หลังจากนั่งเครื่องบินจากเมืองไทยมายาวนาน 11 ชั่วโมง ก็ถึงสนามบินเมืองออสโล
ผ่านตม. / เช็คอินภายในประเทศ ละเข้าไปนั่งรอเวลาค่ะ
ถ้าเริ่มนับจากสุวรรณภูมิมา เราจะบินกัน 3 ไฟลท์ค่ะ
สุวรรณภูมิ-ออสโล ออสโล-โบโด โบโด-เลคเนส
ถึงบ้านพัก ก็ 24 ชั่วโมงพอดี
จากออสโลไปโบโด เราใช้บริการสายการบิน SAS

ก่อนออกจากออสโล จะมีรถมาฉีดน้ำแบบนี้ น่าจะเป็นล้างน้ำแข็ง หรืออะไรสักอย่าง

มีบริการฟรีเครื่องดื่มกาแฟร้อนและชาร้อน

ถึงสนามบินโบโด

เราจะมีเวลาต่อเครื่องแค่ 30 นาที เพื่อไปยังสนามบินเลคเนส ซึ่งเรากังวลมาก แต่เฮ๊ย ทันอ่ะ
เครื่องบินแบบใบพัด เราอ่านมาก็พอรู้ว่ามันเล็กมาก นึกว่าจะเล็กกว่านี้

นับดูคร่าวๆ น่าจะมีผู้โดยสาร 40 ที่นั่ง เต็มทุกที่นั่งเลยค่ะ
เครื่องขึ้นสักพัก และเราก็ได้รับแจกช๊อกโกแลต ขมๆ
มีผู้โดยสารซื้อเบียร์ เด๊วนะ แค่ 20 นาทีนี่อดทนไปกินข้างล่างไม่ได้ใช่มะ
วิวตอนเครื่องขึ้น

ตื่นเต้นมากค่ะ เกาะไหนน๊า..โลโฟเทน

สวยมากๆ บ้านสีๆ หิมะสีขาวๆ

ถึงเลคเนสละค่ะ เย็นๆ แต่สดชื่นมากค่ะ

ระหว่างรอกระเป๋า ซึ่งให้แม่กับน้าดู เรากับพี่ก็ไปติดต่อรถที่เช่าไว้ค่ะ
เราไม่ต้องแม้กระทั่งหยิบอีเมลที่คอนเฟิร์มมา พนักงานก็หยิบเอกสารให้เลย ถึงขนาดรู้ว่าพวกเราคือชื่อไหน
ตอนแรกที่จองรถออนไลน์มา ใจนึงก็นึกว่า ไปถึงจะมีรถไหม
รถที่ได้จะเป็นอย่างไร คืออยากจ่ายเงินเลยด้วยซ้ำ อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่ามีรถแน่ๆ
แต่พอมาถึงแล้วก็โล่งค่ะ
จากการเช่ารถครั้งแรกนี้ ขอแนะนำให้เช่ารถกับบริษัทใหญ่ๆค่ะ มันดูน่าเชื่อถือกว่า
จากสนามบิน เราไปซื้อของในซุปเปอร์ก่อนค่ะ เป็นซุปเปอร์ที่ใหญ่ที่สุดในเลคเนส
ตอนซื้อของเสร็จและเดินกลับมาที่รถ หิมะโปรยค่ะ ตื่นเต้นๆ
บ้านที่เราพักสวยมากกกกกกกกกกกกกกก และราคาไม่ได้แพงเลย อุปกรณ์ในบ้านก็ครบ เกินพอ..
ราคาบ้านหลังนี้ถูกว่าที่ออสโลอีก
เราจองบ้านผ่าน Airbnb ค่ะ และได้รหัสการเปิดกล่องที่ใส่กุญแจมาแล้ว
แม่กับน้าก็เล่นหิมะกันไป พี่ก็ดูรถ ส่วนมะเหมียวไขกุญแจเข้าบ้าน

หน้าบ้านเป็นฟยอร์ด หลังบ้านเป็นภูเขา
เล่นหิมะกันหน้าบ้านกันไปเลย

อาหารมื้อแรกที่เราทำคือต้มยำแซลมอนค่ะ

ขอบอกว่ามานอร์เวย์เรากินปลากันทุกวันเลย ไม่แซลมอน ปลาเทร้า ก็ปลากระป๋อง (แต่เป็นปลากระป๋องนอร์เวย์นะคะ อิอิ)
คุณนายแม่เตรียมเครื่องครัวมาจากบ้าน มีเครื่องต้มยำ เครื่องลาบ และน้ำพริกเล็กน้อย
อันนี้ของที่ซื้อมาจากซุปเปอร์ ไม่อยากซื้อเยอะ เพราะเราต้องย้ายเมืองกัน นอนที่นี่แค่ 3 คืนค่ะ

