>>> การดึงแต่ขั้วชาร์จมือถือออกแต่ไม่ดึงเต้าเสียบออก ไฟมันยังคงวิ่งไปมาอยู่ในนั้น
>>> อาจมีผลกับระดับการใช้ไฟ (เกี่ยวเนื่องกับค่าไฟอีก)
>>> หรือป่าว หรือเราคิดผิดคะ?


การถอดสาย Charge จากฝั่ง เครื่องโทรศัพท์
แต่มิได้ถอดตัว Adapter ออกจากเต้าเสียบ
มีผลให้เกิดการกินไฟ  แต่.... น้อยนิดดดด จนแทบไม่ต้องสนใจ ได้ครับ
ถ้าเป็น หัวชาร์จดี ๆ เสียบไว้ ตลอดทั้งปี โดยไม่เสียบกับมือถือเลย
ถ้าไม่ใช่รุ่นที่มีหลอดไฟแสดงผล
ใช้ไฟไม่ถึง 10 บาท ครับ


>>> แต่คนในบ้าน บอก...ไม่เห็นต้องดึงออกเลย
>>> คาไว้อย่างนั้นแหล่ะไม่มีผลอะไรกับระดับการใช้ไฟหรอกหน่าเพราะเมื่อเราดึงขั้วชาร์จออก
>>> ไฟมันจะตัดไปเองของมัน ไม่ได้ใช้ไฟอะไรเลย

ไม่ถึงกับว่า "ไม่ได้ใช้ไฟอะไรเลย" ครับ

คือ ในแง่ของฝั่งขาออก คือ Output เป็นเช่นนั้นครับ
ไม่มีไฟออกมา

แต่ฝั่งขาเข้าไม่เป็นเช่นนั้น ครับ

---

การที่จะ ถอดหัวชาร์จ ออกจากเต้าเสียบไฟ
ไม่อยากให้ไปมองที่เรื่อง "ค่าไฟ" ครับ
แต่ควรมองที่เรื่อง ความปลอดภัย มากกว่า
เพราะหัวชาร์จ ในปัจจุบัน มีหลายราคา หลายเกรด
บางรุ่น มีไฟแสงสว่างติดอยู่ แม้จะไม่ได้ชาร์จ

แม้นั่นจะกินไฟน้อยนิด
แต่.. วงจรก็ยังทำงาน

เกิดความร้อน เกิดความเสี่ยง ต่อการลัดวงจรได้ครับ


ถ้าไม่อยากถอดเต้าเสียบเข้าออก
สู้ หารางไฟ แบบที่มี Switch ปิดเปิดเลย จะดีกว่า ครับ

อย่างของผม ก็ซื้อหัวชาร์จไว้เต็มไปหมด
เสียบไว้ตามจุดต่าง ๆ ในบ้าน (และที่ทำงาน) ชนิดที่ว่า ไปถึง ก็ เปิดไฟ ที่รางไฟ แล้วเสียบชาร์จได้เลย
ไม่ต้องพกหัวชาร์จ
ไม่ต้องพกสายชาร์จ
ไม่ต้องถอดเข้าออก ครับ

อ้อ.. แถมนิดหนึ่งครับ
พวกรางไฟ แบบมี Switch นั้น โดยเฉพาะแบบที่เป็นปลั๊ก 2 ขา
ให้ตรวจด้วยไขควงวัดไฟ ให้ดี นะครับ
ว่า ตอนที่กด ปิด Switch แล้วนั้น
ไฟตัดจริงหรือไม่ (คือ Switch อยู่ที่สาย L หรือ N / ภาษาชาวบ้าน ก็สายมีไฟ หรือสายไม่มีไฟ)

เอาไขควงวัดไฟทดสอบดู
ถ้าปิด Switch ไฟ ต้องวัดไฟไม่เจอ นะครับ

---

เปรียบเทียบกับหม้อหุงข้าว แบบอัตโตมัติ ที่ตั้งเวลาได้ ก็ได้ครับ
คุณตั้งเวลา ให้ข้าวสุก พรุ่งนี้เช้า
ทั้งคืน หม้อหุงข้าว ก็ไม่ได้หุงข้าว ไม่มีความร้อนออกมา ในแผ่นความร้อน
แต่... นาฬิกายังเดิน นะครับ
อะไรที่เลี้ยงนาฬิกา ... ก็ไฟฟ้าในสายไฟนั่นเอง ครับ

- น้อยนิด ในแง่ ค่าใช้จ่าย
- แต่กินไฟอยู่ไหม = กินไฟอยู่
- มีความเสี่ยง ต่อการลัดวงจรอยู่ไหม  / ถ้าเทียบกับการถอดปลั๊ก ก็... แน่นอนครับ ถอดปลั๊กแล้วมาเสียบหุงตอนเช้า ความเสี่ยงน้อยกว่า

---

ทีนี้
ผมต้องขออภัย ที่ตอบเกินจากที่ถาม ครับ

---

ข้อความด้านล่างนี้ อาจไม่ครบในสิ่งที่คุณถาม  
อาจมากกว่า สิ่งที่คุณถาม
แต่เชื่อว่า จะเป็นประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อยครับ

