ในละครกลิ่นกาสะลอง คุณปุ๊ มนตรี เจนอักษร รับบทเป็น แคว้นมั่ง หรือที่คนทั่วไปเรียก แคว้น เฉยๆก็มี
คำว่า " แคว่น " หมายถึง คนที่เป็นกำนัน หรือผู้ปกครองในตำแหน่งเทียบเท่า
ดังนั้นจึงหมายความว่า พ่อของฝาแฝดกาสะลองและซ้องปีบนั้นชื่อ มั่ง มีตำแหน่งเป็นกำนัน
การออกเสียงหรือสำเนียงภาษาเหนือ ถ้าต่างท้องที่กัน หรือต่างชาติพันธุ์กัน อาจผิดเพี้ยนไปบ้างนะคะ รวมถึงใช้คำศัพท์ที่ต่างออกไปค่ะ เช่นคนเชียงใหม่จะพูดสำเนียงเชียงใหม่ คนลำปางก็จะมีสำเนียงลำปาง ในขณะที่ ไทยองในลำพูน ไทลื้อในลำปาง นั้นจะแตกต่างทั้งคำศัพท์และสำเนียง
-- ผิด ถูก อย่างไร ร่วมพูดคุยกันได้นะคะ --
ขอยกตัวอย่างคำว่า " ปอย "
คำว่า ปอย คนเชียงใหม่ หมายถึง งานรื่นเริง งานเฉลิมฉลอง
แต่
คำว่า ปอย คนลำปาง หมายถึง งานศพ ค่ะ คนละอารมณ์กันเลยใช่ไหมคะ
กลับมาที่คำว่า " แคว่น " ค่ะ แคว่น นี่น่าจะเพิ่งเลิกใช้ไปเมื่อไม่เกิน 40 ปีนะคะ ตอนเด็กๆเวลาไปเยี่ยมบ้านพ่ออุ้ยแม่อุ้ย(คุณตาและคุณยาย)ตอนสงกรานต์ ยังเคยได้ยินผู้ใหญ่พูดกันว่า จะไปดำหัวแคว่น ซึ่งหมายความว่ากลุ่มชาวบ้านจะไปรดน้ำดำหัวกำนันในตำบลนั่นเอง
จากนั้นก็มีคำว่า " ป้อกำนัน-แม่กำนัน " ขึ้นมาแทน ภาษานั้นก็เปลี่ยนเวอร์ชั่นใหม่ได้แบบเทคโนโลยีเลย
จริงๆแล้ว เมื่อสามีเป็นกำนัน(ป้อหลวง/พ่อหลวง) ภรรยาจะถูกเรียกว่า แม่กำนัน นัยว่าเป็นการให้เกียรติ (ตามที่ความเห็นที่ 15 ได้บอกไว้ค่ะ) ซึ่งจะเป็นชาวบ้านในตำบลนั้น ละแวกนั้น จึงจะทราบว่า กำนันตัวจริงคือใคร
ขอชื่นชมละครเรื่องนี้มากๆค่ะ(ทั้งๆที่ก็เพิ่งชมไปเพียง 2 ตอน หวังว่าจะไม่เงิบในภายหลังนะคะ ^ ^) นอกเหนือจากองค์ประกอบการทำละครทั้งหมดทั้งมวลแล้ว ผู้จัดทำยังทำส่วนอรรถาธิบายเพิ่มเติม คือในตอนต้นก่อนเข้าละคร จะมีการบรรยาย อธิบาย เพื่อให้คนดูได้เข้าใจในสิ่งต่างๆเช่นว่า ช่วงเวลาในละคร แฟชั่นหรือการแต่งกายในยุคดังกล่าว ใน Ep.2 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (11 / 6 / 62) ก็จะบอกเกี่ยวกับการแต่งกายและทรงผม ทำให้มีความเข้าใจในตัวละคร บรรยากาศในละคร มากขึ้นค่ะ
