The Last Samurai หนังดราม่าสงครามชิ้นเอก ทอม ครูซ แสดงโคตรดี

 หนังเรื่องนี้เป็นหนังเก่าล่ะ ตั้งแต่ปีค.ศ. 2003 แต่เก่ายังไง เอามาดูใหม่ก็ยังสนุกและประทับใจอยู่ ยิ่งเป็นหนังที่ ทอม ครูซ ดาราขวัญใจของผมแสดง ผมยิ่งรู้สึกชอบหนังเรื่องนี้มากๆ เพราะ การแสดงบทดราม่าในเรื่องนี้ แกทำได้ดีมากๆครับ

 หนังเรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับของผู้กำกับ เอ็ดเวิร์ด
สวิกซ์ ผมเคยดูผลงานก่อนหน้าของผู้กำกับคนนี้เรื่อง The Siege ในปี 1998
หนังแนวตามจับผู้ก่อการร้ายสงครามกลางเมือง ซึ่งหนังทำออกมาได้สนุกมากๆ เนื้อหาเข้มข้น ดุดัน แต่สำหรับเรื่อง The Last Samurai ผมชอบยิ่งกว่า และผลงานหลังจากเรื่อง The Last Samurai แกก็ทำหนังแนวสงครามดราม่าที่ผมชื่นชอบอีกสองเรื่องอย่าง Blood Diamond ในปี 2006 และ Defiance ในปี 2008 ซึ่งหนังของแกที่ได้ดูมา จะเน้นความเป็นดราม่า มากกว่าเน้นฉากแอ็คชั่นสงครามนะ แต่ผมชอบมากกว่าที่จะเอาแต่สาดกระสุนกันทั้งเรื่องนะ

 ซึ่งตัวทอม ครูซ และ เอ็ดเวิร์ด หลังจากเรื่อง The Last Samurai ผ่านไปเป็นสิบปี ก็กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในหนังภาคต่อเรื่อง Jack Reacher Never Go Back ในปี 2016 หนังดูผ่านๆ ดูความเป็น ทอม ครูซ ได้เพลินๆ แต่มันไม่ตราตรึงใจแบบเรื่องนี้ ที่มันมีอะไรแฝงมากกว่าหนังธรรมดาๆเรื่องหนึ่ง

 หนังเรื่องนี้ไม่ได้สร้างจากเหตุการณ์จริง 100% ตามหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น อาจมีข้อเท็จจริงในบางส่วน แต่ไม่ทั้งหมด หนังยาวถึง 2 ชม.ครึ่ง ถึงไม่ได้เน้นแอ็คชั่นตื่นตาตื่นใจมาก แต่หนังก็สะกดคนดูได้ตลอดทั้งเรื่อง ไม่มีช่วงน่าเบื่อเลย แม้แต่บทสนทนาในหนัง ด้วยการแสดงของ ทอม ครูซ และ เคน วาตานะเบะ

 เรื่องนี้ ทอม ครูซ รับบทเป็นนายทหารอเมริกัน ผู้กอง เนธาน อัลเกรน ที่ต้องฝันร้ายตลอดกับสิ่งที่ทำลงไปในการสังหารหมู่ชาวบ้านพวกอินเดียนแดงอย่างโหดเหี้ยม ด้วยคำสั่งจากหัวหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตลอดแทบทั้งเรื่อง พระเอกของเรา จะฝันร้ายถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น อยู่หลายฉาก เป็นความทรงจำที่พระเอกอยากจะลบออกไป รู้สึกผิด แต่ทำไม่ได้ เป็นสาเหตุที่ในเรื่องต้องหันไปพึ่งเหล้า เมา จนหน้าบวม ซึ่งเรื่องนี้ถ้าสังเกตุ ทอม แกหน้าอืดๆ เหมือนคนดื่มเหล้าเยอะจริงๆ ไม่ได้หน้าเรียวหล่อเหมือนเรื่องที่ผ่านมา

 อีกคนที่แสดงได้ยอดเยี่ยม มาขโมยซีนของ ทอม ครูซ คือ เคน วาตานะเบะ นักแสดงชาวญี่ปุ่น ที่แสดงเป็น คัตซึโมโต้ หัวหน้าเหล่านักรบซามูไร แสดงได้ดีมาก ทั้งสีหน้า ท่าทาง การแสดงอารมณ์ต่างๆ เวลาเข้าฉากมีบทสนทนากับตัวพระเอกทีไร ดูแล้วอินมากๆ ดูแล้วชอบบทนี้ที่แกแสดงมากเลย 

