[CR] พรีวิว Sony Xperia 1 การกลับมาที่โหดขึ้น พร้อมกล้อง 3 ตัว หน้าจอ 4K HDR 21:9


Sony นั้นเรียกได้ว่าเป็นค่ายที่ยังคงมีสาวกค่อนข้างเหนียวแน่นมาโดยตลอด และในรุ่นนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งสำหรับ Xperia 1 และเราจะมาพรีวิวกันก่อนครับตัวนี้ถือว่าน่าสนใจเพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงการออกแบบจากรุ่นก่อนที่เป็นหลังเต่า Ambient Flow ที่กระแสตอบรับอาจจะไม่ได้ดีเท่าไรนัก และการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ใช่แค่ดีไซน์แต่รวมถึงกล้องหลังที่พัฒนาขึ้นร่วมกับทีม Alpha และหน้าจอแบบใหม่อัตราส่วนแบบ 21:9 พร้อม 4K HDR ด้วยถือว่าอะไรหลายๆอย่างนั้นทำออกมาตอบโจทย์สิ่งที่แฟนๆถามหาครับ จะน่าสนใจจริงๆไหม มาชมพรีวิว กันก่อนเลยครับว่าการกลับมาครั้งนี้ของ Sony นั้นจะทำได้ดีแค่ไหนกันสำหรับ SONY XPERIA 1


SONY XPERIA 1 นั้นเปิดตัวมด้วยจุดเด่นที่จัดเต็มเยอะมากๆเป็นการกลับมาที่โหดขึ้นแบบชัดเจนอย่างที่บอกไปหลังจากพวก XZ2 XZ3 นั้นโดนกระแสค่อนข้างเยอะรวมถึงเต่าอ้วนของเรา XZ2 Premium ด้วย แน่นอนว่า SONY ก็ไม่ได้ปล่อยไปแต่ก็พัฒนารุ่นนี้ขึ้นมาและชื่อใหม่เหมือนกับการเริ่มต้นใหม่นับ 1 ใหม่ในชื่อ XPERIA 1 ที่ปรับปรุงทั้ง ดีไซน์ กล้อง หลายๆอย่างที่ดีขึ้นเยอะ ทั้งหน้าจอแบบใหม่ 21:9 4K HDR เป็นเจ้าแรกที่ทำออกมาและยังได้เรื่องคุณภาพที่ตรงแบบ จอ MONITOR เทพๆได้ DCI P3 100% เป๊ะๆกันไปเลย และ กล้องหลังยังมาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว 3 ระยะพร้อมกับ Dual OIS รวมถึงมีเลนส์มุมกว้างเข้ามา และ Focus แบบใหม่รองรับ Eye AF อีกด้วยนั้นเอง ถือว่าเป็นการพัฒนากล้องร่วมกับทีม Alpha ได้ดีมากๆเลยแหละ ส่วนเรื่องอื่นๆสเปคนั้น Snapdragon 855 มาจัดเต็ม RAM 6GB, STORAGE 128 GB ไม่กั๊กแล้ว และกันน้ำ IP68, Gorrilla Glass 6 เป็นอีกรุ่นที่ค่อนข้างครบในแง่ของสเปค และ จัดเต็มกว่ารุ่นก่อนๆเยอะ แต่เสียดายตัดชาร์จไร้สายออกไป และ แบตนั้นมาให้แค่ 3330 mAh อาจจะดูน้อยกันไปหน่อยแต่ยังไงเราต้องมาลองใช้งานกันจริงๆกันอีกทีนึงครับ



สำหรับตัวนี้ยังเป็นเครื่องหิ้ว ราคา 27,500 บาทครับ มาพร้อมทั้งหมด black/grey/purple/white ครบทั้งหมด 4 สีเลยซึ่งสีสวยๆทั้งนั้นเลยแหละครับ


