ชีวิตเราควรฝึกการลงทุน และวางแผนไว้ในอนาคต เพื่อตัวเองและครอบครัว (อยากแบ่งปันแนวคิดและประสบการณ์)

วันนี้อยากเขียนแนวคิด ข้อคิด เพื่อไว้เตือนสติกัน ?

💋เมื่อประมาณปี 2528 พ่อกับแม่ผมอาศัยอยู่ที่ห้องเช่าแห่งหนึ่ง ด้วยอาชีพที่ยังไม่มั่นคง คือ พ่อเปิดร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนแม่ก็ช่วยพ่อ หรือบางครั้งก็ไปรับไม้กวาดมาขาย โดยขายแบบแบกเดินขายตามบ้านคนไปเรื่อยๆ สมัยนั้นผมก็คงอายุสัก 4-5 ขวบ ก็แบกช่วยแม่ขาย บางครั้งด้วยความที่เราเป็นเด็กที่ไม่มีตังเหมือนคนอื่นเขา เวลาไปเจอสิ่งที่อยากได้ เราก็มักจะโดนปัดไปเรื่อยๆ แบบว่า เดี๋ยวงวดหน้ามาซื้อ หรือไม่ก็พ่อก็บอกว่า มีร้านที่ถูกกว่านี้อีก จนทำให้เราต้องรอคอยต่อไป...และไม่ได้สิ่งที่อยากได้มาครอบครอง...

💋เมื่อโตมาได้สักหน่อย น่าจะอายุสัก 12-13 ปี ก็ต้องมาบวชเรียน เพราะคิดว่าบ้านไม่มีตังส่งเรียน เลยไปบวชเรียนดีกว่า ได้เรียนด้วยและได้ตังด้วย (เวลาไปสวดงานศพ) ช่วงระยะเวลาที่บวช เมื่อเกิดความอยากได้อะไรก็มักจะเก็บตังที่ได้จากการสวดศพ เก็บหอมรอบริบมาเรื่อยๆ สิ่งที่แพงที่สุดและตัดสินใจซื้อคือ เครื่องเล่นเทพ ราคา 3000 บาท ถือว่าแพงมากเลยสำหรับเรา ใช้เวลาเก็บประมาณ 6-7 เดือนกว่าจะได้มา เพราะสมัยนั้นสวดศพทีหนึ่งก็ได้ประมาณ 20-50 บาท เมื่อเข้าช่วงปีที่ 3 ของการบวช เริ่มมีระบบคอมพิวเตอร์มา ผมแอบมองดูอาจารย์ที่เป็นเจ้าอาวาส เล่นเกมชื่อว่า FB (จอข่าวดำ) มันทำให้ผมต้องคอยแอบลงมาดูเจ้าอาวาสเล่นบ่อยครั้ง ด้วยความที่สนใจจึงบอกพ่อว่า ผมอยากได้มากเลย คอมพิวเตอร์ สรุปพ่อซื้อให้ด้วย (แต่ซื้อเฉพาะแป้นพิมพ์ ให้) ผมภูมิใจมาก พกแป้นพิมพ์แล้วฝึกพิมพ์ทุกวัน จนคล่องและพิมพ์สัมผัสได้ จำได้แม่นยำเลย ผมซื้อหนังสือเล่มละ 7 บาท ในการฝึกพิมพ์ดีด (ฟ ห ก ด ่ า ส ว) จนทำให้ผมพิมพ์คล่อง และเรียนคอมพิวเตอร์ ในที่สุด

💋เมื่อสึกจากการบวชเรียนแล้ว ผมก็ต้องออกมาทำงานเพื่อเรียนต่อในระดับอนุปริญญา ซึ่งใจผมอยากเรียนภาคปกติแบบคนอื่นเขา แต่พ่อบอกว่า ภาคปกติ เราต้องไปเรียนทุกวัน และต้องใช้ตังเยอะ เอาเวลา จ - ศ ไปทำงาน แล้วเรียนเสาร์-อาทิตย์ดีกว่า สรุปผมก็ได้เรียนภาค กศ.พป. ที่มาเปิดศูนย์อยู่สุพรรณบุรี เป็นของราชภัฏกาญจนบุรี ช่วงนั้น ก็ยังไม่มีงานทำหรอก เพราะอายุก็เพิ่งจะ 17-18 ปีเอง ยังวัยรุ่นที่ค่อนข้างติดเกม ผมหลอกแม่ว่า แม่ซื้อวีดิโอเกมให้หน่อยเดี๋ยวผมชวนเพื่อนมาเล่นแล้วก็เก็บตังค่าชั่วโมง จนแม่ยอม และเกิดการลงทุนทำร้านเกมส์ ในที่สุด และทำให้แม่สามารถปลดหนี้ได้ (แม่เป็นหนี้ 600,000 บาท) ทำร้านเกม เปิดร้านเกมจนสามาถปลดนี้ได้ และพอมีเงินเก็บบ้าง ชีวิตก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นมา