ทานข้าวเสร็จแล้วก็ชมวิว

เข้าใจว่าวันนี้จะเข้าบ้านแล้วนอนเลย เพราะเหนื่อยจากการเดินทาง
แต่พอนั่งเล่นนอนเล่นไปสักพัก น้าสาวบอกว่านั่นคือแสงเหนือใช่ไหม
..ใช่ค่ะ นั่นคือแสงเหนือ
อะไรนะ มาคืนแรกก็เห็นแสงเหนือเลย ตอนสองทุ่ม

คืนแรกนอนหลับฝันดีกันทุกคนค่ะ
----
เช้าวันที่สอง
อาจจะเป็นเพราะเจ็ทแลค เราตื่นกันเช้ามาก ประมาณตีสี่
ตื่นมาก็ทำอาหารเช้าทาน และก็เตรียมแซนด์วิชและชงกาแฟไปกินตอนเที่ยง
เช้านี้ทำข้าวต้มปลาแซลมอนค่ะ

บ้านที่เราพักอยู่ห่างจากสนามบินเลคเนสประมาณ 10 นาทีลงมาทางใต้
อยู่ติดกับเส้น E10 เลย คุณแม่ปลื้มมากค่ะ บ้านทั้งสวย ทั้งสะดวก
ออกมาเจอสภาพรถ เห๊ย.. สวยจัง


จริงๆ สตาร์ทรถสักพัก ก็หายไปค่ะ แต่เราก็แอบช่วยกวาดหิมะออกด้วย ในรถเค้ามีเครื่องมือมาไว้ให้อยู่แล้ว
วันนี้เราจะลงไปเที่ยวกันทางใต้ ไปยังหมู่บ้านโอ สุดถนน E10
วิวระหว่างทางค่ะ นานๆจะมีรถสวนมาสักที

คุณนายแม่ชมตลอดทางว่าสวยอย่างนั้น สวยอย่างนี้ คุ้มจริงๆ
ค่าเช่ารถก็ถูก (ถูกกว่าที่คิด)
คุณนายแม่เจอที่ตากปลาคอด ตื่นเต้นมาก เกิดมาไม่เคยเจอ ตากกันกลางแจ้ง
ตู้แช่แข็งดีๆนี่เอง

ปัญหาเริ่มเกิด ปวดท้องเข้าห้องน้ำจะทำอย่างไร
ขับรถงลงใต้ไปเรื่อยๆ
แวะแรกเมื่อเห็นป้ายห้องน้ำ เลี้ยวเข้ามา หาย..
แวะสอง ห้องน้ำล๊อก
แวะอีกครั้ง เด๊ว ห้องน้ำอยุ่ไหน
ไม่ได้เข้าห้องน้ำก็ถ่ายรูปกันไปค่ะ นี่คือวิวหน้าห้องน้ำค่ะ

แวะต่อไปเป็นหมู่บ้านไรเน่ค่ะ เราจอดรถแล้วเดินเข้าหมู่บ้านไป
ผ่านโบสถ์

ผ่านปั๊มน้ำมัน

และเจอห้องน้ำ.....ที่ล๊อก

ไม่ไหวกันแล้ว ตัดสินใจไปถามหาห้องน้ำในร้านค้า
เกือบไม่รอดค่ะ 555
ออกจากหมู่บ้าน มาแวะถ่ายรูปกับมุมมหาชน
มันสวยทุกมุมค่ะ

แล้วก็ขับต่อไปยังจุดหมายที่ตั้งใจไว้แต่แรก หมู่บ้านโอ เดินๆ ถ่ายรูปเล่น

แล้วขับย้อนกลับ (ทางกลับบ้าน)
ซากีซอย

แม่ถามว่าเค้าทาสีได้สีเดียวเหรอ
นางยังติดใจปลาตากหิมะอยู่

Hamnoy
ที่นี่ทางเดินไปถ่ายรูปค่อนข้างอันตราย ต้องเดินระวังรถกันด้วยนะคะ

แวะชมหาด

แวะชมโบสถ์

แวะจอดจุดชมวิวก่อนจะเลี้ยวเข้าบ้านพัก วิวหลักล้านค่ะ
นั่นเห็นบ้านเค้าไหม หลังคาดำๆ อยู่กลางๆค่ะ

