ไปญี่ปุ่นเองครั้งแรก ตามแบบฉบับของคนรักอนิเมะ


คนนิจิวะ มินนะซังงงง 

เปิดตัวญี่ปุ่นจ๋าขนาดนี้ ชื่อกระทู้ก็ชัดเจนแจ่มแจ้งขนาดนั้น แน่นอนว่าทริปที่ทุกคนกำลังอ่านคือ ญี่ปุ่น ปุ่น ปุ่น ปุ่น บอกเลยว่าทริปนี้ไม่หลง ไม่งง ไม่ใช่เรา ฮ่าๆๆ เข้าเรื่องเลยจ้า เราเก็บหอมรอมริบและตั้งเป้าหมายชัดเจนว่าเราจะไปประเทศญี่ปุ่นนี้ให้ได้ และวัตถุประสงค์หลักของการตั้งกระทูนี้คือ เราอยากบันทึกเป็นไดอารี่การเดินทางของเราด้วย

ในแต่ละวันเราจะมีคำศัพท์ไว้ที่ช่วงท้ายของวันนั้นๆนะคะ หวังว่าจะนำไปใช้ประโยชน์กันได้จริง
ออกตัวก่อนว่าเราไม่ได้เก่งภาษาญี่ปุ่นมากนัก (แม้จะเรียนมาได้ขวบปีแล้ว T_T) แต่เรียกได้ว่าเรามีสกิลในการเอาตัวรอดสูง 555555  เพื่อนๆก็จองตั๋วจองที่พักกัน แล้วจะลอกการบ้านเราก็ได้นะ ไม่หวงไม่ห้ามจ้า แล้วมาปรับแพลนในแบบของเราอีกทีนึงก็ได้ (แต่สงสัยจะลอกยาก เพราะเราเองก็งงและหลงมันทุกวัน)

เราเดินทาง 13-17 03/62 นะคะ แต่ดองไว้นานมาก เพราะไม่มีเวลามาลง (ขนาดรูปที่ลงนี่ยังไม่ได้แต่งเลยค่ะ ฮือออ มีแต่งลงไอจีบ้างบางรูปก็แฮบมา) แต่เราจำทุกเหตุการณ์ได้อย่างดี <3

ตอนเราจองตั๋ว เราบินขาไปกับScootค่ะ ขากลับเป็นNokScoot ตอนแรกก็หวั่นๆ ใจ เพราะสายการบินนี้ขึ้นชื่ออยู่เหมือนกัน เรากดได้ราคาโปรมา ราคารวมกระเป๋าไป20กลับ30โล รวมภาษีเบ็ดเสร็จแล้วประมาณเก้าพันปลายๆ 

ที่พักเราจองทีหลังค่ะ เพราะเราจะเลือกโซนที่เราอยากพักก่อนแล้วค่อยหาที่พัก ไปตกลงปลงใจที่โรงแรม Star plaza ikebukuro มีตั้งแต่พันกว่าบาทจนถึง คืนละ 2 พันกว่าบาท แล้วแต่สะดวกค่ะ

ก่อนไปเราก็เช็คสภาพอากาศ วางแพลน หาข้อมูลหลายๆ อย่าง จนคิดว่าน่าจะพร้อมประมาณนึง ที่เหลือไปหลงเอาข้างหน้าละกัน...
ถ้าเตรียมตัวพร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเล้ยยยยยย..... 

Day 1 เมื่อฉันเดินทางถึงJapan

               เราเลือกบินกับสายการบิน Scoot ค่ะ อย่างที่บอกแม้จะได้ยินข่าวมาหนาหูเกี่ยวกับเวลาการเดินทางของสายการบินนี้ แต่เราคิดว่าไม่ลองก็ไม่รู้ค่ะ สำหรับเราก็โอเคนะคะ ออกตรงเวลา เครื่องมาจอดรอก่อนเวลาด้วยค่ะ ไม่มีอิดออด ที่นั่งกว้างไม่อึดอัด นั่งยาวๆ 6 ชั่วโมงหลับตลอดไฟล์ทบินเลยค่ะ (กลัวตอนเช้าไม่มีแรงเที่ยว)

......6 ชม. ผ่านไป....

นี่คือภาพตอนพระอาทิตย์กำลังขึ้นค่ะ เห็นแต่ท้องฟ้าแดงๆ ตื่นมาเห็นสวยดีเลยถ่ายไว้

ความรู้สึกแรกที่ลงมาสัมผัสอากาศประเทศญี่ปุ่น หนาวค่ะ 55555555 หนาวจริงๆ น่าจะสัก 12-13 องศาได้ ดีที่เอาเสื้อโค้ทมาห่มตอนอยู่บนเครื่องเลยได้ใส่พอดี มาถึงรับกระเป๋าเรียบร้อยก็ไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วเดินตรงไปตามป้ายชี้ทางลงไปชั้น B1 เพื่อซื้อตั๋วขึ้นรถไฟเข้าเมือง

