♥ .•*´¨`*•. คู่มือการให้กำลังใจคนป่วย SLE และผู้ป่วยร้ายแรงทุกโรค .•*´¨`*•. ♥

                    โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะค่ะ (นะคะ)

คู่มือนี้ทำสำหรับผู้ที่เขียนทั้งนะค่ะ และนะคะ ค่ะ

                    ท้าวความเลยนะคะเราป่วยเป็น sle ค่ะ (โรคพุ่มพวง ) มากันเป็นพวงเลยทีเดียว 
เราเริ่มป่วยและเข้าร.พ. ตั้งแต่ พ.ค. ปี 60 หมอบอกว่าเราเป็น sle นะ ลงระบบไต ระบบเลือด ระบบสมอง
คือเราลงระบบหนัก แต่เราเป็นไม่หนัก ตอนนั้นมึนๆงง อ๋อ...สงสัยเป็นไม่เยอะ
แต่หลังจากนั้นเราเข้าไอซียูตลอดเลย 2 ปี 4 ครั้งเอง นึกถึงคำหมอ ไม่หนัก...
อืม...ไม่หนักจริงด้วย ถ้าหนักป่านนี้คงกลายเป็นมิตรรักแฟนเพลงคุณพุ่มพวงไปแล้ว.

                    เริ่มจากมีอาการชักไม่ทราบสาเหตุ ฟื้นมางงๆ เบลอๆ บวกกับอาการทางประสาท
ซึ่งแยกไม่ออกอันไหนจริง อันไหนหลอน จนมาเส้นเลือดในสมองแตก 2 เส้น
(เส้นเดียวมันคงเหงามากันเป็นคู่เลย) หลังผ่ามีอาการทางประสาท คิดว่าพยาบาลจะมาฆ่า
แอบตัดสายน้ำเกลือ เราได้แต่ตะโกน เมิงจะฆ่ากรูๆๆ พร้อมให้ดูสายที่คิดไปเองว่ามันมีรอยตัด
ผลคือ...โดนจับมัดแขนมัดขาแล้วเอาผ้าคาดอกเพราะดิ้นมาก

                    ขอบอกว่าเป็นอะไรที่ทรมานมาก สำหรับคนนมแบน
นึกภาพตามนะ คนที่มีนมอ่ะถึงคาดยังไงก็มีร่องให้หายใจ แต่สภาพเราตอนนั้น หนัก 30 โล
แล้วโดนคาดอก คือหายใจแทบไม่ออกเลยนะ ณ ตอนนั้นหายหลอนเลย กลัวตายมากกว่า
ขอร้องคุณพยาบบาล จะไม่ทำอีกแล้วค่า ปล่อยเถอะนะ ผิดไปแล้ว สาบานจะไม่ทำอีกนะ นะ นะ
ไม่มีเสียงตอบรับ...แล้วหลับไป

                    ตื่นมาเหมือนได้ชีวิตใหม่ เค้าแก้ผ้าออกให้แล้ว เย้ๆๆ หลังจากนั้นไม่ดื้อ ไม่ซนอีกเลย
ก็รักษาตัวไปด้วยความที่อึด ถึก ทน สู้มาตลอด ตอนที่นอนที่ร.พ. พยายามช่วยเหลือตัวเอง อะไรทำเองได้ก็ทำ
เปลี่ยนแพมเพิสเอง เปลี่ยนมันใต้ผ้าห่มนั่นแหละ ม่งม่านไม่ต้อง ปิดห่อแบบสวยงามเอาเท้าถีบไปปลายเตียง
ให้คุณพยาบาลเอาไปชั่ง ช่วงไหนเจาะไขสันหลังลุกไม่ได้ก็นอนกิน พยาบาลไม่ต้องลำบากมาป้อน 
เราจะมีอาวุธคู่กาย นั่นคือไม้เท้าเอาไว้เกี่ยวของ เอาไว้จิ้มเปิดปิดพัดลม กดปุ่มเปลี่ยนระดับเตียงเอง
แม้แต่แอบสอยถุงขนมจากเตียงข้างๆก็ทำมาแล้ว เราเข้าร.พ.บ่อย ครั้งละ 2-3 อาทิตย์
หมอกับพยาบาลแปลกใจ คือสภาพเราแย่มากๆแต่ทำไมแข็งแรงฟื้นตัวไวกว่าคนอื่นๆ นั่นอาจเป็นเพราะเราสู้ 
และกำลังใจจากครอบครัว และคนรักที่ทนกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของเราได้โดยไม่ทิ้งไปไหน
เราถามนะทำไมไม่ทิ้งเรา เราไล่ไปหาใหม่หลายรอบมากเค้าบอกว่าแก่แล้ว ป่านนี้จะไปหาที่ไหนได้
ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ เราซึ้งในความดี น้ำตาไหลพรากภูมิใจจริงๆที่เลือกคนไม่ผิด เราคิดถูกแล้วใช่มั้ยคะ

                    แล้วหมอก็นัดมาผ่าใหม่เนื่องจากมีเส้นเลือดโป่งพองในสมองอีกเส้นนึง กับเส้นเลือดตีบอีกเส้นนึง
แหม...มากันเป็นครอบครัวเชียวนะแก พากันมาทำรังเต็มกบาลตูเลย ทุกวันนี้ผ่าหมดแล้ว แต่...ช้า...แต่...
มันยังมีอีกเส้นนึงที่โป่งพองแต่มันลึกมาก หมอไม่เสี่ยงผ่า เพราะอาจเป็นอัมพาตได้ก็ทำ ct กันต่อไป

