**หมายเหตุ รีวิวนี้ตามความคิดเห็นและรู้สึกจริงๆไม่ได้อวย ฉะนั้นมันคือรีวิวจากความเห็นแบบคนนอก100%
สิ่งแรกที่อยากจะพูดคือ พี่คงเดชเล่นงานเราอีกแล้ว! หลายจังหวะของหนังเหมือนถูกเคาท์เตอร์แอตแท็คด้วยคำพูดง่ายๆแต่แสนจะลึกบาดใจ จนบางทีเราก็รู้สึก"จึกหัวใจ"กับมันสุดๆ
นี่คือหนัง coming of ageไทยแห่งปี!!!
Where we belongนั้นจะเดินเรื่องด้วยความเรียบๆ เอื่อยๆ.เนิบๆ แต่มันสามารถเอาคนดูอยู่ได้ทุกจังหวะ ไม่มีช่วงไหนให้เรารู้สึกเบื่อเลย เพราะเราจะตื่นเต้นกับชีวิตและการกระทำของซูและเบลตลอดทั้งเรื่อง
มันให้อารมณ์แบบว่าต่อให้เราจะวิเคราะห์กันขนาดไหน ก็ไม่สามารถเดาการกระทำต่อๆไปของซูและเบลได้เลย อีกทั้งหนังยังแฝงปรัชญาไว้มากมาย ซึ่งถ้ายิ่งเราเข้าใจความรู้สึก"วัยรุ่น" ได้ดีเราจะอินกับการกระทำและทุกเรื่องมากๆ บางช่วงคุณอาจจะคิดว่า เห้ย! แบบนี้ตรูก็เคยนะ!
แต่ด้วยความที่มันไม่ใช่หนังตลาด แต่มันคือหนังอินดี้(ก็พี่คงเดชทำนี่เนอะ) คนที่ไม่เคยคุ้นชินกับหนังแบบนี้ อาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวไปพร้อมๆกับหนังสักหน่อย และมันอาจจะทำให้คุณรู้สึกเบื่อบ้างในช่วงแรกๆ ฉะนั้นให้คิดในใจเสมอว่านี่ไม่ใช่หนังแมส มันไม่ใช่หนังสนุก แต่มันคือหนังที่มีคุณค่าที่ดีต่อการดูและตีความ หรือศึกษา
ตามสไตล์หนังของคงเดช จะแซะประเด็นหลายๆอย่างในสังคมไทยลงไปในหนังเสมอ ซึ่งถ้าใครเตรียมที่จะไปเห็นประเด็นนี้เยอะจะรู้สึกแสบๆคันๆและสะใจอยู่ไม่ใช่น้อย เช่นในตัวอย่างเราจะเห็นว่าซูจะย้ายไปต่างประเทศเพราะว่า "ไม่ไหวกับที่นี่อยากจะย้าย" มันก็แฝงอะไรหลายๆอย่างแต่มันเป็นแบบแล้วแต่จะคิด ถ้าคุณคิดไม่ลึกมันก็อาจจะเฉยๆ แต่ถ้าคุณตีความมันแตกหละก็บอกเลยว่าคุณจะรู้สึกสะใจไม่น้อย (ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการเมืองเท่าที่ผมตีความ)
มาพูดถึงการแสดงของ เจนนิษฐ์ และ มิวสิค สองสาวBNK48ที่มีผลงานการแสดงครั้งแรก ขอบอกเลยว่า ถ้าพวกหนูออกจากวง มาเป็นนักแสดงเหอะ!!!!
การแสดงทุกอย่างมันเรียลมาก จนไม่ติดตากับภาพลักษณ์BNK48เลยสักนิด โดยเฉพาะมิวสิค ในวงเราอาจจะเห็นเป็นเด็กง้องๆแง้งๆ ชอบโชว์เหม่งพระอาทิตย์ แต่สามารถพลิกมาบทสาวห้าวลุยๆได้แบบดีเยี่ยม และอีกคนคือ เจนนิษฐ์ แน่นอนหลายๆคนอาจจะเห็นในตัวอย่างว่า เจนนิษฐ์ เล่นแข็ง ไม่ธรรมชาติเท่ามิวสิค แต่พอมาดูในหนังจริงๆแล้วมันดีกว่าที่เห็นมากๆ ซูเป็นคนหน้านิ่ง แต่ไม่ถึงกับหน้าเดด แถมน้ำเสียงนิ่งๆ เลยอาจจะทำให้รู้สึกแสดงแข็ง แต่ถ้าซีนอารมณ์หละก็ เจนนิษฐ์ สามารถดึงเราให้ดิ่งลงเหวไปตามอารมณ์ได้ดีทีเดียว นับว่าเป็นคนที่แสดงดีที่สุดในเรื่องก็ยังได้
สุดท้ายนี้เรื่องงานProduction
มองว่าดีเยี่ยมมากๆ ทั้งแสง สี เงาสะท้อน มุมกล้อง มันรู้สึกสวยไปหมดซะทุกอย่าง
คะแนน9/10
สรุป
มันไม่ใช่หนังที่สนุกแบบแมสๆแบบค่ายอื่น แต่มันคือหนังที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าแก่การไปดู ตีความและศึกษา
[SR] [Review] Where we belong ความเรียบง่ายที่แสนนุ่มลึกและแฝงไปด้วยปรัชญา 9/10
สิ่งแรกที่อยากจะพูดคือ พี่คงเดชเล่นงานเราอีกแล้ว! หลายจังหวะของหนังเหมือนถูกเคาท์เตอร์แอตแท็คด้วยคำพูดง่ายๆแต่แสนจะลึกบาดใจ จนบางทีเราก็รู้สึก"จึกหัวใจ"กับมันสุดๆ
นี่คือหนัง coming of ageไทยแห่งปี!!!