UNBOX

- ตัวเครื่อง SONY XPERIA 1
- สายชาร์จ TYPE-C ไป TYPE-C
- Adaptor PD 18W หัวรับแบบ TYPE-C
- สายแปลง TYPE-C ไป 3.5 มม.
- หูฟัง InEar แบบ 3.5 มม. พร้อมจุก 3 ขนาด
- คู่มือ
- เคสใส TPU


ตัว Adaptor ชาร์จไฟนั้นจะเป็น USB-C สำหรับชาร์จไฟ และมีเขียนบอกชัดเจนว่า USB ไฟจ่ายแบบ Power Delivery กำลังไฟสูงสุดที่ 18W และสายที่ให้มานั้นเป็นสายแบบ USB-C ทั้ง 2 หัวเลยนั้นเองสำหรับเสียบไฟเข้า


ส่วนตัวแปลงนั้นเนื่องจากรุ่นนี้ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. มาให้แล้วจึงต้องใช้ตัวแปลงสำหรับฟังเพลงครับ ซึ่งตัวแปลงนั้นหน้าตาเหมือนของเดิมที่เคยแถมมาก่อนหน้านี้และในเรื่องของคุณภาพเสียงนั้นต้องบอกว่าใกล้กับตัวก่อนหน้าเลย


ทางด้านหูฟังรุ่นนี้มาแบบ 3.5มม. จริงๆถ้าแถมเป็น Type-C นั้นก็น่าจะมีฟีเจอร์หรือคุณภาพที่ดีขึ้นได้แต่ทาง SONY ยังคงแถมมาให้แบบเป็น 3.5มม.หูฟังเป็นแบบ สายไม่เท่ากัน 2 ข้างนะครับ และ มีปุ่มควบคุม 1 ปุ่มตรงตัวสาย



เคสที่แถมมานั้นเป็นเคสแบบ TPU ใสซึ่งก็ถือว่ากระชับกับตัวเครื่องและไม่หนามากเกินไปส่วนเรื่องของการปกป้องนั้นต้องบอกว่าทำได้กลางๆครับตัวเคสนั้นหุ้มครบทั้มหมด 4 ด้านแต่แน่นอนว่าความหนามันไม่ได้มากนักเมื่อเราสังเกตดูว่าฝาหลังตรงเลนส์กล้องนั้นไม่ได้ปกป้องได้ดีเท่าไรตัวเคสนั้นทำออกมาพอดีกับเลนส์ไม่ได้เกินมาปกคลุมเท่าไร



ในส่วนของด้านหน้านั้นเคสคลุมทั้งมาในส่วนขอบหน้าจอได้นิดหน่อยแต่เรื่องของความหนานั้นไม่ได้มากนักทำให้เวลาวางคว่ำของตัวเครื่องนั้นอาจจะโดนหน้าจอได้ถ้าหากไม่ระวัง ส่วนหน้าจอถ้าหากเราติดฟิลม์นั้นจะพอดีแต่ถ้าฟิลม์แบบกระจกนั้นอาจจะเลยกับตัวเคสไปได้ครับ ซึ่งเคสจริงๆอาจจะเหมาะสำหรับคนชอบอะไรบางๆไม่หนักมากนัก


DESIGN

ด้านการออกแบบเป็นการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหลังจากที่รุ่นก่อนหน้านั้นเป็นฝาหลังแบบโค้งๆหลังเต่าหรือเรียกกันว่า Ambient Flow แน่นอนว่ากระแสตอบรับค่อนข้างเงียบและไม่ค่อยโอเคกันเท่าไร แต่มาครั้งนี้ SONY จัดเต็มให้ในการออกแบบที่หลายๆคนชอบคือเหลี่ยมๆตามสไตล์รุ่นก่อนหน้าและผสมผสานการออกแบบจอแบบใหม่ที่ 21:9 และใช้ฝาหลังเรียบๆแล้วนั้นเอง ขอบหน้าจอนั้นไม่มีติ่งสำหรับค่ายนี้และทำขอบได้ค่อนข้างบางพอสมควรเลยแหละ ส่วนเรื่องสแกนนิ้วนั้นกลับมาใช้ตรงสแกนนิ้วขอบข้างเครื่องแล้วแต่น่าเสียดายยังไม่มีสแกนนิ้วบนหน้าจอในค่ายนี้ครับ แต่งานประกอบนั้นยังคงทำได้ดีและแข็งแรงเหมือนเดิมรวมถึงรอยต่อวัสดุและคุณภาพวัสดุยังเป็นสิ่งที่ทำได้ประทับใจ