การปรากฎตัวในละครของ พ่อของซ้องปีบหรือแคว่นมั่ง ทำให้เกิดความกระจ่างว่า ตัวละครตัวนี้มีบทบาทหน้าที่การงานอย่างไร นั่นจึงเกิดความเชื่อมโยงได้ว่า พ่อของซ้องปีบนั้น มีฐานะร่ำรวย รวมถึงทรงอิทธิพลเพียงใด การเป็นกำนันในพื้นที่ที่เรียกว่าใกล้คุ้มหลวงเพียงชั่วข้ามแม่น้ำปิง จึงบ่งบอกเป็นนัยๆว่า แคว่นมั่งผู้นี้เป็นผู้ปกครองท้องที่เศรษฐกิจ สำคัญของเชียงใหม่ในเวลานั้น
ยิ่งเมื่อได้ดูเปิดกองวิก 3 เรื่องกลิ่นกาสะลอง เมื่อคุณปุ๊ มนตรี บอกกล่าวเอาไว้ว่า ทำไมพ่อถึงไม่ค่อยรักกาสะลอง แต่รักซ้องปีบมากกว่า
นั่นอาจเป็นไปได้ว่าสืบเนื่องจากหน้าที่การงาน การปกครองที่ต้องพบเจอคนหมู่มากอีกทั้งยังหลายหลากชาติพันธุ์ ต่างชนชั้นทางสังคม ในห้วงเวลาดังกล่าว ซ้องปีบ น่าจะเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง กล้าพูด กล้าเจรจา รู้จักการเข้าสังคม เรียกว่าแคว่นมั่ง คงได้หน้าไม่น้อย ทั้งๆที่การรู้จักพูดของซ้องปีบนั้น ในบางครั้งพ่อแคว่นอาจไม่ทราบว่าชาวบ้านทั่วไปได้จัดอันดับแรงก์กิ้ง สกิลการ ทอแล ของอี่นายซ้องปีบว่า ติดท้อปทรี ภาคพื้นมณฑลพายัพอย่างสบายๆ หรือเผลอๆมีโอกาสเข้าชิงระดับท้อปของสยามประเทศกันเลย ในขณะที่กาสะลองนั้นเป็นแม่บ้านแม่เรือน ถนิมสร้อย เป็นผ้าที่พับไว้ในหีบอีกที ไม่มีความมั่นใจในตัวเองเอาเสียเลย สุขภาพก็ไม่ค่อยดี ช่วยเหลือเรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่การงานพ่อแคว่นไม่ได้เลย กาสะลองจึงเหมือนตัวถ่วงของพ่อแคว่นนั่นเอง แค่พูดถึงกาสะลองพ่อแคว่นคงมีน้ำโห เหม็นขี้หน้ากาสะลองสุดขีด
เมื่อเป็นดังนี้ การตามใจและให้ท้ายซ้องปีบจึงเป็นเสมือนหนึ่งรางวัลที่พ่อแคว่นจะให้ลูกคนโปรดได้ เป็นเหตุให้ซ้องปีบมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว เอาแต่ใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะปัจจัยเกื้อหนุนอันมากมายนั่นเอง ในขณะที่การทำโทษ ทุบตี ก่นด่า กาสะลองเป็นสิ่งที่กาสะลองสมควรได้รับ ในความรู้สึกของพ่อแคว่น
ขออภัยที่ร่ายยาวไปอธิบายพฤติกรรมของแคว่นมิ่งที่รังเกียจกาสะลอง แต่กลับทุ่มเทรักสุดสวาทขาดใจกับลูกซ้องปีบ
ไหนๆก็ไหนๆ มีอีกคำหนึ่งที่อยากนำเสนอ คือคำว่า " แก่บ้าน " คำนี้แปลว่าผู้ใหญ่บ้านค่ะ
เช่นบอกว่า คุณเต้ย เป็นแก่ แปลว่า คุณเต้ยเป็นผู้ใหญ่บ้านนะคะ มิได้แปลว่าคุณเต้ยนั้นแก่แต่ประการใดค่ะ ... อ่ะขอยืมนักแสดงมาจากอีกเรื่องนะคะ ^ ^
เพื่ออรรถรสในการอ่านคอมเมนต์ มีคำที่คนเหนือเค้าใช้เซ้ย หรือก็คือแซวกัน