เย็นนี้ทำเมนูลาบแซลม่อน

เตรียมเข้านอน ดูแอพฯบอกว่าวันนี้ค่าแสงเหนือสูงมาก

แต่มันไม่มา
เศร้า ....
-----
วันที่สามที่โลโฟเทนค่ะ
เช้านี้เติมพลังกันด้วยโจ๊กปลาแซลมอนค่ะ

ออกมาเจอสภาพรถ ถึงว่าไม่เห็นแสงเหนือ เพราะหิมะตกนี่เอง

วันนี้เราจะขับรถขึ้นเหนือไปทางแผ่นดินใหญ่
พอขับรถวันที่สามมันก็จะเริ่มชินๆ

เราตั้งใจจะไปปลายทางที่ไกลที่สุดก่อน แล้วค่อยกลับมาแวะหาด 2หาด
(แต่ว่าไปได้หาดเดียว)
เข้าเมือง หาที่จอดรถ เดินเล่น

โบสถ์กลางเมือง

เติมน้ำมันครั้งแรก งงๆ
แต่มันก็ไม่ได้ยาก กด-ยก-เสียบ-กด-เต็มละมันจะหยุดเองค่ะ ละก็วิ่งไปจ่ายในร้าน
หมู่บ้านอีกึม

ไม่มีเจ้าหน้าที่เก็บค่าเข้า แต่พวกเราก็หยอดเงินใส่ตู้กันเรียบร้อย มีวงจรปิดอยู่ด้านบน ไม่รู้กล้องจะเสียมะ

ตู้ไปรษณีย์ระหว่างทาง

ถนนที่ไม่ใช่ E10 ก็จะมีหิมะเยอะหน่อย ขับระวังๆไป

ข้อเสียของการมาเที่ยวเอง บางทีก็จะไม่รู้ว่าในแต่ละสถานที่จุดไหนคือจุดสำคัญ และมีความเป็นมาอย่างไร
เน้นซึมซับบรรยากาศกันไป

ทางกลับบ้าน วีดีโอคอลกับน้าๆที่ไทย
โดนถามว่าที่นั่นมีแต่สีขาวกับดำเหรอ..
เออ จริง
คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายแล้วที่เราจะนอนที่โลโฟเทน
พวกเราช่วยกันภาวนาให้ได้เจอแสงเหนืออีกครั้ง
วันนี้แอพบอกว่ามีค่า KP ต่ำกว่าเมื่อวาน แอบเศร้า..
แต่ก็ยังมีหวัง เพราะบอกว่าเมฆน้อย
เราดูเวลาที่คาดการณ์แล้วก็ไปนอนแล้วตั้งนาฬิกาปลุก
รอบแรกสองทุ่ม ไม่มี
รอบสอง สามทุ่มไม่มี
แอบเฟล สักพักแม่เดินมาเข้าห้องน้ำละถามว่านั่นใช่แสงเหนือไหม...วิ่งกันเลยค่ะ
วันนี้มาเยอะมาก เต้นระบำเลย
วิ่งสลับกันถ่ายรูปไปมา ถ่ายหน้าบ้านเสร็จวิ่งไปหลังบ้าน
จะบอกว่าถึงที่พยาการณ์ค่ามันจะต่ำ ถึงจะมีแสงรบกวน แต่ถ้าฟ้าเคลียร์ มันก็จะเห็นเอง

ใช้เวลาถ่ายรูปน่าจะร่วมชั่วโมงได้
แล้วก็กลับเข้าบ้านมาชงไมโลร้อนๆ พร้อมกับดูรูปกัน
มีความสุขค่ะ
ถือเป็นการจบทริบโลโฟเทนที่สุดยอดมาก
ขอบอกว่ารูปที่ถ่ายนี้มาจากกล้องหัวเว่ยโปร20 ของพี่สาวค่ะ และแค่ใช้ night mode เท่านั้น
แต่อุปกรณ์ที่สำคัญมากๆ คือขาตั้งกล้องค่ะ
---
วันที่สี่
ก่อนกลับเราก็เดินเล่นถ่ายรูปรอบบ้านไป

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ถนนช่างเงียบเหงา
เรามาถึงสนามบินก่อนเวลาเกือบ 3 ชม.
และพบว่ามันปิด

เราเลยไปเที่ยวที่ใกล้ๆสนามบินกัน มันคือ หาดฮ้วกแลนด์
ฟ้าใส แดดดี ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย
ขอบคุณโลโฟเทน เพิ่งเห็นทรายเป็นหิมะก็คราวนี้