หน้าจอมาพร้อมกับหน้าจอ อัตราส่วนแบบ 21:9 และ หน้าจอเป็นหน้าจอแบบ OLED 6.5 นิ้ว ความละเอียด 4K CinemaWide ระบบประมวลผลภาพ BRAVIA X1. ด้วยถือว่าเป็นครั้งแรกที่ใช้หน้าจอแบบนี้และยังคงไม่มีติ่งหน้าจอถือว่ารักษาการออกแบบที่ดีไว้ได้ ขอบหน้าจอล่างทำได้บาง แต่ด้านบนนั้นยังมีพอสมควรครับหน้าจอแบนไม่โค้ง


ขอบด้านล่างหน้าจอนั้นทำได้บางขึ้นเยอะเลยเพราะการออกแบบหน้าจอทำได้ดีขึ้นและไปหนาในส่วนข้างบนแทนที่เป็นที่อยู่ขอบพวกลำโพง กล้องหน้าต่างๆ ส่วนปุ่มควบคุมนั้นก็เป็นปกติแบบ Android 9 ครับ


ส่วนขอบด้านบนนั้นจะเห็นว่าหนากว่าด้านอื่นๆด้วยการออกแบบหน้าจอของมันทำให้มาหนาส่วนข้างบนแทนและ เป็นที่อยู่ของไฟแจ้งเตือน Led ที่มุมซ้าย เซนเซอร์ต่างๆ กล้องหน้า ลำโพงตัวที่ 2 พวกนี้ครับยังมีความหนานิดหน่อย


ในส่วนของขอบด้านล่างเครื่องนั้นจะเป็นการออกแบบที่สมมาตรมากขึ้นทั้งหน้าและหลัง เป็นลำโพงหลัก รู Type-C และ ไมค์ครับ ส่วนวัสดุขอบเครื่องนั้นจะเป็นแบบเงาและมีขีดเสาสัญญาณในส่วนนี้ครับ


ในด้านขวาจะเป็นที่อยู่ของปุ่มทั้งหมดทุกอย่างรวมถึงสแกนนิ้ว เริ่มจากด้านล่างก่อนนั้นจะเป็นปุ่ม Shutter มันกลับมาแล้ว และ ถัดมา เป็นปุ่ม Power และ ถัดมาเป็นสแกนนิ้ว ไม่สามารถกดได้ นะครับ แยกกับปุ่ม Power ชัดเจน และ ถัดมาซ้ายสุดจะเปนปุ่ม เพิ่ม – ลดเสียง ของตัวเครื่อง จะเป็นด้านเดียวกันหมดเลยครับสำหรับปุ่มทั้งหมด


ส่วนในด้านซ้ายตัวเครื่อง เรียบมากๆเพราะปุ่มทั้งหมดของตัวเครื่องไปอยู่ด้านขวากันหมดเลยด้านนี้เลยมีแค่พวกขีดเสาสัญญาณ และ เห็นวัสดุเงาๆสวยๆของตัวของเครื่องทั้งหมดครับ ครั้งนี้ฝาหลังไม่นูน ไม่หลังเต่าแล้วนะ



ส่วนขอบด้านบนนั้นจะเป็นที่อยู่ของ รูไมค์ และ ถาดซิมแบบ ใช้มือเปิดได้เลยไม่ต้องจิ้มครับยังคงเป็นข้อดีของค่ายนี้และ เมื่อถอดถามซิม เครื่องไม่รีสตาร์ทตัวเองแล้วนะ รวมถึงมีซีลยางกันน้ำและรองรับ Hybrid Slot ได้ปกติ