💋จนเราได้เข้าเรียนในระดับปริญญาตรี (ภาค กศ.พป. เหมือนเดิม) ก็ได้เรียนที่ราชภัฏนครปฐม ซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น พ่อต้องจ่ายค่าเทอมให้ แต่ค่าเทอมก็ต้องผ่อนจ่ายกับราชภัฏ เอา ก็ยังดีเขาให้ผ่อนจ่าย ไม่งั้นคงไม่จบ ส่วนแม่ก็ยังทำร้านเกมอยู่ และแม่ให้อาทิตย์ละ 400 บาท สำหรับไปเรียนราชภัฏ 400 บาท โดนค่ารถไป-กลับ 200 บาท ค่าเช่าห้องพัก 1 คืนของราชภัฏ 120 บาท จะเหลือ 80 บาท ใช้กินในวันเสาร์-อาทิตย์ ผมทำแบบนี้จนเรียนจบมาได้ ก็ภูมิใจที่ได้เรียนจนจบ

💋เมื่อจนออกมาแล้ว งานแรกที่ได้ทำเลยคือ เป็นพนักงานทวงหนี้ของบริษัทเมืองไทยลิสซิ่ง นี่แหล่ะที่เป็นจุดที่ทำให้เรามีตังใช้ ได้เงินเดือน 15000 บวกค่าคอมมิชชั่น 2300 บาท และค่าน้ำมันเบิกได้ โดยผมทำงานที่นี่ ก็ห่อข้าวไปกินที่บริษัทด้วย ทำให้เงินค่อนข้างเหลือเต็มๆ ในสมัยนั้น ผมเก็บเงินซื้อทองได้ประมาณ 8 บาท (บาทละ 8000 น่าจะได้) ผมทำที่นี่จนกำลังจะขึ้นเป็นหัวหน้าแล้ว ชีวิตผกผันสอบ บรรจุครูติด เรียกไปบรรจุเป็นข้าราชการครู ในปี 2550

💋ในชีวิตการทำงานรับราชการครู เป็นอะไรที่มั่นคง ได้เงินเดือนที่มั่นคง และขึ้นเรื่อยๆ และมีการทำผลงานเพื่อให้ได้เงินที่มากขึ้น ในช่วงที่บรรจุอยู่ที่กาญจนบุรี รร.บ้านหนองสาหร่าย ผมเองก็ทำตามฝันแรกเลยคือ ซื้อรถ (ใช้เงินกู้ สหกรณ์) ทำให้ผมมีรถขับคันแรก ในระยะเวลาที่อยู่กาญจนบุรี ก็อยากมีกิจการร้านเกมด้วย เปิดร้านคอมพิวเตอร์ ด้วย เพราะชอบด้านนี้ จึงกู้เงินมาลงทุนเปิดร้านเกม ที่กาญจนบุรี ทำให้มีรายรับมากยิ่งขึ้น จนถึงเวลาที่เราต้องย้ายกลับมาสุพรรณบุรี ทำให้ผมต้องขายกิจการต่อให้คนอื่นต่อไป...

💋หลังจากที่ย้ายมาอยู่สุพรรณบุรี บ้านเกิดของตัวเอง และอยู่ รร.วัดเขาดิน ซึ่งบ้านอยู่ติดกับโรงเรียน ทำให้ภาระค่าใช้จ่ายไม่มี ไม่ต้องใช้ตังในการเดินทาง และในการกิน ซึ่งในระยะแรกยังอาศัยอยู่บ้านของลุง ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายขึ้นไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ส่วนค่ากินยังกินอยู่กับแม่ จนประมาณปี 2560 มีการลงทุนด้านบิตคอยน์ จึงบอกแม่ให้ถอนเงินมาลงทุนด้วยกัน แม่เบิกเงินสดๆ มาเลย 300,000 บาท (เป็นเงินก้อนเดียวที่แม่มี) ในระยะแรกที่ทำการลงทุนก็ผลประกอบการดีมาก ดีจนถึงจุดสูงสุดคือ ได้เห็นเงินตัวเลขแล้ว 600,000 บาท แต่แล้วความโลภครอบงำ ผมไม่ขายบิตคอยน์ทิ้ง เพราะยังเชื่อมั่นว่ามันจะยังคงราคาดีอยู่ แต่ไม่เป็นเช่นนั้น และผมไม่รอคอย ทำให้ขายขาดทุน จนในที่สุดก็ต้องขายเครื่องขุดบิตคอยน์ทิ้ง จนทำให้เงินทุนแม่คืนได้สัก 90% ส่วนของผมเองก็ยังคงมีบิตคอยน์เหลืออยู่อีกเล็กน้อย สัก 100,000 บาท ก็ยังคงปล่อยทิ้งไว้รอวันกลับมา

