คนนิจิวะ ~ ยังคงติดใจในญี่ปุ่นหลังเพิ่งกลับมา (20- 23 มิถุนายน)
รีวิวนี้ถือเป็นรีวิวที่ 2 ของการเดินทางไปโตเกียว จากครั้งที่แล้วเราเที่ยวในโตเกียว+ฟูจิ แบบ 5 วัน 4 คืน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://pantip.com/topic/38373066
ครั้งนี้เลยอยากไปที่อื่นใกล้ๆ แบบไปเช้า-เย็นกลับ ดูบ้าง จนไปเจอพาสนึงชื่อ Greater Tokyo Pass เพิ่งวางจำหน่ายเมื่อ 1 เมษายน 2018 แต่ยังไม่มีใครรีวิวเลย เราก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง คุ้มค่ามั้ย ครั้งนี้เราเลยเสี่ยง 555 ขอลองใช้ และจะรีวิวแบบไม่อวย กับเจ้าพาสนี้ให้ฟังค่ะ

เจ้า Greater Tokyo Pass สามารถใช้ได้กับรถไฟ Tokyo metro line, Toei transportation รถบัส และสายเอกชน (ยกเว้นเครือ JR) ใช้ขึ้นรถไฟและรถไฟใต้ดินของรัฐและเอกชนในเขตคันโตถึง 12 บริษัท ขึ้นรถประจำทางในโตเกียวและโดยรอบรวมแล้ว 52 บริษัท เป็นตั๋วแบบขึ้น - ลงแบบไม่อั้นเป็นเวลา 3 วัน ย้ำ!! นับเป็นวันนะคะ ไม่ใช่รายชั่วโมง ถ้าวันแรกเริ่มตอนค่ำ ก็นับ 1 วัน เพราะฉะนั้นควรใช้ตั้งแต่เช้า และวางแผนเดินทางแบบแน่นอนจะดีกว่า และการใช้งานบัตรคือยื่นพาสให้เจ้าหน้าที่พร้อม passport ไม่สามารถสอดบัตรที่เครื่องได้ อายุการใช้งานจะถูกปั๊มบนบัตรแบบในรูปค่ะ ตย.เส้นทางทั้งหมดที่ใช้ได้ขอแสดงไว้ใน PDF file นะคะ
https://www.greater-tokyo-pass.jp/tha/pdf/gtp.pdf
ส่วนข้อมูลพื้นฐานของบัตรนี้ มีหลายเว็บไซต์อธิบายไว้แล้วว่า รถไฟสายไหนใช้ได้บ้าง เดินทางไปไหนได้บ้าง ซื้อได้ที่ไหนราคาเท่าไหร่ ใช้ร่วมกับอะไรได้บ้าง รีวิวนี้จะขอตีแผ่ความคุ้มค่าและการใช้งานจริงในเวลา 3 วันที่ซื้อมาให้ฟังค่ะ

ขอยกตัวอย่างข้อมูลที่เคยอ่านมาสัก 2-3 เว็บไซต์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.klook.com/th/blog/greater-tokyo-pass/
https://chillchilljapan.com/greater-tokyo-pass/
https://matcha-jp.com/th/5852