ถ่ายรูปกันจนหนำใจแล้วก็ขับรถกลับมารอสนามบินเปิดค่ะ

------
[CR] สวยงามดังภาพฝัน โลโฟเทน-เบอร์เก้น-ออสโล # 2 โลโฟเทน สวยทุกตรง
ผ่านตม. / เช็คอินภายในประเทศ ละเข้าไปนั่งรอเวลาค่ะ
ถ้าเริ่มนับจากสุวรรณภูมิมา เราจะบินกัน 3 ไฟลท์ค่ะ
สุวรรณภูมิ-ออสโล ออสโล-โบโด โบโด-เลคเนส
ถึงบ้านพัก ก็ 24 ชั่วโมงพอดี
จากออสโลไปโบโด เราใช้บริการสายการบิน SAS
เครื่องบินแบบใบพัด เราอ่านมาก็พอรู้ว่ามันเล็กมาก นึกว่าจะเล็กกว่านี้
เครื่องขึ้นสักพัก และเราก็ได้รับแจกช๊อกโกแลต ขมๆ
มีผู้โดยสารซื้อเบียร์ เด๊วนะ แค่ 20 นาทีนี่อดทนไปกินข้างล่างไม่ได้ใช่มะ
วิวตอนเครื่องขึ้น
เราไม่ต้องแม้กระทั่งหยิบอีเมลที่คอนเฟิร์มมา พนักงานก็หยิบเอกสารให้เลย ถึงขนาดรู้ว่าพวกเราคือชื่อไหน
ตอนแรกที่จองรถออนไลน์มา ใจนึงก็นึกว่า ไปถึงจะมีรถไหม
รถที่ได้จะเป็นอย่างไร คืออยากจ่ายเงินเลยด้วยซ้ำ อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่ามีรถแน่ๆ
แต่พอมาถึงแล้วก็โล่งค่ะ
จากการเช่ารถครั้งแรกนี้ ขอแนะนำให้เช่ารถกับบริษัทใหญ่ๆค่ะ มันดูน่าเชื่อถือกว่า
จากสนามบิน เราไปซื้อของในซุปเปอร์ก่อนค่ะ เป็นซุปเปอร์ที่ใหญ่ที่สุดในเลคเนส
ตอนซื้อของเสร็จและเดินกลับมาที่รถ หิมะโปรยค่ะ ตื่นเต้นๆ
บ้านที่เราพักสวยมากกกกกกกกกกกกกกก และราคาไม่ได้แพงเลย อุปกรณ์ในบ้านก็ครบ เกินพอ..
ราคาบ้านหลังนี้ถูกว่าที่ออสโลอีก
เราจองบ้านผ่าน Airbnb ค่ะ และได้รหัสการเปิดกล่องที่ใส่กุญแจมาแล้ว
แม่กับน้าก็เล่นหิมะกันไป พี่ก็ดูรถ ส่วนมะเหมียวไขกุญแจเข้าบ้าน
เล่นหิมะกันหน้าบ้านกันไปเลย
คุณนายแม่เตรียมเครื่องครัวมาจากบ้าน มีเครื่องต้มยำ เครื่องลาบ และน้ำพริกเล็กน้อย
อันนี้ของที่ซื้อมาจากซุปเปอร์ ไม่อยากซื้อเยอะ เพราะเราต้องย้ายเมืองกัน นอนที่นี่แค่ 3 คืนค่ะ
แต่พอนั่งเล่นนอนเล่นไปสักพัก น้าสาวบอกว่านั่นคือแสงเหนือใช่ไหม
..ใช่ค่ะ นั่นคือแสงเหนือ
อะไรนะ มาคืนแรกก็เห็นแสงเหนือเลย ตอนสองทุ่ม
----
เช้าวันที่สอง
อาจจะเป็นเพราะเจ็ทแลค เราตื่นกันเช้ามาก ประมาณตีสี่
ตื่นมาก็ทำอาหารเช้าทาน และก็เตรียมแซนด์วิชและชงกาแฟไปกินตอนเที่ยง
เช้านี้ทำข้าวต้มปลาแซลมอนค่ะ
อยู่ติดกับเส้น E10 เลย คุณแม่ปลื้มมากค่ะ บ้านทั้งสวย ทั้งสะดวก
ออกมาเจอสภาพรถ เห๊ย.. สวยจัง
วันนี้เราจะลงไปเที่ยวกันทางใต้ ไปยังหมู่บ้านโอ สุดถนน E10
วิวระหว่างทางค่ะ นานๆจะมีรถสวนมาสักที