ฝาหลังตัวเครื่องมาแบบเรียบๆ มีการเล่นกับแสงนิดหน่อยเวลาอยู่ภายนอกภายในอาคารก็จะเหลือบๆม่วงครับสวยงามเลยแหละ ส่วนฝาหลังนั้นจะมีโค้งตรงมุมเครื่องทำให้จับได้ง่ายไม่ใช่ตัดเหลี่ยมแบบตัวเดิมๆครับ โลโก้ตรงกลาง พร้อมกับ XPERIA ล่างสุด สแกนนิ้วไปด้านข้างแทน ทำให้ฝาหลังนั้นเรียบๆสวยเลยแหละ กล้องหลังมาพร้อม 3 ตัว


ในส่วนของกล้องหลังนั้นยังคงมาพร้อมกับ เซนเซอร์ และ ไฟแฟลชด้านบน และกล้องหลัง 3 ตัววางเรียงแนวตั้ง พร้อมกับมี 3 เลนส์ 3 ระยะ กล้องหลัก f/1.6, ขนาดเซนเซอร์ 1/2.6″ มี OIS กล้องเทเล f/2.4, ขนาดเซนเซอร์ 1/3.4″ มี OISกล้องมุมกว้าง 16mm, f/2.4, ขนาดเซนเซอร์ 1/3.4″, มุมกว้าง 135 องศา ไม่มี OIS ไม่มี AF นะครับเลนส์มุมกว้าง แต่ทั้งหมดมาพร้อมกับความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเท่ากันทั้งหมด จัดเต็มมากๆ


แอบเทียบกับดีไซน์เหลี่ยมๆ เช่น RAZER PHONE 2 กันนิดหน่อยครับ เป็นรุ่นที่หลายๆคนชอบบอกกันว่าคล้ายกับ SONY ยุคก่อนๆ แน่นอนว่า RAZER PHONE 2 มาพร้อมกับอัตราส่วนแบบเก่า 16:9 และ เทียบ XPERIA 1 นั้นความอ้วนหนา แตกต่างกันชัดเจน แต่ความสูงกลับแตกต่างกันไม่มากครับเอาจริงๆ XPERIA 1 จับถนัดกว่าแบบชัดเจนนะ เพราะตัว RAZER PHONE 2 นั้นค่อนข้างอ้วนและเหลี่ยมไป แต่ XPERIA 1 นั้นทำออกมาพอดีมากๆ


SPEC

- ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie + SONY UI
- หน้าจอแสดงผล 4K HDR OLED ขนาด 6.5 นิ้ว ในอัตราส่วน 21:9 ความละเอียด 1644×3840 พิกเซล ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 6
- Qualcomm Snapdragon 855
- RAM ขนาด 6GB
- STORAGE 128GB + microSD สูงสุดที่ 512GB
- กล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียดเท่ากันที่ 12 ล้านพิกเซล / กล้องตัวหลัก ระยะปกติ (F/1.6) เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.6 นิ้ว เม็ดพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน + OIS / กล้องตัวที่สองเลนส์ Telephoto (F/2.4) / กล้องตัวที่สาม Wide-Angle 135 องศา (F/2.4) โหมด Cinema Pro, การตั้งค่าสีแบบ LOOK colour Setting, ฟีเจอร์ Eye AF, Bokeh Effect, ระบบการโฟกัสแบบ Hybrid Autofocus
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาด 1/4 นิ้ว F/2.0
- แบตเตอรี่ความจุ 3330 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จไว USB Power Delivery (USB PD) Fast Charging
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง
- ระบบเสียง Dolby Atmos พร้อม High-Resolution Wireless Audio (LDAC)
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac 4×4 MIMO, Bluetooth 5.0 และ NFC
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- ไม่รองรับ ชาร์จไร้สาย ** ไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม.

ชื่อสินค้า:   Sony Xperia 1
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่