สำหรับพาสนี้ เราซื้อที่ไทยไม่ได้ พอถึงสนามบินนาริตะ Terminal 2 ช่วง 09.05 น. ก็ไปติดต่อซื้อตั๋วที่ Skyliner & Keisei Information Center ตอนแรกพนักงานงงค่ะว่าคือ พาสอะไรเหมือนไม่ค่อยมีคนมาซื้อแน่ๆ สักพักพนักงานอีกคนถึงหยิบมาให้ 55 จากนั้นก็จะปั๊มวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดการใช้งาน พร้อมให้เราเซ็นต์ชื่อให้ตรงกับ passport ในตัวพาสเองจะบอกรายละเอียดของรถไฟสายต่างๆที่เราสามารถใช้งานได้
ต่อไปนี้คือการเริ่มต้นทริปกับเวลาแค่ 3 วัน เราเดินทางไปพร้อมๆกันเลยนะคะ ว่า pass พระเอกของเราจะพาเราไปไหนได้บ้าง.....
วันที่ 1 : Narita Terminal 2 - Asakusa - Kuramae Hotel - Jimbocho meat Ueno - Sensoji Temple - Amayoko - ไก่ Yamachan
เริ่มต้นการเดินทางจากสนามบินนาริตะ สู่สถานี Asakusa ด้วย grater tokyo pass กันค่ะ แน่นอนว่ารถไฟที่เราสามารถไปได้คือ Narita sky Access Line จุดนี้ถ้าเปรียบเทียบกับ Keisei Skyliner ที่ใช้ครั้งที่แล้ว
#ข้อเสีย = ขึ้นยากกว่าเพราะเราต้องรู้ตารางรถไฟที่ตรงจาก Narita → Asakusa แบบไม่ต้องเปลี่ยนสาย ซึ่งไม่ได้มาตลอดและอาจทำให้เราหลงเพราะ Sky Access Line บางขบวนตรงไป Nippori (ดูตัวอย่างเส้นทางสาย Access Line สีส้ม) ในกรณีที่กระเป๋าใบใหญ่แล้วคนเยอะ อาจทำให้ไม่สะดวกสบายเพราะต้องยืนเบียด

สำหรับใครที่ยังกังวลว่าขบวนที่เราขึ้นจะตรงไปถึง Asakusa มั้ย หรือว่าจะตรงไป Nippori สามารถเช็คตารางรถและเวลาได้ที่...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/th/index.php
สำหรับเที่ยวที่เราขึ้นคือรอบ 10.07 รถไฟที่ญี่ปุ่นมาตรงเวลามากก และนี่คือหน้าตาที่นั่งในวันที่คนน้อย มีหลายคนเลือกเดินทางเข้าเมืองด้วยวิธีนี้เช่นกัน

สักพักก็สวนทางกับ Sky Access อีกคันนึง หน้าตาขบวนรถเป็นประมาณนี้ค่ะ

ประมาณ 11.00 น.เราก็มาถึงที่สถานี Asakusa สำหรับการเดินทาง Narita →Asakusa ถ้าไม่ใช้พาส จะราคา 1,290 เยน เดี๋ยวเราจะบวก คชจ.ไปเรื่อยๆนะคะ ว่าคุ้มกับ 7,200 เยน ที่ซื้อไปมั้ย *จุดเริ่มต้นถ้าขึ้นถูกขบวนตรงมาลง Asakusa ได้ ถือว่าสะดวกสบายเลยค่ะ
จากสถานี Asakusa เราพักกันที่สถานี Kuramae ชื่อโรงแรม Hotel Kuramae อันนี้ตอนจองไม่ทันคิด เพราะจองโรงแรมก่อนค่อยคิดมาใช้พาสนี้ทีหลัง จริงๆถ้าพักที่สถานี Asakusa เลยน่าจะสะดวกกว่า แต่เมื่อจองแล้วเราก็ต้องเดินทางกันต่อ โดยนอกจาก Hyperdia กับ Google map ที่ใครหลายคนใช้แล้ว เรายังใช้ app เดิมที่เคยโหลดมาค่ะ คือ NAVITIME

กดเข้าไปเลือกสถานีต้นทาง และปลายทาง ทำให้เรารู้ว่าต้องใช้สาย A = Asakusa Line ตอนนี้เราอยู่ A18 ต้องไป สถานี Kuramae A17 โดยใช้ Platform 1 สำหรับรถไฟ subway Greater Tokyo Pass ครอบคลุมค่ะ เราแค่ยื่นตั๋วพร้อม passport ให้เจ้าหน้าที่สถานีดูเท่านั้นก็เดินผ่านได้เลย (เจ้าหน้าที่งงนิดหน่อย) สงสัยไม่ค่อยมีคนใช้ ตามใน app ราคาจะอยู่ที่ 180 เยน (รวมตอนนี้ 1,290+180 = 1,470 เยน)
ตรงนี้ขออัพเดททางออกที่สถานี Kuramae นะคะ เพราะเห็นหลายคนแนะนำว่าคือ Exit A4 แต่เราว่า Exit A0 ใกล้กว่า ที่สำคัญมันมีลิฟท์!! ออกมามองซ้ายมือจะเจอตึกของโรงแรมสีส้มๆเลยค่ะ