1) คำแรก " เจ็บแอว "
ไม่ใช่เจ็บเอวนะคะ คำนี้หมายถึง คนเหนือที่พูดภาษาเหนือได้ แต่กลับพูดภาษาไทยกลางกับคู่สนทนา มันจึงทำให้คู่สนทนารู้สึก " เจ็บแอว " ขึ้นมาตะหงิดๆ
2) คำว่า " ไทยเผลิด " อ่านว่า ไท - ผะ - เลิด
คำนี้หมายถึง คนเหนือที่พูดภาษาไทยกลาง แต่ดันไปหลุดใช้คำศัพท์ภาษาเหนือ ก็จะถูกแซวว่า ไทยเผลิด
เริ่มเห็นมีคนใช้กันบ้างแล้วค่ะ ^_^
เกร็ดความรู้จากละครกลิ่นกาสะลอง คำว่า " แคว่น "
คำว่า " แคว่น " หมายถึง คนที่เป็นกำนัน หรือผู้ปกครองในตำแหน่งเทียบเท่า
ดังนั้นจึงหมายความว่า พ่อของฝาแฝดกาสะลองและซ้องปีบนั้นชื่อ มั่ง มีตำแหน่งเป็นกำนัน
การออกเสียงหรือสำเนียงภาษาเหนือ ถ้าต่างท้องที่กัน หรือต่างชาติพันธุ์กัน อาจผิดเพี้ยนไปบ้างนะคะ รวมถึงใช้คำศัพท์ที่ต่างออกไปค่ะ เช่นคนเชียงใหม่จะพูดสำเนียงเชียงใหม่ คนลำปางก็จะมีสำเนียงลำปาง ในขณะที่ ไทยองในลำพูน ไทลื้อในลำปาง นั้นจะแตกต่างทั้งคำศัพท์และสำเนียง
-- ผิด ถูก อย่างไร ร่วมพูดคุยกันได้นะคะ --
ขอยกตัวอย่างคำว่า " ปอย "
คำว่า ปอย คนเชียงใหม่ หมายถึง งานรื่นเริง งานเฉลิมฉลอง แต่
คำว่า ปอย คนลำปาง หมายถึง งานศพ ค่ะ คนละอารมณ์กันเลยใช่ไหมคะ
กลับมาที่คำว่า " แคว่น " ค่ะ แคว่น นี่น่าจะเพิ่งเลิกใช้ไปเมื่อไม่เกิน 40 ปีนะคะ ตอนเด็กๆเวลาไปเยี่ยมบ้านพ่ออุ้ยแม่อุ้ย(คุณตาและคุณยาย)ตอนสงกรานต์ ยังเคยได้ยินผู้ใหญ่พูดกันว่า จะไปดำหัวแคว่น ซึ่งหมายความว่ากลุ่มชาวบ้านจะไปรดน้ำดำหัวกำนันในตำบลนั่นเอง
จากนั้นก็มีคำว่า " ป้อกำนัน-แม่กำนัน " ขึ้นมาแทน ภาษานั้นก็เปลี่ยนเวอร์ชั่นใหม่ได้แบบเทคโนโลยีเลย
จริงๆแล้ว เมื่อสามีเป็นกำนัน(ป้อหลวง/พ่อหลวง) ภรรยาจะถูกเรียกว่า แม่กำนัน นัยว่าเป็นการให้เกียรติ (ตามที่ความเห็นที่ 15 ได้บอกไว้ค่ะ) ซึ่งจะเป็นชาวบ้านในตำบลนั้น ละแวกนั้น จึงจะทราบว่า กำนันตัวจริงคือใคร
ขอชื่นชมละครเรื่องนี้มากๆค่ะ(ทั้งๆที่ก็เพิ่งชมไปเพียง 2 ตอน หวังว่าจะไม่เงิบในภายหลังนะคะ ^ ^) นอกเหนือจากองค์ประกอบการทำละครทั้งหมดทั้งมวลแล้ว ผู้จัดทำยังทำส่วนอรรถาธิบายเพิ่มเติม คือในตอนต้นก่อนเข้าละคร จะมีการบรรยาย อธิบาย เพื่อให้คนดูได้เข้าใจในสิ่งต่างๆเช่นว่า ช่วงเวลาในละคร แฟชั่นหรือการแต่งกายในยุคดังกล่าว ใน Ep.2 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (11 / 6 / 62) ก็จะบอกเกี่ยวกับการแต่งกายและทรงผม ทำให้มีความเข้าใจในตัวละคร บรรยากาศในละคร มากขึ้นค่ะ
