มีหลักฐานอันประจักษ์ชัด ของคดีถือหุ้นสื่อตามข้อเท็จจริงซึ่งสามารถตรวจสอบพิสูจน์ได้ มาให้สมาชิกผู้เป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ได้พิจารณาอย่างผู้มีสติสัมปชัญญะ ดังนี้
***ข้อเท็จจริงคดีถือหุ้นสื่อของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่***
25 มีนาคม 2562 ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ได้ยื่นคำร้องต่อสำนักงาน กกต. เมื่อวันที่25ที่ผ่านมาเพื่อขอให้ตรวจสอบนายธนาธร หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เรื่องการถือหุ้นสื่อ
16 พฤษภาคม 2562 กกต.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพของ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญประเทศไทยพ.ศ.2560 มาตรา 82 วรรคสี่
23 พฤษภาคม 2562 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 9 ต่อ 0 รับคำร้องกรณี ขอให้พิจารณาวินิจฉัย คุณสมบัติของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในคดีถือหุ้นสื่อไว้พิจารณา พร้อมมีมติ 8 ต่อ 1 ให้นายธนาธรหยุดปฏิบัติการทำหน้าที่สส.ในสภาทันที
กกต.ใช้เวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงประกอบคำร้องของผู้กล่าวหาและคำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหา ตั้งแแต่วันที่รับเรื่อง25มีนาคม ถึงวันที่ส่งศาล16พฤษภาคม รวมทั้งหมด52วัน
ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลา7วันพิจาณาเรื่องนี้ สุดท้ายมีมติ9ต่อ0ให้รับเรื่องและมีมติ8ต่อ1ให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดทำหน้าที่ในสภา และให้ส่งหลักฐานชี้แจงภายใน15วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่7มิถุนายน2562 แต่ล่าสุดหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ผู้ถูกกล่าวหาได้ยื่อคำร้องขอยืดเวลาการส่งหลักฐานออกไปอีก30วันตามสิทธิและศาลรัฐธรรมนูญได้อนุมัติตามคำร้อง โดยจะสิ้นสุดการขยายเวลาในวันที่ 8 กรกฏาคม 2562 และจะได้เริ่มต้นกระบวนการพิจารณาไต่สวนคดีนี้จากเอกสารหลักฐานที่ส่งประกอบมาของทั้ง2ฝ่ายต่อไป
***ข้อเท็จจริงคดีถือหุ้นสื่อของ41ส.ส.***
4 มิถุนายน 2562 พรรคอนาคตใหม่ยื่นหนังสือต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เรื่องสส.41คนถือหุ้นสื่อ
12 มิ.ย. 2562 ประธานสภายื่นเรื่องส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญไป โดยตรวจสอบแต่ความถูกต้องของการยื่นมิได้ตรวจสอบหลักฐานข้อกล่าวหาที่ยื่นประกอบ
ประธานสภาไม่มีหน้าที่วินิจฉัยข้อเท็จจริงเหมือนกกต.จึงเป็นแต่เพียงผู้นำส่งเท่านั้น ในกรณีนี้ศาลจึงต้องเริ่มกระบวนการพิจาณาตรวจสอบหลักฐาน ตั้งแต่
เริ่มต้นเองทั้งหมด จากคำร้องประกอบหลักฐานของผู้กล่าวหา และยังไม่มีมติออกมาว่าจะรับเรื่องหรือไม่ เนื่องจากต้องใข้เวลาพิจารณาตรวจสอบหลักฐานข้อเท็จจริงจากการกล่าวหาส.ส.41คน ซึ่งถ้าหากศาลมีมติรับเรื่องจะต้องให้เวลาผู้ถูกกล่าวหาทั้ง41คน นำส่งหลักฐานประกอบการพิจาณาส่งให้ศาลต่อไป
ส่วนเมื่อศาลรับเรื่องแล้วจะสั่งให้ทั้งหมดหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยหลังจากมีมติรับเรื่องแล้วเป็นลำดับต่อมา
นี่คือข้อเท็จจริงของทั้ง2คดี ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนอันสามารถตรวจสอบได้ เป็นความเหมือนที่แตกต่างในรายละเอียดแห่งคดีดังที่ได้กล่าวไว้ นั่นแหละครับ!