ถ่ายจากฝั่งตรงข้ามโรงแรม เห็นค่อนข้างชัดเจน

เชคอินได้บ่ายสาม เราเลยเลือกฝากกระเป๋าเอาไว้ ล้างหน้าแปรงฟัน แล้วออกไปหาข้าวกินช่วงบ่าย

ช่วงบ่ายเราอยากกินบุฟเฟ่ต์ ปิ้งย่าง เลือกไปเลือกมาจากที่ไทยหลายร้าน จนมาได้ Jimbocho meat center ueno ซึ่งเป็นบุฟเฟ่ต์หมู+ตับ ปิ้งย่าง 45 นาที ราคา 950 เยน วันนี้เราเที่ยวในโตเกียว ดังนั้นเราจะเลือกใช้ subway ที่ greater tokyo pass ครอบคลุม การเดินทางไป ueno จึงเป็นแบบนี้ค่ะ

จากรูป JPY IC ราคา 280 เยน ดังนั้นค่าเดินทางรวมตอนนี้คือ (1,470+ 280 = 1,750 เยน)
เมื่อมาถึง ueno เราก็เปิด google map เดินอีกประมาณ 10 นาที ก็จะเจอร้านค่ะ

ร้านจะอยู่บริเวณชั้น 2 บุฟเฟ่ต์ช่วงกลางวันคือ 11.00 - 14.30 น. วันนี้คนไม่เยอะมาก รอประมาณ 10 นาทีก็ได้กินแล้วว

สำหรับบุฟเฟ่ต์ จะมีให้เลือก 3 เซ็ต เค้าจะเอามาให้เป็นจานๆ อ่านไม่ออกเหมือนกันค่ะ ดูรูปเอา 555 พนักงานบอกต่างกันที่ซอสหมักหมู แต่หมดแล้วสั่งเซ็ตอื่นมาอีกก็ได้


หมูจะเสริฟมาพร้อมกับข้าว น้ำซุปและสลัดหัวหอมใหญ่รสชาติเปรี้ยวๆ ค่ะ



สำหรับร้านนี้โดยรวมสำหรับเรานะคะ คือ ราคาถูกเมื่อเทียบกับบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างร้านอื่น เดินทางง่ายอยู่ไม่ไกลตลาด Ameyoko แต่
#ข้อเสีย คือ ร้านอับมาก ควันเหมือนระบายไม่ทัน อบทั่วห้องแอร์ หมูกินแรกๆอร่อย แต่พอจานที่สองเริ่มเลี่ยน มีแต่มัน ดูได้จากในรูปคือ ขนาดหรี่ไฟต่ำๆแต่พอโดนน้ำมันหมูไฟลุกเลยจ้า หมูไหม้ง่ายมาก ไม่มีน้ำจิ้ม ต้องกินสลัดหัวหอมตัดเลี่ยนเอา กินไปได้แค่คนละ 2 จาน ดีที่ตับเค็มเลยช่วยตัดเลี่ยนได้ เน้นกินกับข้าวค่ะ โดยรวมให้ 8/10 ละกัน ด้วยราคากับคุณภาพที่ได้รับ
พอกินมื้อกลางวันเสร็จ แพลนของเราคือไปช้อปปิ้งที่ Ameyoko กับไปไหว้พระที่ Asakusa กินไอศกรีมชาเขียวเข้มข้น และเมล่อนปัง ถึงแม้เราจะอยู่ใกล้ Ameyoko นะคะ แต่เราเลือกไปวัด sensoji ก่อน เหตุผลคือ 1.วัดจะปิดห้าโมง แต่ Ameyoko ปิด 1 ทุ่ม จะได้ไม่ต้องพะวงเรื่องเวลา และข้อ 2. คือ พอช้อปปิ้งเสร็จจะได้กลับห้องเลย ไม่พะรุงพะรังไปเดินวัด เราเลยเดินทางกันต่อค่ะ