 หนังเรื่องนี้ถ้าคุณหวังดูเอามันแบบหนังสงครามทั่วๆไปคงไม่ตอบโจทย์ แต่ถ้าอยากดูหนังที่บทดราม่าดีๆ การแสดงดีๆของนักแสดง เรื่องนี้ตอบโจทย์เป็นอย่างมากครับ รวมถึงวิวทิวทัศน์ในเรื่อง ที่กองถ่ายไปถ่ายทำที่ นิวซีแลนด์ ซึ่งวิวโคตรสวย ภาพของหนังสวยงามมากการเซ็ตฉากต่างๆ ทีมงานโปรดักชั่นทำได้ดีเลยทีเดียว 

 หนังเรื่องนี้ผมมองว่า มันส่อให้เห็นความคิดเห็นของกลุ่มคนที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดความขัดแย้ง นำไปสู่การก่อสงคราม และมันมองได้หลายทาง ไม่มีใครดีเพอร์เฟ็กต์ 100% หรือเลวไปหมด 100% ต่างคนต่างเห็นต่าง ในยุคที่สังคมในชนชาติกำลังจะเปลี่ยนไปจากเดิม 

 หนังชื่อว่า The Last Samurai ไม่ได้หมายถึงว่าตัวพระเอก เนธาน อัลเกรน เป็นซามูไรคนสุดท้าย เพราะ ถึงตอนหลังพระเอกจะมาเข้าร่วมศึกกับซามูไร แต่ยังไงก็ยังเป็นทหารชาติอเมริกัน และไม่ได้ใช้ชีวิตความเป็นอยู่แบบพวกซามูไร อยู่ดี คำว่า The Last Samurai ก็คือ กลุ่มซามูไรสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ของคัตซึโมโต้นั่นแหละ

 หนังมันสื่อความเป็นซามูไรได้ดีครับ โดยผ่านตัวกลาง อย่าง เนธาน พระเอกในเรื่อง คือ เราไม่รู้หรอกว่าพวกซามูไรเป็นมาใช้ชีวิตอยู่ มีแนวคิดอย่างไร จนเมื่อพระเอกถูกจับเป็นเชลยศึกนี่แหละ เราก็จะเห็นด้านต่างๆของพวกซามูไร ที่ต้นเรื่องพวกอุมุระบอกว่าเป็นพวกป่าเถื่อน ตัวถ่วงของประเทศชาติ ต้องรีบกำจัดทิ้ง แต่จริงๆ เป็นพวกที่รักษาวัฒนธรรม และอารยธรรมที่ดีของประเทศให้คงอยู่ต่อไป ไม่ใช่เอาแต่ของชาติตะวันตกมาอย่างเดียว มันต้องควบคู่กันไป ตัวเนธานเอง ผมมองว่าที่แกยอมมาเข้าร่วมรบกับพวกซามูไร เพราะ ความเห็นอกเห็นใจในฐานะทหารและเพื่อนมนุษย์ รวมถึงเข้าใจในแนวความคิดของพวกซามูไรที่ไม่ใช่พวกป่าเถื่อน รังแกประชาชน หรือ เป็นตัวถ่วงของประเทศแต่อย่างใด

 ฉากแอ็คชั่นมีไม่มาก แต่เป็นที่น่าจดจำ ทอม ครูซ เรื่องนี้แกมีฉากแกวิ่ง แต่ไม่ได้วิ่งมากมายเท่าเรื่องอื่น มียิงปืน ใช้ดาบซามูไร ขี่ม้า ใส่ชุดเกราะซามูไร ดูเท่ไปอีกแบบ  ฉากทำศึกสงครามช่วง 15 นาทีท้ายเรื่อง เป็นอะไรที่ดูยิ่งใหญ่และขนลุกมาก เอาคนมาแสดงกันจริงๆนับร้อยชีวิต และฉากสงครามดูสมจริงดี ยิ่งฉากที่พวกซามูไรขี่ม้าบุกทะลวงโดนปืนกลยิงใส่ ดูแล้วมันเศร้ามาก แบบรู้ทั้งรู้ว่ายังไงต้องตาย แต่ขอสู้จนตัวตาย ด้วยเกรียติ์และความกล้าหาญ ยิ่งฉากจบที่พระเอกเอาดาบไปให้องค์จักรพรรดิ์แล้วองค์จักรพรรดิ์พูดกับพระเอกนะ ซึ้งกินใจมาก 

 สรุปสั้นๆว่า เป็นหนังอีกเรื่องของ ทอม ครูซ ที่ผมชอบมากๆ และก็ถือเป็นหนังแนวดราม่าสงครามที่ดีเรื่องหนึ่ง รวมถึงเป็นผลงานที่ดีอีกชิ้นของผู้กำกับ เอ็ดเวิร์ด สเวซ ด้วย
  
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่