ความเหมือนที่แตกต่าง ในคดีถือหุ้นสื่อของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่และ41ส.ส.
***ข้อเท็จจริงคดีถือหุ้นสื่อของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่***
25 มีนาคม 2562 ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ได้ยื่นคำร้องต่อสำนักงาน กกต. เมื่อวันที่25ที่ผ่านมาเพื่อขอให้ตรวจสอบนายธนาธร หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เรื่องการถือหุ้นสื่อ
16 พฤษภาคม 2562 กกต.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพของ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญประเทศไทยพ.ศ.2560 มาตรา 82 วรรคสี่
23 พฤษภาคม 2562 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 9 ต่อ 0 รับคำร้องกรณี ขอให้พิจารณาวินิจฉัย คุณสมบัติของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในคดีถือหุ้นสื่อไว้พิจารณา พร้อมมีมติ 8 ต่อ 1 ให้นายธนาธรหยุดปฏิบัติการทำหน้าที่สส.ในสภาทันที
กกต.ใช้เวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงประกอบคำร้องของผู้กล่าวหาและคำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหา ตั้งแแต่วันที่รับเรื่อง25มีนาคม ถึงวันที่ส่งศาล16พฤษภาคม รวมทั้งหมด52วัน
ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลา7วันพิจาณาเรื่องนี้ สุดท้ายมีมติ9ต่อ0ให้รับเรื่องและมีมติ8ต่อ1ให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดทำหน้าที่ในสภา และให้ส่งหลักฐานชี้แจงภายใน15วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่7มิถุนายน2562 แต่ล่าสุดหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ผู้ถูกกล่าวหาได้ยื่อคำร้องขอยืดเวลาการส่งหลักฐานออกไปอีก30วันตามสิทธิและศาลรัฐธรรมนูญได้อนุมัติตามคำร้อง โดยจะสิ้นสุดการขยายเวลาในวันที่ 8 กรกฏาคม 2562 และจะได้เริ่มต้นกระบวนการพิจารณาไต่สวนคดีนี้จากเอกสารหลักฐานที่ส่งประกอบมาของทั้ง2ฝ่ายต่อไป
***ข้อเท็จจริงคดีถือหุ้นสื่อของ41ส.ส.***
4 มิถุนายน 2562 พรรคอนาคตใหม่ยื่นหนังสือต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เรื่องสส.41คนถือหุ้นสื่อ
12 มิ.ย. 2562 ประธานสภายื่นเรื่องส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญไป โดยตรวจสอบแต่ความถูกต้องของการยื่นมิได้ตรวจสอบหลักฐานข้อกล่าวหาที่ยื่นประกอบ
ประธานสภาไม่มีหน้าที่วินิจฉัยข้อเท็จจริงเหมือนกกต.จึงเป็นแต่เพียงผู้นำส่งเท่านั้น ในกรณีนี้ศาลจึงต้องเริ่มกระบวนการพิจาณาตรวจสอบหลักฐาน ตั้งแต่
เริ่มต้นเองทั้งหมด จากคำร้องประกอบหลักฐานของผู้กล่าวหา และยังไม่มีมติออกมาว่าจะรับเรื่องหรือไม่ เนื่องจากต้องใข้เวลาพิจารณาตรวจสอบหลักฐานข้อเท็จจริงจากการกล่าวหาส.ส.41คน ซึ่งถ้าหากศาลมีมติรับเรื่องจะต้องให้เวลาผู้ถูกกล่าวหาทั้ง41คน นำส่งหลักฐานประกอบการพิจาณาส่งให้ศาลต่อไป
ส่วนเมื่อศาลรับเรื่องแล้วจะสั่งให้ทั้งหมดหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยหลังจากมีมติรับเรื่องแล้วเป็นลำดับต่อมา
นี่คือข้อเท็จจริงของทั้ง2คดี ซึ่งมีหลักฐานชัดเจนอันสามารถตรวจสอบได้ เป็นความเหมือนที่แตกต่างในรายละเอียดแห่งคดีดังที่ได้กล่าวไว้ นั่นแหละครับ!