นิพพานหรือธรรมชาติที่เป็น อสังขธาตุ ไม่ไช่ว่าเพียงเข้าใจหรือมีปัญญารับรู้ความหมายยอมรับ แล้วจะเป็นการบรรลุนิพพานนั้นได้

เปรียบเทียบจากง่ายๆ ไปตามลำดับดังนี้....

1.ดังเช่นเราเดินไปเห็นต้นไม้ แล้วเห็นผลไม้ที่สุกกินได้ แต่อยู่สุงสุดมือเอื่อมถึง  ก็ต้องมีวิธีที่ต้องกระทำหาไม้มาสอย หรือต้องปีนขึ้นต้นไม้ 
         เหมือนดังเราเข้าใจมีปัญญายอมรับทุกอย่าง ในเรื่อง นิพพานแล้วแต่จะทำให้บรรลุถึงยังไม่ได้นั้นเอง ซึ่งก็ต้องมีวิธีปฏิบัตธรรมตามที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำสั้งสอนไว้ ตามลำดับลาดลึกละเอียดไปตามลำดับ จนบรรลุธรรมถึงที่สุด...

2.ดังเช่นเรื่องที่ยากขึ้น เรื่อง น้ำ ทุกคนได้เห็นได้สัมผัสมีประสบการตรงอยู่ประจำ และได้เรียนรู้เกี่ยวกับน้ำ คือเป็นของเหลว สามารถละเหยกลายเป็นไอ แล้วกลั่นตัวกลายเป็นเมฆ ตกลงเป็นฝน ตกลงเป็นน้ำดังเดิม... วนเวียนเป็นวัฏฏจักรไปอย่างนั้น

     แต่การจะทำน้ำ ให้ไม่กลายเป็นน้ำ ในส่วนที่ถืออยู่ได้อย่างไร  เหมือนดังจะทำกิเลสที่เราเป็นอยู่ดับสิ้นไม่เกิดขึ้นอีก(นิพพาน)ได้อย่างไร  เราก็ได้สัมผัสและมีประสบการตรงอยู่เป็นประจำ  

       เรื่องน้ำนั้นมีขั้นตอนที่สามารถ ทำให้ไม่กลับมาเป็นสน้ำได้อีกในทางวิทยาศาสตร์ คือการใช้ ไฟฟ้าแยกน้ำให้กลาย ไอโดรเย่น และออ็กชิเจนก็จะเไม่มีสภาพเป็นน้ำอีก   

     แต่.....โดยธรรมชาติ อันยาวนานย่อมก่อให้เกิดปฏิกริยามาประกอบกันเป็นน้ำได้อีก  จึงยังต่างกับนิพพาน ดับสิ้นกิเลสแล้วก็จะไม่กลับคืนมาอีก 

       ดังนั้นเรื่องนิพพาน คือการดับสิ้นกิเลส ย่อมเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และลุ่มลึกกว่าใหนๆ..

        ด้งนั้นธรรมปฏิบัติที่พระพุทธเจ้าสั่งสอน ตั้งแต่ระด้บหยาบ จนระด้บกลางและลาดลึกละเอียดไปตามลำดั้บ

        ผู้ศึกษาและปฏิบัติธรรมพึงไม่ประมาทในธรรม ทั้งในการปฏิบัติ  และกับบุคคลที่ละกิเลสได้จริง ที่มีใด้ในพระพุทธศาสนา
      
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่