เราเลือกเข้าเมืองด้วย Skyliner ค่ะ ราคาไม่แพงมาก ยิงตรงถึง Nippori แล้วต่อรถไฟไปสาย Yamanote line เพื่อไป Ikebukuro (ย่านโรงแรมที่เราพัก)
ซื้อตั๋วเสร็จก็ไปซื้อ Suica Card เพื่อใช้เดินทางในเมือง ซื้อที่ศูนย์ JR ได้เลยค่ะ เราเติมไว้ 3,000 เยน

หลักจากตั๋วพร้อมก็เดินผ่านเข้าช่องเสียบตั๋วเพื่อเข้าไปในชานชาลา ตอนแรกงงๆค่ะ ไม่รู้ว่าไปทางไหน กำลังอึนๆ เดินเลยมานิดนึงแล้วก็มองหาป้าย เลยตัดสินใจถามคุณเจ้าหน้าที่เป็นภาษาญี่ปุ่นที่อุตส่าห์ร่ำเรียนมาถึง 1 ปีเต็ม (อวดๆ อิอิ) เค้าก็บอกว่าให้เดินกลับไปตรงสีส้มๆ แล้วเลี้ยวเข้าไปทางนั้น ซึ่งมันก็คือ ถ้าเราเสียบตั๋วเข้ามาแล้วเดินมาไม่กี่ก้าวเลี้ยวซ้ายตามป้าย Ueno เข้ามาก็จบแล้ว แต่เราเดินเลยไปเองอะ 55555

ระหว่างยืนรอ ก็มองหาว่าเราต้องขึ้นตรงนี้ใช่มั้ยนะ มองเวลาบนป้ายกับในตั๋วสลับกันไปมา พอรถไฟมาถึงก็ยังไม่แน่ใจค่ะ 5555 (ขี้กังวล) เลยถามคุณป้าที่อยู่ตรงนั้น เค้าก็บอกคันนี้แหละให้เราขึ้นไปก่อนแล้วค่อยเดินหาตู้และที่นั่งข้างในนะ พร้อมกับยืนโบกมือบ๊ายบายส่งเราขึ้นรถไฟ (คนญี่ปุ่นน่ารัก นี่คือความประทับใจแรกที่เจอ) ความรู้สึกหัวใจมันพองโตมากๆ เลยนะ ได้เจอได้เห็นได้คุยภาษาที่เราสนใจ ระหว่างทางในหัวคิดตลอดเลยว่าญี่ปุ่นครั้งแรกนี้ต้องพยายามพูดภาษาญี่ปุ่นเยอะๆ งัดความรู้ที่มีในสมองอันน้อยนิดออกมาให้หมด 55555

หน้าตาตั๋วก็จะประมาณนี้จ้า 

ภาพนี้ถ่ายตอนอยู่บนรถไฟค่ะ.. แชะไปเรื่อย คนมันตื่นเต้นนนนน



กลับมาเดินทางกันต่อ เราลงที่สถานี Nippori แล้วก็มองหาป้ายสาย Yamanote line ที่ไป Ikebukuro

           ไม่ถึง 15 นาทีเราก็ลากกระเป๋าใบโตเดินขึ้นมาโผล่ในย่าน Ikebukuro ค่ะ
ความรู้สึกตอนนั้น... งง 5555 ต้องไปทางไหนต่อละทีนี้ โรงแรมอยู่ทางไหน จัดการเสิร์ชMapเลยค่ะ แต่Mapเจ้ากรรมทำพิษ งงมาก พาเดินอ้อมไปอ้อมมา หนาวก็หนาว หิวก็หิว พอดีมีพี่สาวคนสวยเดินผ่านมา เลยตัดสินใจถามเลยค่ะ ซึ่งเค้าใจดีมาก หยิบโทรศัพท์ของตัวเองแล้วเปิดMap (ที่ไม่ใช่ google map แน่ๆ ) พาเราเดินไปส่งถึงหน้าโรงแรม (คนญี่ปุ่นใจดีอีกแล้ววว)


เรามาถึงก็คือยังเช็คอินไม่ได้ เลยฝากกระเป๋าแล้วไปลุยข้างนอกก่อน แน่นอนว่าต้องกินค่ะ หิวมาก 5555
มื้อแรกของเรา เลือกเป็นราเมงค่ะ เพราะอากาศมันหนาว เลยเลือกหาอะไรร้อนๆ กินให้ร่างกายอบอุ่นไปก่อน ชามนี้กินไม่หมดเลี่ยนหน่อยๆ เลยกินเกี๊ยวซ่าช่วยชีวิตไปก่อน

            หลังจากอิ่ม ท้องก็มุ่งหน้าไปที่วัดAsakusa กันเลยค่ะ ถือคติ ไปลามาไหว้ 5555 นั่งรถไฟจาก ikebukuro มาลง Ueno แล้วต่อ Ginza line มาลงสถานี Asakusa ได้เลยค่ะ

