สวัสดีค่ะ เราอายุ 17 ปี อยู่ม. 6 แล้วค่ะ ตอนนี้ชีวิตยุ่งเหยิงไปหมดเลยค่ะ ไม่ใช่เพราะใครแต่เป็นเพราะตัวเรา เราเป็นคนที่ชอบเก็บความรู้สึกคนอื่น เก็บคำพูดของคนอื่น เก็บทุกๆอย่างมาไว้ในใจ เรียกได้ว่าทุกๆครั้งเลย จนเกิดความเครียด เราเป็นคนอารมณ์ร้อนมากๆเลยค่ะ ขี้หงุดหงิด ความเครียดเริ่มมีต่อเนื่องและร้ายแรงขึ้นมาตั้งแต่ 5 ปีก่อนค่ะ ช่วงนั้นแม่มีน้อง แล้วน้องเป็นคนที่ดื้อมาก เสียงดัง พูดมาก เวลาไปห้างก็จะชอบเดินไปหาคนอื่นเล่นนู่นนี่ ด้วยที่เราเป็นคนที่ขี้อาย ไม่ชอบความขายขี้หน้า ก็เลยหงุดหงิดมากๆ ก็จะบอกพ่อบอกแม่ว่า "อย่าให้ไปทำแบบนั้นสิ เอามันกลับมา มันไปยุ่งกับเขาอยู่นั่น" จนพ่อแม่บอกว่ามันเป็นธรรมชาติของเด็ก แล้วก็ด่าเรากลับมาว่าจะคิดอะไรนักหนา ปล่อยมันไปสิ เราก็ได้แต่ยืนหงุดหงิดอยู่ตรงนั้น เรื่องน้องยาวมาจนถึงม.ปลาย หนักข้อขึ้นตอนม.5 เราเป็นคนที่ขี้เกียจมาก เลยทำให้ชอบหยุดโรงเรียนตลอด หากมีช่องว่างอันไหนโผล่มาแค่นิดเดียวก็จะหยุดเรียนให้ได้ จนกระทบกับตัวเองทั้งเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน พ่อแม่ก็ด้วย ช่วงที่หยุดเราทะเลาะกับเพื่อนเรื่องการไม่มาโรงเรียนของหนู เพื่อนบอกว่านับวันความสนิทของเรามันยิ่งลดลงจนไม่เหลือคำว่าเพื่อนสนิท เราเครียดมากๆเลยค่ะ ยิ่งทำให้ไม่อยากไปโรงเรียนมากกว่าเดิมเพราะกลัวว่าเพื่อนจะพูดกับเรายังไง เพื่อนจะคุยกับเรารึเปล่า จนวันนึงเพื่อนไม่คุยกับเรามันทำให้เราเสียใจมากๆ เราเลยเดินออกมาจากกลุ่มเพื่อนนั้น หลังจากนั้นก็ไม่ไปโรงเรียนอีกเลย 10 วัน ในระหว่างสิบวันนั้น พ่อกับแม่เราไม่ยอม ดันให้เราไปโรงเรียนทุกวัน ด่าทอเรา เราก็ไม่ไป เราร้องไห้ทุกวัน อยู่ไปทุกวันด้วยความทุกข์ ไม่เคยมีความสุขที่แท้จริงเลยตั้งแต่น้องเข้ามาในชีวิต เราคิดจะฆ่าตัวตายแทบจะทุกวัน และมีวันนึงที่เราทำจริงๆ เราคิดจะกินยาฆ่าตัวตาย แต่สุดท้ายเราก็ไม่กล้า เรากินไปแค่ 4-5 เม็ดเท่านั้นโดยที่ไม่มีใครรู้ ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เราโดนพ่อแม่ด่าแรงมากๆ เขาด่าว่าเรามันเป็นภาระ รกลูกหูลูกตา ด่าว่า ควาย ว่า

แล้วบอกให้เราไปตาย แต่ด้วยคำพูดแบบนี้เราเข้าใจว่าเขายังรักเราอยู่เขาเพียงแค่โกรธ แต่มันทำให้เราอยากตายไปซะจริงๆ มันเกินที่เราจะรับไหวจริงๆ เขาไม่เคยใช้คำหยาบเลยนอกจากคำว่า "" กับ "กู" จนวันนึงพ่อแม่เราตัดสินใจพาเราไปพบพบจิตแพทย์ เราได้ไปพบจิตแพทย์แต่ก็เรียกจิตแพทย์ไม่ได้เต็มปากเพราะอายุไม่ถึง 18 เขาเลยให้พบนักจิตวิทยาก่อน เราได้พูดคุยต่างๆ และได้ยามากิน หลายวันต่อมาเราก็กลับไปโรงเรียน ไม่มีใครถามอะไรเราเลยว่าไปไหนมา มันทำให้เราเศร้านิดหน่อย แล้วก็คิดเพราะเราเองนั่นแหละ ที่ทำให้ตัวเองไร้ค่าไม่อยู่ในสายตาเพื่อนขนาดนี้ แต่ก็ยังมีเพื่อนสนิทคนที่ทะเลาะกันมาถาม เราก็ชื้นใจขึ้นมา