทำยังไง

การสอนทำงานบ้านให้เริ่มจาก "จับมือทำ - ทำด้วยกัน - ปล่อยให้ทำเอง"

หลักการอีกอย่างคือ "ทำดี ชมทันที ขอบคุณทันที" ทำไม่ดี ให้เพิกเฉย -- แบบนี้จะทำให้เขารู้ว่า เขาทำดีเมื่อไหร่ คุณจะสนใจเขา

โทรศัพท์ คุยให้ชัดเจน ว่าอยู่กับคุณ คุณขอแค่ "ตั้งใจเรียน" กลับมาจะเล่นโทรศัพท์ก็เล่นไป แรกๆปล่อยไปก่อน เอาไว้คุณกับเขาสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้เมื่อไหร่ เขาจะลดการใช้โทรศัพท์เอง

เวลาก่อนนอนหรือเวลาว่าง ชวนอ่านหนังสือ เริ่มจากหนังสือเล่มเล็ก อ่านคนละเล่มก็ได้

พาไปทำงานจิตอาสา

กอด หรือ ลูบหัว การสัมผัสก็เป็นการสร้างความรู้สึกดีๆให้กันได้

สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ พูดให้ชัดเจนว่าอยากให้เขาทำอะไร ไม่ชอบให้ทำอะไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ออกกฏไว้ตั้งแต่แรก พูดให้ชัด น้ำเสียงหนักแน่น เอาจริง ถ้าเขาผิดกฏให้บอก "หยุด" เป็นการเตือนว่าเขากำลังล้ำเส้น แล้วไม่ต้องเทศนาบรรยาย พูดให้สั้น กระชับ เอาแต่เนื้อ ไม่งั้นจะกลายเป็นบ่นซึ่งน่ารำคาญ (เราๆเอายังรำคาญคนบ่นเลยใช่ไหมล่ะ) อย่าคิดว่าเรื่องเล็กๆต้องรู้สิ ต้องเข้าใจสิ แบบนี้ไม่ได้ พูดให้เคลียร์ ตกลงไว้เลยว่าอะไรได้ อะไรไม่ได้


สุดท้าย ถ้าคิดว่าหนทางช่างลำบาก เราก็คิดว่าการส่งน้องไปสถานสงเคราะห์ก็ไม่แปลกค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่