จริงอยู่ ดารานักร้องก็เป็นปุถุชนคนธรรมดา มีความคิดเป็นของตัวเอง
แต่คนเราก็ไม่จำเป็นต้องพูดทุกอย่างในสิ่งที่เราคิด
ยิ่งดารานักร้องอยู่ในจุดที่ทุกคนมองเห็นได้ง่าย ทำอะไรก็เป็นเป้าสายตา
การที่ออกมาวิจารณ์หรือแสดงทรรศนะเอนเอียงปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็มีแต่เสียกับเสีย
เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น....สมมุติว่า แบ่งคนไทยออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่
กลุ่มแรก ชอบฝั่งรัฐบาล กลุ่มสอง ชอบฝั่งฝ่ายค้าน อีกกลุ่มที่เหลือคือไม่ได้ชอบใครเป็นพิเศษ รู้สึกเฉยๆ
หรืออาจจะไม่สนใจด้วยซ้ำไป
ถ้าดารานักร้องอยู่เฉยๆ คุณก็จะไม่มีปัญหากับคนไทยทั้ง3กลุ่มที่ว่ามา
แต่หากมีดารานักร้องคนไหน ออกมาวิจารณ์ หรือแสดงทัศนะเอนเอียงไปทางใดฝั่งหนึ่ง กลุ่มคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
จะเกลียดคุณทันที ส่วนคนไทยกลุ่มที่สาม ที่ตอนแรกก็เฉยๆ ไม่ได้ชอบใครเป็นพิเศษ ก็จะเริ่มรู้สึกรำคาญดารานักร้องคนนั้น
ที่มาทำให้ก่อกระแสดราม่า ตอกย้ำความขัดแย้งที่รอวันปะทุออกมา
แล้วการที่ดารานักร้องที่จะอยู่ได้ ก็ต้องอาศัยความนิยมชมชอบของประชาชน แล้วคนที่จะมาจ้างดารานักร้องไปทำงาน
เค้าก็ต้องเลือกคนที่มีปัญหากับประชาชนน้อยที่สุด
ถ้าคนจ้างงาน เค้าอยู่ในกลุ่มที่ตรงข้ามดารานักร้องคนนั้นแล้วล่ะก็ เค้าก็คงไม่จ้างคุณแล้วล่ะ
ส่วนคนจ้างที่อยู่ในกลุ่มที่สาม ที่เฉยๆ เค้าก็ไม่อยากจะจ้างคุณแล้วเช่นกัน เพราะกลัวจะเสียฐานประชาชนในกลุ่มข้างบนไป
สำหรับกลุ่มคนจ้างที่เค้าอยู่ฝั่งเดียวกับดารานักร้องคนนั้น เค้าอาจจะชื่นชอบคุณเป็นการส่วนตัวเพราะคิดเหมือนกันก็จริง
แต่เค้เาก็ไม่อยากจะจ้างคุณหรอก เพราะกลัวจะกระทบกับธุรกิจของเค้าเนื่องจากจะไปขัดใจกับสองกลุ่มที่กล่าวมา
เห็นไม๊ล่ะว่า ดารานักร้องที่ออกมาวิจารณ์การเมืองหรือแสดงทรรศนะเอนเอียงไปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มีแต่เสียกับเสีย
สำนวนไทยโบราณที่ว่า "พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง" ยังคงใช้ได้กับเรื่องนี้
พวกดารานักร้อง(บางคน) เค้าจะรู้ตัวไม๊นะ ว่าถ้าออกมาวิจารณ์เรื่องการเมืองแบบเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะมีแต่เสียกับเสีย
แต่คนเราก็ไม่จำเป็นต้องพูดทุกอย่างในสิ่งที่เราคิด
ยิ่งดารานักร้องอยู่ในจุดที่ทุกคนมองเห็นได้ง่าย ทำอะไรก็เป็นเป้าสายตา
การที่ออกมาวิจารณ์หรือแสดงทรรศนะเอนเอียงปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็มีแต่เสียกับเสีย
เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น....สมมุติว่า แบ่งคนไทยออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่
กลุ่มแรก ชอบฝั่งรัฐบาล กลุ่มสอง ชอบฝั่งฝ่ายค้าน อีกกลุ่มที่เหลือคือไม่ได้ชอบใครเป็นพิเศษ รู้สึกเฉยๆ
หรืออาจจะไม่สนใจด้วยซ้ำไป
ถ้าดารานักร้องอยู่เฉยๆ คุณก็จะไม่มีปัญหากับคนไทยทั้ง3กลุ่มที่ว่ามา
แต่หากมีดารานักร้องคนไหน ออกมาวิจารณ์ หรือแสดงทัศนะเอนเอียงไปทางใดฝั่งหนึ่ง กลุ่มคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
จะเกลียดคุณทันที ส่วนคนไทยกลุ่มที่สาม ที่ตอนแรกก็เฉยๆ ไม่ได้ชอบใครเป็นพิเศษ ก็จะเริ่มรู้สึกรำคาญดารานักร้องคนนั้น
ที่มาทำให้ก่อกระแสดราม่า ตอกย้ำความขัดแย้งที่รอวันปะทุออกมา
แล้วการที่ดารานักร้องที่จะอยู่ได้ ก็ต้องอาศัยความนิยมชมชอบของประชาชน แล้วคนที่จะมาจ้างดารานักร้องไปทำงาน
เค้าก็ต้องเลือกคนที่มีปัญหากับประชาชนน้อยที่สุด
ถ้าคนจ้างงาน เค้าอยู่ในกลุ่มที่ตรงข้ามดารานักร้องคนนั้นแล้วล่ะก็ เค้าก็คงไม่จ้างคุณแล้วล่ะ
ส่วนคนจ้างที่อยู่ในกลุ่มที่สาม ที่เฉยๆ เค้าก็ไม่อยากจะจ้างคุณแล้วเช่นกัน เพราะกลัวจะเสียฐานประชาชนในกลุ่มข้างบนไป
สำหรับกลุ่มคนจ้างที่เค้าอยู่ฝั่งเดียวกับดารานักร้องคนนั้น เค้าอาจจะชื่นชอบคุณเป็นการส่วนตัวเพราะคิดเหมือนกันก็จริง
แต่เค้เาก็ไม่อยากจะจ้างคุณหรอก เพราะกลัวจะกระทบกับธุรกิจของเค้าเนื่องจากจะไปขัดใจกับสองกลุ่มที่กล่าวมา
เห็นไม๊ล่ะว่า ดารานักร้องที่ออกมาวิจารณ์การเมืองหรือแสดงทรรศนะเอนเอียงไปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มีแต่เสียกับเสีย
สำนวนไทยโบราณที่ว่า "พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง" ยังคงใช้ได้กับเรื่องนี้