จาก Ueno → Asakusa อีก 170 เยน ตอนนี้ค่าเดินทาง ( 1,750 + 170 = 1,920 เยน) คนยังคงแน่นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

และก็ไม่พลาดที่จะกินไอศกรีมชาเขียวพรีเมี่ยม no.7 ที่เข้มข้นที่สุดในโลก ที่ร้าน Suzukien โคนนี้ราคา 670 เยนค่ะ

สำหรับเรา ไอศกรีมยังคงอร่อยและเข้มข้นเหมือนเดิม เพิ่มเติมวันนี้ได้กินเมล่อนปังแล้วว แต่ถ้าบอกว่ารู้สึกเฉยๆ หวานๆจากน้ำตาลที่โรยมา ขนมปังบ้านเราอร่อยกว่าจะโกรธมั้ย อันละ 200 เยนแหนะ 555

เอาละค่ะ เกือบจะห้าโมงแล้ว กินทั้งคาว ทั้งหวานมาแล้วแบบนี้ เราเลยไปเดินย่อย ด้วยการช้อปปิ้งที่ Ameyoko จาก Asakusa → Ueno อีก 170 เยน ตอนนี้ค่าเดินทาง ( 1,920 + 170 = 2,090 เยน)


สำหรับ Ameyoko อันนี้แล้วแต่ life style การช้อปแต่ละคนเลยนะคะ ส่วนตัวเราเน้นครีมกันแดด ครีมทาผิว ลิปมัน และโฟมล้างหน้า ร้านประจำเราคือ Mutsumoto เราลองเปรียบเทียบราคา สาขาต้นซอย กับ กลางๆซอย ปรากฎว่า ของเหมือนกันราคาไม่เท่ากันคร่าา บางอย่างถูกกว่า บางอย่างแพงกว่า เดินเปรียบเทียบราคาก่อนนะคะ เราลองเดินไปดูดองกี้ด้วย ปรากฎว่าราคาที่ดองกี้แพงสุด 555 ก่อนกลับก็มีแวะไปซื้อขนมและของน่ารักๆที่ Daiso ตึก ABAB จะบอกว่าขนม 100 เยน อร่อยและถูกมาก จะกินเองหรือซื้อฝากก็ได้ค่ะ 😋 พอช้อปจนหอบไม่ไหวเราเลยนั่งรถกลับที่พัก เอาของไปเก็บ+เชคอิน จาก Ueno → Kuramae ราคา 280 เยน ( 2,090+280 = 2,370 เยน)
และนี่คือสภาพห้องพักของเรา เทียบกับครั้งก่อนที่ Hotel MyStay Ueno East มีทั้งข้อดี-ข้อเสีย
ข้อดี คือห้องใหญ่กว่า ราคาถูกกว่า แต่
ข้อเสีย ห้องดูเก่ากว่า ห้องน้ำไม่มีระบบฉีดก้นใดๆ ที่สำคัญปลั๊กเสียบนานกว่า เช่น แบตนานกว่าจะเต็ม ต้มน้ำนานกว่าจะเดือด ที่หนีบผมไม่ยอมร้อน