เดินเที่ยวเพลินๆ ดูของไประหว่างทาง เจอเจ้านี่ น่ากินมากกกก อดไม่ได้ที่จะซื้อมาชิมม

กินขนมละ สบายใจ ไปต่อค่ะ 5555 เข้าไปไหว้พระขอพร (ขอเป็นภาษาไทยไป ไม่รู้ท่านจะฟังออกไหม) คนเยอะมากกกกกเลยค่ะ อากาศเย็นๆกำลังดี

และแน่นอนที่สุดมาถึงย่านนี้ต้องไม่พลาดที่จะไปลิ้มรสไอติมชาเขียวหลังวัดนะคะ เราเดินออกมาทางหลังวัดแล้วเดินตามถนนมาเรื่อยๆ ก็จะเจอร้านค่ะ ชื่อร้าน “Suzukien” เจ้าเก่า เจ้าดัง ไหนๆก็ไหนๆ มาแล้วต้องลอง มีให้เลือก 7 ระดับ เราเลือกแบบเข้มข้นระดับ 5 มาค่ะ กลัวเข้มมากกินไม่ไหว
ตอนแรกเราซื้อเสร็จก็เอาออกมาถ่ายรูป กำลังจะยืนกินที่หน้าร้าน แต่พนักงานเดินมาบอกให้ไปกินข้างในค่ะ งือออ เขินเลย เพราะข้างในเค้ามีที่ให้กินโดยเฉพาะ

กินเสร็จก็เดินวนกลับมาอีกข้างของวัดค่ะ มาเจอตรงนี้ เจอน้ำเข้าไปมือชาไปเลยย มีรูปอธิบายขั้นตอนละไว้ด้วยนะคะ
  ถ่ายรูปสักประมาณนึงก็เดินกลับไปที่สถานีค่ะ เพื่อไปยังย่าน Akihabara เป้าหมายของเราก็คือฟิกเกอร์นั่นเอง สำหรับคนชอบดูอนิเมะอย่างเราแน่นอนว่านี่คือ “ย่านเด็ด” ที่ต้องมา !!

อากาศเริ่มหนาวนี่ยังพอทน แต่ลมที่พัดมาพร้อมกับความหนาวคูณสองนี่แทบไม่ไหว ปกติไม่ใช่คนขี้หนาวนะคะ แต่ครั้งนี้ดันดูเป็นคนขี้เหงาไปเลย อากาศมันพาไป ฮ่าๆ
เดินไปเดินมาย่านนี้ไปฟิกเกอร์มา 2 ตัว คือคุณอามุโร่ กับ เฮียชูขวัญใจเรานั่นเอง อิอิ เจอตู้กาชาเยอะแยะ แต่ไม่เจอตัวโดนๆ เท่าไหร่ เลยได้มาแต่ฟิกเกอร์ จริงๆ มันควรได้เยอะกว่านี้ค่ะ แต่ลืมเอาบัตรเครดิตไปด้วย ลืมทิ้งไว้ในกระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรม แอบเขินๆ ตอนจ่ายเงิน เพราะบอกว่าขอจ่ายบัตรแต่พอหาบัตรก็นั่นแหละค่ะ 55555 ต้องบอกว่า ขอจ่ายเงินสดแทน

นี่คือหน้าตาผู้ชายที่พากลับโรงแรมค่ะ อิอิ

เดินไปเดินมา จนคิดว่าพอแล้ว เลยกลับไปพักที่โรงแรมก่อน ขากลับขึ้นสาย Yamanote Line ยิงไป Ikebukuro เลยค่ะ

คืนนี้หลับฝันดี แช่น้ำอุ่นคลายกล้ามเนื้อให้พอบรรเทา
ตื่นมาอีกทีพรุ่งนี้ไปลุย Tokyo One piece Tower กันค่ะ

คำศัพท์ที่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับทุกคนในวันนี้ค่ะ

すみません ซุมิมาเซน = ขอโทษนะคะ(ใช้สำหรับเกริ่น)
 どちらですか โดจิร่าเดสก๊ะ = ไปทางไหนคะ
いくらですか อิ๊คุระเดสก๊ะ = เท่าไหร่คะ
おねがいします โอะเนไงชิมัส = รบกวนด้วยนะคะ/ขอความกรุณาด้วยค่ะ
これ โคะเระ = อันนี้ (ใช้สั่งอาหาร เราชี้ไปที่เมนูแล้วพูดว่า โคเระ โอเนไงชิมัส)
チェック おねがいします เช็คคุ โอะเนไงชิมัส = เช็คบิลด้วยค่ะ (แต่ก่อนจะเรียกเช็คบิล เกริ่นว่า ซุมิมาเซน ก่อนก็ดีนะคะเพื่อเรียกให้เขาหันมา)
ひとつ ฮิโตะทสึ = 1 อัน  
ふたつ ฟุตะทสึ = 2 อัน

ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มเติมถามมาได้นะคะ ถ้าตอบได้จะช่วยตอบให้ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่