                    ที่เล่ามานี้คืออยากจะให้กำลังใจคนที่เป็น sle ทั้งหลาย และผู้ป่วยคนอื่นๆ อย่าได้ท้อแท้กับชีวิต
บางคนคิดว่าทำไมต้องเกิดกับเรา ทำไมคนอื่นไม่เป็น หรือเป็นโรคเวรโรคกรรม บางคนประสาทหลอน บางคนซึมเศร้า
ซึ่งเราก็เป็นมาหมดนะ อย่าน้อยใจไปไม่มีใครที่ไม่ป่วยมันคือเรื่องธรรมชาติ คิดว่าดีกว่าคนอื่นอีกเยอะที่จากไปด้วยอุบัติเหตุ
หรือไม่ทันได้รักษาอะไรเลยไปโดยไม่รู้ตัว เราคิดว่าการรอดมาได้เนี่ย พระเจ้าท่านได้ให้โอกาสเรานะ ให้เรามีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อทำความดี
คิดดี  เมื่อท่านให้โอกาสทำไมไม่คว้าไว้ เราเลิกเสียใจ เลิกร้องไห้ เลิกคิดมาก มันยากนะ 
เพราะตัวโรคเพราะยาเพราะอะไรหลายๆอย่าง แต่ทุกอย่างจะดีได้ต้องพยายาม เราสวดมนต์ นั่งสมาธิทุกวัน
แม้จะง่วงก็ทำ 5-10 น.ก็ยังดี ผลที่ได้เราควบคุมอารมณ์ คุมสติ คิดบวกมันช่วยได้จริงๆ
     sle โดนแดดไม่ได้มันทำให้เราตัวขาวขึ้น (มโน คือเมิงซีด) ต้องใส่เสื้อแขนยาว ใส่แว่น ทากันแดด บำรุงผิวสารพัด
เวลาเราออกข้างนอกทำตัวให้สวย (มโน) ใส่วิกผม นมปลอม ตรูดเสริมฟองน้ำ อย่าได้แคร์
     sle ต้องคุมอาหาร ทำให้เรากินแต่ของมีประโยชน์ ส่วนของไม่มีประโยชน์ก็แอบเอาลิ้นแตะรับรสชาดพอ
     sle อย่าเครียด อ่านแต่สิ่งดีๆดูคลิปตลกหัวเราะทุกวัน แม้แต่เราหัวโขกเตียงยังนั่งขำเลย (หรือว่าบ้าวะแยกไม่ออก)
     sle จะเหนื่อยง่าย เพลียง่ายโปรดอย่าซ้ำเติมนะคะ อาการมันเป็นอย่างนั้นเอง แม้ร่างกายภายนอกเค้าจะดูปกติก็ตาม
เห็นใจและให้กำลังใจไม่มีใครอยากป่วยหรอกนะ อะไรที่เกิดแล้วยอมรับมัน ทำกาย-ใจให้ดีโรคก็จะสงบเอง
ถือว่าพวกเราโชคดีนะได้เจาะเลือดตรวจร่างกายปีละหลายหน ซึ่งคนอื่นทำไม่ได้นะ

                    อีกอย่างเรามักเห็นคนป่วยไม่ว่าป่วยทางกายหรือทางใจ เครียดอะไรก็แล้วแต่เรามักเจอแต่คอมเม้นท์ว่า...
สู้ๆนะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ อย่าคิดมากเลยครับ คือมีแต่แบบนี้ทั้งนั้นเลยเราอ่านก็เบื่อๆอยู่
เราอยากเห็นประโยคให้กำลังใจแบบอื่นมั่งอ่ะ เช่น รอดแน่ค่ะ ถ้าไม่แพ้ยานะ หรือ สู้ก็ตายไม่สู้ก็ตาย (เอาจริงทุกคนก็ต้องตายนะ)
หรือ พยายามหายใจเข้าลึกๆนะอย่าหยุดหายใจเด็ดขาดแล้วทุกอย่างจะดีเอง หรือ อย่าเพิ่งตายนะ แชร์ยังส่งไม่ครบ เป็นต้น
เม้นท์แบบนี้จะช่วยให้เค้าดีขึ้นหรือแย่ลงกันแน่ 555 

                    เอาเป็นว่าหากคุณป่วยหรือมีคนใกล้ชิดที่ป่วย ช่วยเข้าใจเค้าด้วยนะคะ บางครั้งอารมณ์มันห้ามไม่ได้จริงๆ
แต่เราก็เห็นใจคนใกล้ชิดที่ดูแลนะ มันลำบากใจจริงทั้งสองฝ่ายต้องเปิดใจ คนป่วยก็ต้องรับรู้ในอารมร์ที่แปรเปลี่ยนของตนเอง
เห็นใจคนใกล้ตัวบ้าง วีนบ่อยๆเค้าอาจหายไปจากชีวิตคุณเลยนะ ส่วนคนใกล้ชิดก็ต้องเข้าใจด้วยว่าเค้าป่วย 
ก็ต้องให้ความรักความเข้าใจอยู่เคียงข้างเค้าด้วย สรุปคือคิดบวกเข้าไว้อย่าให้อารมณ์มาสิงใจเรา ใจเราต่างหากที่ต้องควบคุมมัน.

                    ตายและ โม้มาเยอะเลยเกินโควต้า 8 บรรทัด ไม่เป็นไรนะอ่านวันละ 8 บรรทัดก็ได้หลายวันอยู่
สุดท้ายนี้ขอให้คนป่วยทุกๆท่าน หายจากโรคภัยต่างๆนะคะ สุขภาพแข็งแรงทั้งกาย-ใจ ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุข
สุดท้ายอีกที ขอตัวไปกินยานอนก่อนนะคะ เพี้ยนสวัสดีอย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ (ยังต้องส่งดอกอยู่) กดสับตะไคร้ให้ด้วยนะคะ.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่