💋ในปี 2561 ได้มีลูก ทุกอย่างจึงต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ และแนวทางใหม่ อะไรที่เสี่ยงมากไปก็ต้องลดลง จึงต้องหาความมั่นคงให้กับครอบครัว และลูกในอนาคต จึงได้เล็งเรื่องการลงทุนในหุ้น โดยจะใช้หลักการ DCA และ VI ผสมผสานกัน และอีกส่วนก็ฝากธนาคารไป ส่วนที่ 1 ฝากธนาคารให้กับลูก ส่วนที่ 2 ทำประกันชีวิต ให้ลูกและเมีย รับผลประโยชน์ ส่วนที่ 3 ลงทุนในหุ้น โดยซื้อหุ้นที่มีคุณภาพ 5 บริษัท และต่างอุตสาหกรรมกัน ทำการเฉลี่ยซื้อเดือนละ 5000 บาท ในระยะเวลาเป้าหมายคือ 10 ปี เป็นอย่างต่ำ และเมื่อเงินเดือนเพิ่มมากขึ้นก็จะทะยอย ซื้อให้ได้เดือนละ 10000 บาท เมื่อนำมาคำนวณ แล้ว ผมจะใช้ทุนในการลงทุนประมาณ 600,000 บาท และเงินฝากเดือนละ 500 บาท อีก 10 ปี ก็ได้ประมาณ 60,000 บาท และประกันชีวิต ก็จะคืนเบี้ยให้ได้พอดีอีกประมาณ 500,000 บาท นั่นหมายความว่า ในเงินทุนที่ยังไม่รวมปันผลและมูลค่าของหุ้นเพิ่มมากขึ้น จะทำให้อีก 10 ปีข้างหน้า ผมจะมีเงิน 1 ล้านบาทได้ โดยที่แต่ละเดือนจะไม่ไปกระทบเงินส่วนอื่นเลย เพียงแต่ต้องประหยัดเอาหน่อย

💋สุดท้ายแล้ว แค่อยากจะบอก อยากจะเล่าว่า ไม่ว่าจะทำอะไร โตแค่ไหน หรือได้ทำงานอะไรแล้วก็ตาม ผมจะไม่ลืมเลยว่า ผมเริ่มมาจากอะไร เราเคยลำบากแบบไหน ในเมื่อเราพื้นฐานไม่ดีเท่าคนอื่น แต่เราก็สามารถสร้างมันให้เท่าคนอื่นได้ ถ้าเราคิดและวางแผน ปรับ Mind set ใหม่ ปรับเปลี่ยนการลงทุนเพื่อให้สามาถดำรงอยู่ได้ โดยไม่กระทบกับชีวิตประจำวัน แต่ก็ต้องมีการซื้อความสุขบ้างเล็กๆ น้อยๆ เพื่อทดแทนกับชีวิตที่ไม่เคยได้รับมา เราเคยเป็นอย่างไร ลูกเรา ครอบครัวเรา ต้องไม่เป็นแบบนั้นอีก เพียงแต่เส้นทางมันย่อมมีอุปสรรค และเส้นทางค่อนข้างไกล แต่ผมจะมองที่ปลายทาง และเส้นชัยว่า สักวันหนึ่งผมจะอิสระทางการเงิน สักวันผมจะมีเงินทุน ไว้สำหรับตัวเอง สำหรับครอบครัว และสำหรับลูก ต่อไป...

📌📌 สุดท้ายจริงๆ ความจนมันน่ากลัว ความลำบากมันน่ากลัว ผมจะไม่ไปยืนอยู่จุดนั้น ลูกผมจะไม่ไปยืนอยู่จุดนั้น ผมจะมุ่งมั่นให้ลูกผมเป็นดี คนเก่ง และเป็นนักลงทุน ให้จงได้ ผมจะปลูกฝังเขาให้ประหยัด อดออม และรู้จักแบ่งปันให้กับสังคม

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่