พอได้อาบน้ำให้สดชื่นก็เริ่มขี้เกียจไปกินไกลๆ เราเลยเลือกกลับไปที่ ueno อีกครั้ง 555 ยื่นตั๋วบ่อยจน พนง.เริ่มจำหน้าได้ หลังๆไม่ตรวจแล้วค่ะให้เดินผ่านเลย สำหรับค่าตั๋ว ไป-กลับ Kuramae → Ueno เที่ยวละ 280 เยน รวม 560 เยน รวมค่าเดินทางวันนี้ทั้งหมด (2,370 + 560 = 2,930 เยน)
มื้อเย็นวันนี้ เราเลือกกินปีกไก่ทอด Yamachan กับเบียร์สด มีสาขาที่ไทยด้วยนะคะ กินนิดหน่อยก็กลับห้องไปนอนเก็บแรงสำหรับวันพรุ่งนี้ได้คร่าา zZ
[CR] ครั้งแรก Greater Tokyo Pass 3 วัน 7,200 เยน เที่ยว Tokyo+Yokohama+Kawagoe
รีวิวนี้ถือเป็นรีวิวที่ 2 ของการเดินทางไปโตเกียว จากครั้งที่แล้วเราเที่ยวในโตเกียว+ฟูจิ แบบ 5 วัน 4 คืน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ครั้งนี้เลยอยากไปที่อื่นใกล้ๆ แบบไปเช้า-เย็นกลับ ดูบ้าง จนไปเจอพาสนึงชื่อ Greater Tokyo Pass เพิ่งวางจำหน่ายเมื่อ 1 เมษายน 2018 แต่ยังไม่มีใครรีวิวเลย เราก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง คุ้มค่ามั้ย ครั้งนี้เราเลยเสี่ยง 555 ขอลองใช้ และจะรีวิวแบบไม่อวย กับเจ้าพาสนี้ให้ฟังค่ะ
ส่วนข้อมูลพื้นฐานของบัตรนี้ มีหลายเว็บไซต์อธิบายไว้แล้วว่า รถไฟสายไหนใช้ได้บ้าง เดินทางไปไหนได้บ้าง ซื้อได้ที่ไหนราคาเท่าไหร่ ใช้ร่วมกับอะไรได้บ้าง รีวิวนี้จะขอตีแผ่ความคุ้มค่าและการใช้งานจริงในเวลา 3 วันที่ซื้อมาให้ฟังค่ะ
ขอยกตัวอย่างข้อมูลที่เคยอ่านมาสัก 2-3 เว็บไซต์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ต่อไปนี้คือการเริ่มต้นทริปกับเวลาแค่ 3 วัน เราเดินทางไปพร้อมๆกันเลยนะคะ ว่า pass พระเอกของเราจะพาเราไปไหนได้บ้าง.....
วันที่ 1 : Narita Terminal 2 - Asakusa - Kuramae Hotel - Jimbocho meat Ueno - Sensoji Temple - Amayoko - ไก่ Yamachan
เริ่มต้นการเดินทางจากสนามบินนาริตะ สู่สถานี Asakusa ด้วย grater tokyo pass กันค่ะ แน่นอนว่ารถไฟที่เราสามารถไปได้คือ Narita sky Access Line จุดนี้ถ้าเปรียบเทียบกับ Keisei Skyliner ที่ใช้ครั้งที่แล้ว #ข้อเสีย = ขึ้นยากกว่าเพราะเราต้องรู้ตารางรถไฟที่ตรงจาก Narita → Asakusa แบบไม่ต้องเปลี่ยนสาย ซึ่งไม่ได้มาตลอดและอาจทำให้เราหลงเพราะ Sky Access Line บางขบวนตรงไป Nippori (ดูตัวอย่างเส้นทางสาย Access Line สีส้ม) ในกรณีที่กระเป๋าใบใหญ่แล้วคนเยอะ อาจทำให้ไม่สะดวกสบายเพราะต้องยืนเบียด
สำหรับใครที่ยังกังวลว่าขบวนที่เราขึ้นจะตรงไปถึง Asakusa มั้ย หรือว่าจะตรงไป Nippori สามารถเช็คตารางรถและเวลาได้ที่...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สำหรับเที่ยวที่เราขึ้นคือรอบ 10.07 รถไฟที่ญี่ปุ่นมาตรงเวลามากก และนี่คือหน้าตาที่นั่งในวันที่คนน้อย มีหลายคนเลือกเดินทางเข้าเมืองด้วยวิธีนี้เช่นกัน