เราคุยกันตามปกติ แต่ในทุกๆสัปดาห์เราก็ยังหยุดโรงเรียนเหมือนเดิม เพื่อนก็เริ่มไม่ไหวอีกครั้ง เราไปพูดคุยกันทั้งน้ำตา ตัวเราเองบอกเขาว่า ช่วยเข้าใจเราหน่อยนะ ขอให้อยู่ด้วยกันจนจบม.6 วันไหนสักวันนึงเพื่อนคนนี้แคปรูปแชทที่คุยกัยเพื่อนสนิทคนเก่าของเราที่ตอนนี้ไม่ได้คุยกันแล้วมาให้ดู ซึ่งใจความในข้อความมันทำให้เราเสียใจมากๆ ด้วยคำที่ว่า "ปล่อยมันไปเถอะ" เรานึกในใจทำไมต้องพูดให้เราขนาดนี้ด้วย แล้วเราเป็นคนที่เซ้นซิทีฟเรื่องคำพูด คำว่า "มัน" ทำให้เราเจ็บมากๆ เพราะปกติเรากับเพื่อนคนนี้ไม่พูดหยาบใส่กันเลย มันยิ่งทำให้เรารู้สึกไร้ค่า แต่ที่คิดมาก็จะมีคำว่า "ก็เป็นเพราะตัวเอง" ผุดขึ้นมาแทรกตลอด วันนึงเราก็ได้ยาล็อตสุดท้ายมา พ่อมาบอกกับเราว่าจริงๆนักจิตวิทยาเขาบอกว่าเราไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้าหรอก พ่อบอกพ่อดีใจที่เราไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ตัวเราเองกลับเศร้า แล้วที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ล่ะคืออะไร เราแค่เรียกร้องความสนใจใช่ไหม หรืออะไร เราหมดหนทางมากๆ เราจะแก้ปัญหานี้ได้ยังไง คิดอะไรก็รู้สึกตันไปหมด ไม่มีทางออก เราคิดได้ว่าเป็นเพราะตัวเอง ขึ้นม.6 มาเลยจะจัดการชีวิตตัวเองใหม่แต่ก็ล่มไม่เป็นท่าด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง ทุกอย่างบันทอนจิตใจเรามากๆ ชีวิตเรากลับมาเป็นลูปเดิม พ่อแม่ด่าเราแบบเดิมซ้ำๆ
เราอยากบอกว่าเราไม่อยากเป็นแบบนี้เลย ไม่ใช่แค่พ่แม่หรือเพื่อนที่เหนื่อยใจ เราเองก็เหมือนกัน เราเหนื่อย เราอยากแก้ไขตัวเอง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สำเร็จ เราโทษตัวเองทุกๆวันว่าทำไม่เราเป็นคนแบบนี้ ทำไม่ต้องเป็นคนแบบนี้ ไม่อยากเป็บแบบนี้แล้ว เราไม่อยากให้พ่อแม่เสียใจเพราะเราอีก และตัวเราเองก็เริ่มจะรับไม่ไหวแล้ว
เราไม่รู้ว่าจะทนกับตัวเองได้นานแค่ไหน เพราะอย่างนั้นช่วยเราด้วยนะคะ เราหมดหนทางแล้วจริงๆ
*เรื่องยิบย่อยยังมีอีกเยอะเลยค่ะ แต่ไม่รู้จะเอามาเล่ายังไง อะไรที่ขึ้นมาในหัวเราก็พิมพ์ลงไปเลย หากซับซ้อนขออภัยด้วยค่ะ
อยากปรึกษาและหาทางแก้ไขปัญหานี้ค่ะ
เราอยากบอกว่าเราไม่อยากเป็นแบบนี้เลย ไม่ใช่แค่พ่แม่หรือเพื่อนที่เหนื่อยใจ เราเองก็เหมือนกัน เราเหนื่อย เราอยากแก้ไขตัวเอง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สำเร็จ เราโทษตัวเองทุกๆวันว่าทำไม่เราเป็นคนแบบนี้ ทำไม่ต้องเป็นคนแบบนี้ ไม่อยากเป็บแบบนี้แล้ว เราไม่อยากให้พ่อแม่เสียใจเพราะเราอีก และตัวเราเองก็เริ่มจะรับไม่ไหวแล้ว
เราไม่รู้ว่าจะทนกับตัวเองได้นานแค่ไหน เพราะอย่างนั้นช่วยเราด้วยนะคะ เราหมดหนทางแล้วจริงๆ
*เรื่องยิบย่อยยังมีอีกเยอะเลยค่ะ แต่ไม่รู้จะเอามาเล่ายังไง อะไรที่ขึ้นมาในหัวเราก็พิมพ์ลงไปเลย หากซับซ้อนขออภัยด้วยค่ะ