ค่าเช่ารถก็ถูก (ถูกกว่าที่คิด)
คุณนายแม่เจอที่ตากปลาคอด ตื่นเต้นมาก เกิดมาไม่เคยเจอ ตากกันกลางแจ้ง
ตู้แช่แข็งดีๆนี่เอง
ขับรถงลงใต้ไปเรื่อยๆ
แวะแรกเมื่อเห็นป้ายห้องน้ำ เลี้ยวเข้ามา หาย..
แวะสอง ห้องน้ำล๊อก
แวะอีกครั้ง เด๊ว ห้องน้ำอยุ่ไหน
ไม่ได้เข้าห้องน้ำก็ถ่ายรูปกันไปค่ะ นี่คือวิวหน้าห้องน้ำค่ะ
ผ่านโบสถ์
เกือบไม่รอดค่ะ 555
ออกจากหมู่บ้าน มาแวะถ่ายรูปกับมุมมหาชน
มันสวยทุกมุมค่ะ
ซากีซอย
นางยังติดใจปลาตากหิมะอยู่
ที่นี่ทางเดินไปถ่ายรูปค่อนข้างอันตราย ต้องเดินระวังรถกันด้วยนะคะ
นั่นเห็นบ้านเค้าไหม หลังคาดำๆ อยู่กลางๆค่ะ
เศร้า ....
-----
วันที่สามที่โลโฟเทนค่ะ
เช้านี้เติมพลังกันด้วยโจ๊กปลาแซลมอนค่ะ
วันนี้เราจะขับรถขึ้นเหนือไปทางแผ่นดินใหญ่
พอขับรถวันที่สามมันก็จะเริ่มชินๆ
(แต่ว่าไปได้หาดเดียว)
เข้าเมือง หาที่จอดรถ เดินเล่น
แต่มันก็ไม่ได้ยาก กด-ยก-เสียบ-กด-เต็มละมันจะหยุดเองค่ะ ละก็วิ่งไปจ่ายในร้าน
หมู่บ้านอีกึม
เน้นซึมซับบรรยากาศกันไป
ทางกลับบ้าน วีดีโอคอลกับน้าๆที่ไทย
โดนถามว่าที่นั่นมีแต่สีขาวกับดำเหรอ..
เออ จริง
คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายแล้วที่เราจะนอนที่โลโฟเทน
พวกเราช่วยกันภาวนาให้ได้เจอแสงเหนืออีกครั้ง
วันนี้แอพบอกว่ามีค่า KP ต่ำกว่าเมื่อวาน แอบเศร้า..
แต่ก็ยังมีหวัง เพราะบอกว่าเมฆน้อย
เราดูเวลาที่คาดการณ์แล้วก็ไปนอนแล้วตั้งนาฬิกาปลุก
รอบแรกสองทุ่ม ไม่มี
รอบสอง สามทุ่มไม่มี
แอบเฟล สักพักแม่เดินมาเข้าห้องน้ำละถามว่านั่นใช่แสงเหนือไหม...วิ่งกันเลยค่ะ
วันนี้มาเยอะมาก เต้นระบำเลย
วิ่งสลับกันถ่ายรูปไปมา ถ่ายหน้าบ้านเสร็จวิ่งไปหลังบ้าน
จะบอกว่าถึงที่พยาการณ์ค่ามันจะต่ำ ถึงจะมีแสงรบกวน แต่ถ้าฟ้าเคลียร์ มันก็จะเห็นเอง
ใช้เวลาถ่ายรูปน่าจะร่วมชั่วโมงได้
แล้วก็กลับเข้าบ้านมาชงไมโลร้อนๆ พร้อมกับดูรูปกัน
มีความสุขค่ะ
ถือเป็นการจบทริบโลโฟเทนที่สุดยอดมาก
ขอบอกว่ารูปที่ถ่ายนี้มาจากกล้องหัวเว่ยโปร20 ของพี่สาวค่ะ และแค่ใช้ night mode เท่านั้น
แต่อุปกรณ์ที่สำคัญมากๆ คือขาตั้งกล้องค่ะ
---
วันที่สี่
ก่อนกลับเราก็เดินเล่นถ่ายรูปรอบบ้านไป
เรามาถึงสนามบินก่อนเวลาเกือบ 3 ชม.
และพบว่ามันปิด
ฟ้าใส แดดดี ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย
ขอบคุณโลโฟเทน เพิ่งเห็นทรายเป็นหิมะก็คราวนี้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้