สักพักก็สวนทางกับ Sky Access อีกคันนึง หน้าตาขบวนรถเป็นประมาณนี้ค่ะ
ประมาณ 11.00 น.เราก็มาถึงที่สถานี Asakusa สำหรับการเดินทาง Narita →Asakusa ถ้าไม่ใช้พาส จะราคา 1,290 เยน เดี๋ยวเราจะบวก คชจ.ไปเรื่อยๆนะคะ ว่าคุ้มกับ 7,200 เยน ที่ซื้อไปมั้ย *จุดเริ่มต้นถ้าขึ้นถูกขบวนตรงมาลง Asakusa ได้ ถือว่าสะดวกสบายเลยค่ะ
จากสถานี Asakusa เราพักกันที่สถานี Kuramae ชื่อโรงแรม Hotel Kuramae อันนี้ตอนจองไม่ทันคิด เพราะจองโรงแรมก่อนค่อยคิดมาใช้พาสนี้ทีหลัง จริงๆถ้าพักที่สถานี Asakusa เลยน่าจะสะดวกกว่า แต่เมื่อจองแล้วเราก็ต้องเดินทางกันต่อ โดยนอกจาก Hyperdia กับ Google map ที่ใครหลายคนใช้แล้ว เรายังใช้ app เดิมที่เคยโหลดมาค่ะ คือ NAVITIME
กดเข้าไปเลือกสถานีต้นทาง และปลายทาง ทำให้เรารู้ว่าต้องใช้สาย A = Asakusa Line ตอนนี้เราอยู่ A18 ต้องไป สถานี Kuramae A17 โดยใช้ Platform 1 สำหรับรถไฟ subway Greater Tokyo Pass ครอบคลุมค่ะ เราแค่ยื่นตั๋วพร้อม passport ให้เจ้าหน้าที่สถานีดูเท่านั้นก็เดินผ่านได้เลย (เจ้าหน้าที่งงนิดหน่อย) สงสัยไม่ค่อยมีคนใช้ ตามใน app ราคาจะอยู่ที่ 180 เยน (รวมตอนนี้ 1,290+180 = 1,470 เยน)
ตรงนี้ขออัพเดททางออกที่สถานี Kuramae นะคะ เพราะเห็นหลายคนแนะนำว่าคือ Exit A4 แต่เราว่า Exit A0 ใกล้กว่า ที่สำคัญมันมีลิฟท์!! ออกมามองซ้ายมือจะเจอตึกของโรงแรมสีส้มๆเลยค่ะ
จากรูป JPY IC ราคา 280 เยน ดังนั้นค่าเดินทางรวมตอนนี้คือ (1,470+ 280 = 1,750 เยน)
เมื่อมาถึง ueno เราก็เปิด google map เดินอีกประมาณ 10 นาที ก็จะเจอร้านค่ะ
พอกินมื้อกลางวันเสร็จ แพลนของเราคือไปช้อปปิ้งที่ Ameyoko กับไปไหว้พระที่ Asakusa กินไอศกรีมชาเขียวเข้มข้น และเมล่อนปัง ถึงแม้เราจะอยู่ใกล้ Ameyoko นะคะ แต่เราเลือกไปวัด sensoji ก่อน เหตุผลคือ 1.วัดจะปิดห้าโมง แต่ Ameyoko ปิด 1 ทุ่ม จะได้ไม่ต้องพะวงเรื่องเวลา และข้อ 2. คือ พอช้อปปิ้งเสร็จจะได้กลับห้องเลย ไม่พะรุงพะรังไปเดินวัด เราเลยเดินทางกันต่อค่ะ
จาก Ueno → Asakusa อีก 170 เยน ตอนนี้ค่าเดินทาง ( 1,750 + 170 = 1,920 เยน) คนยังคงแน่นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
และนี่คือสภาพห้องพักของเรา เทียบกับครั้งก่อนที่ Hotel MyStay Ueno East มีทั้งข้อดี-ข้อเสีย ข้อดี คือห้องใหญ่กว่า ราคาถูกกว่า แต่ข้อเสีย ห้องดูเก่ากว่า ห้องน้ำไม่มีระบบฉีดก้นใดๆ ที่สำคัญปลั๊กเสียบนานกว่า เช่น แบตนานกว่าจะเต็ม ต้มน้ำนานกว่าจะเดือด ที่หนีบผมไม่ยอมร้อน
มื้อเย็นวันนี้ เราเลือกกินปีกไก่ทอด Yamachan กับเบียร์สด มีสาขาที่ไทยด้วยนะคะ กินนิดหน่อยก็กลับห้องไปนอนเก็บแรงสำหรับวันพรุ่งนี้ได้คร่าา zZ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้