Where we belongนั้นจะเดินเรื่องด้วยความเรียบๆ เอื่อยๆ.เนิบๆ แต่มันสามารถเอาคนดูอยู่ได้ทุกจังหวะ ไม่มีช่วงไหนให้เรารู้สึกเบื่อเลย เพราะเราจะตื่นเต้นกับชีวิตและการกระทำของซูและเบลตลอดทั้งเรื่อง
มันให้อารมณ์แบบว่าต่อให้เราจะวิเคราะห์กันขนาดไหน ก็ไม่สามารถเดาการกระทำต่อๆไปของซูและเบลได้เลย อีกทั้งหนังยังแฝงปรัชญาไว้มากมาย ซึ่งถ้ายิ่งเราเข้าใจความรู้สึก"วัยรุ่น" ได้ดีเราจะอินกับการกระทำและทุกเรื่องมากๆ บางช่วงคุณอาจจะคิดว่า เห้ย! แบบนี้ตรูก็เคยนะ!
แต่ด้วยความที่มันไม่ใช่หนังตลาด แต่มันคือหนังอินดี้(ก็พี่คงเดชทำนี่เนอะ) คนที่ไม่เคยคุ้นชินกับหนังแบบนี้ อาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวไปพร้อมๆกับหนังสักหน่อย และมันอาจจะทำให้คุณรู้สึกเบื่อบ้างในช่วงแรกๆ ฉะนั้นให้คิดในใจเสมอว่านี่ไม่ใช่หนังแมส มันไม่ใช่หนังสนุก แต่มันคือหนังที่มีคุณค่าที่ดีต่อการดูและตีความ หรือศึกษา
ตามสไตล์หนังของคงเดช จะแซะประเด็นหลายๆอย่างในสังคมไทยลงไปในหนังเสมอ ซึ่งถ้าใครเตรียมที่จะไปเห็นประเด็นนี้เยอะจะรู้สึกแสบๆคันๆและสะใจอยู่ไม่ใช่น้อย เช่นในตัวอย่างเราจะเห็นว่าซูจะย้ายไปต่างประเทศเพราะว่า "ไม่ไหวกับที่นี่อยากจะย้าย" มันก็แฝงอะไรหลายๆอย่างแต่มันเป็นแบบแล้วแต่จะคิด ถ้าคุณคิดไม่ลึกมันก็อาจจะเฉยๆ แต่ถ้าคุณตีความมันแตกหละก็บอกเลยว่าคุณจะรู้สึกสะใจไม่น้อย (ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการเมืองเท่าที่ผมตีความ)
มาพูดถึงการแสดงของ เจนนิษฐ์ และ มิวสิค สองสาวBNK48ที่มีผลงานการแสดงครั้งแรก ขอบอกเลยว่า ถ้าพวกหนูออกจากวง มาเป็นนักแสดงเหอะ!!!!
การแสดงทุกอย่างมันเรียลมาก จนไม่ติดตากับภาพลักษณ์BNK48เลยสักนิด โดยเฉพาะมิวสิค ในวงเราอาจจะเห็นเป็นเด็กง้องๆแง้งๆ ชอบโชว์เหม่งพระอาทิตย์ แต่สามารถพลิกมาบทสาวห้าวลุยๆได้แบบดีเยี่ยม และอีกคนคือ เจนนิษฐ์ แน่นอนหลายๆคนอาจจะเห็นในตัวอย่างว่า เจนนิษฐ์ เล่นแข็ง ไม่ธรรมชาติเท่ามิวสิค แต่พอมาดูในหนังจริงๆแล้วมันดีกว่าที่เห็นมากๆ ซูเป็นคนหน้านิ่ง แต่ไม่ถึงกับหน้าเดด แถมน้ำเสียงนิ่งๆ เลยอาจจะทำให้รู้สึกแสดงแข็ง แต่ถ้าซีนอารมณ์หละก็ เจนนิษฐ์ สามารถดึงเราให้ดิ่งลงเหวไปตามอารมณ์ได้ดีทีเดียว นับว่าเป็นคนที่แสดงดีที่สุดในเรื่องก็ยังได้
สุดท้ายนี้เรื่องงานProduction
มองว่าดีเยี่ยมมากๆ ทั้งแสง สี เงาสะท้อน มุมกล้อง มันรู้สึกสวยไปหมดซะทุกอย่าง
คะแนน9/10
สรุป
มันไม่ใช่หนังที่สนุกแบบแมสๆแบบค่ายอื่น แต่มันคือหนังที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าแก่การไปดู ตีความและศึกษา