---

Batt มือถือ ปัจจุบัน (รวมถึง Notebook) เป็นแบบ Li-ion
มิใช่แบบ Ni-Cd รุ่นโบราณ
(รุ่นโบราณต้องใช้ให้หมด-ชาร์จให้เต็ม)

ซึ่งเขาพัฒนาเพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ดังนั้น ใช้ให้มีความสุขครับ

- Charge ทิ้งไว้ก่อนนอนก็ได้ พอเต็มแล้ว ก็ปล่อยไว้แบบนั้นได้ครับ เขาตัดไฟให้เอง
  ไม่ต้องคอยตื่นมาดูตอนกลางคืน ว่า        
          เต็มหรือยัง จะได้ถอด Batt ...
          ง่วงแล้วนะ เต็มยัง.. ? ...
          หลับไปนิด.... ตื่นมาดูอีก ... เต็มยัง ???? !
          ...................หลับให้สบายครับ

- Charge ไม่เต็ม ก็หยุด Charge เพื่อหยิบไปใช้ได้ ครับ จะถอดตอนไหนก็ได้
  มิใช่ว่า.....          เผลอ Charge ไว้ตอนเช้า แล้วจะออกไปทำงาน...
                                 อ้าว ยังไม่เต็ม... ไม่กล้าถอด... กลัวเดี๋ยว Batt เสื่อม
                                 งั้น ............ ลาสายละกัน รอ Batt เต็มก่อน
    ไม่ต้องทำเช่นนั้น ครับ อยากถอดตอนไหน ก็ถอดไปเถอะครับ


- Charge ตอนไหน ก็ได้ครับ ไม่ต้องรอให้ Low Batt  
  มีโอกาส Charge ก็จง Charge มิใช่ว่า กลัว Batt เสื่อม
  ใกล้เที่ยงแล้วเหลือ Batt 20%.... มีเวลาให้ Charge ไว้ระหว่างกินข้าวตั้ง 1 ชั่วโมง
                 แต่.... อุ๊ย ! ไม่กล้า Charge จ้ะ......... เดี๋ยว Batt เสื่อม....
   ปรากฏว่า ตอนบ่ายต้องออกไปพบลูกค้า นอกสถานที่
                 ไปถึง จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ประสานงานกับที่ Office ปรากฏว่า  Batt หมดพอดี
                 หาปลั๊กเสียบ ก็ไม่มีที่ให้เสียบ ................. แป่ว.......!
   อย่าหวังน้ำบ่อหน้าครับ มีโอกาสชาร์จ ก็ชาร์จซะเถอะ

  
- Low Batt บ่อย ๆ นั้น สารเคมีข้างในเสื่อมเร็วกว่า ที่ควรนะครับ
- Charge ตอน Batt เหลือเยอะ เครื่องจะไม่ค่อยร้อน ......... Charge ตอน Batt เหลือน้อย มีโอกาสที่ เครื่องจะร้อนกว่าครับ.... ชอบแบบไหนดีนะเนี่ย

---

---

---

---

---

---

---

อายุของ Batt Li-ion

มีอายุ นับเป็น Cycle

1 cycle ก็คล้ายยืด หด สปริง แบบสุด ๆ 1 รอบ

ถ้าคุณ Charge เต็ม
แล้วใช้ 1 ใน 3
แล้ว Charge กลับจนเต็ม
ทำแบบนี้ 3 ครั้ง ก็เสียไป 1 Cycle ครับ

---

อายุ Batt มีทั้งแบบ 400-2000 Cycle
อ่านไม่ผิดครับ หลักร้อย ไปถึงหลักพัน
ขึ้นอยู่กับ คุณภาพ
- เนื้อสาร ที่นำมาทำ Batt
- Batt เก๊ ที่รับซื้อใส้ Batt เก่า มาขายใหม่
- แหล่งผลิตของ Batt ว่า น่าเชื่อถือแค่ไหน

ก็เหมือนหลอดไฟในบ้านครับ แต่ละยี่ห้อ ก็มีอายุการใช้งานไม่เท่ากัน

แถม บางที โรงงานเดียวกัน แต่ผลิตหลอดตั้งหลายยี่ห้อ
แล้วออกมาคุณภาพต่างกันนะครับ
เพราะอะไร เพราะว่า สูตรการเคลือบสาร, คุณภาพสารต่าง ๆ ของแต่ละยี่ห้อ ที่ระบุมา ก็ต่างกัน

---

อย่า ไปคิดว่า Batt จะต้องเป็น อมตะ หรือ คงทนอยู่ได้นาน ๆ เหมือน ตัวเครื่อง เหมือน CPU เหมือนจอ เหมือนแป้นพิมพ์ ที่จะพังไปพร้อมเครื่อง

ถ้าใช้เครื่องบ่อย  ๆ ก็ต้องเจอ Batt เสื่อมบ้าง
ถ้าเจอ Batt กิ๊กก๊อก ใช้ไม่นาน ก็หมดอายุ (เสื่อม) ครับ

แต่ ส่วนใหญ่ บางท่าน เปลี่ยนเครื่องกันบ่อย เปลี่ยนเครื่องกันเร็ว
เกินกว่า ที่ Batt จะเสื่อมซะอีกครับ

---

---