การปรากฎตัวในละครของ พ่อของซ้องปีบหรือแคว่นมั่ง ทำให้เกิดความกระจ่างว่า ตัวละครตัวนี้มีบทบาทหน้าที่การงานอย่างไร นั่นจึงเกิดความเชื่อมโยงได้ว่า พ่อของซ้องปีบนั้น มีฐานะร่ำรวย รวมถึงทรงอิทธิพลเพียงใด การเป็นกำนันในพื้นที่ที่เรียกว่าใกล้คุ้มหลวงเพียงชั่วข้ามแม่น้ำปิง จึงบ่งบอกเป็นนัยๆว่า แคว่นมั่งผู้นี้เป็นผู้ปกครองท้องที่เศรษฐกิจ สำคัญของเชียงใหม่ในเวลานั้น
ยิ่งเมื่อได้ดูเปิดกองวิก 3 เรื่องกลิ่นกาสะลอง เมื่อคุณปุ๊ มนตรี บอกกล่าวเอาไว้ว่า ทำไมพ่อถึงไม่ค่อยรักกาสะลอง แต่รักซ้องปีบมากกว่า
นั่นอาจเป็นไปได้ว่าสืบเนื่องจากหน้าที่การงาน การปกครองที่ต้องพบเจอคนหมู่มากอีกทั้งยังหลายหลากชาติพันธุ์ ต่างชนชั้นทางสังคม ในห้วงเวลาดังกล่าว ซ้องปีบ น่าจะเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง กล้าพูด กล้าเจรจา รู้จักการเข้าสังคม เรียกว่าแคว่นมั่ง คงได้หน้าไม่น้อย ทั้งๆที่การรู้จักพูดของซ้องปีบนั้น ในบางครั้งพ่อแคว่นอาจไม่ทราบว่าชาวบ้านทั่วไปได้จัดอันดับแรงก์กิ้ง สกิลการ ทอแล ของอี่นายซ้องปีบว่า ติดท้อปทรี ภาคพื้นมณฑลพายัพอย่างสบายๆ หรือเผลอๆมีโอกาสเข้าชิงระดับท้อปของสยามประเทศกันเลย ในขณะที่กาสะลองนั้นเป็นแม่บ้านแม่เรือน ถนิมสร้อย เป็นผ้าที่พับไว้ในหีบอีกที ไม่มีความมั่นใจในตัวเองเอาเสียเลย สุขภาพก็ไม่ค่อยดี ช่วยเหลือเรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่การงานพ่อแคว่นไม่ได้เลย กาสะลองจึงเหมือนตัวถ่วงของพ่อแคว่นนั่นเอง แค่พูดถึงกาสะลองพ่อแคว่นคงมีน้ำโห เหม็นขี้หน้ากาสะลองสุดขีด
เมื่อเป็นดังนี้ การตามใจและให้ท้ายซ้องปีบจึงเป็นเสมือนหนึ่งรางวัลที่พ่อแคว่นจะให้ลูกคนโปรดได้ เป็นเหตุให้ซ้องปีบมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว เอาแต่ใจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะปัจจัยเกื้อหนุนอันมากมายนั่นเอง ในขณะที่การทำโทษ ทุบตี ก่นด่า กาสะลองเป็นสิ่งที่กาสะลองสมควรได้รับ ในความรู้สึกของพ่อแคว่น
ขออภัยที่ร่ายยาวไปอธิบายพฤติกรรมของแคว่นมิ่งที่รังเกียจกาสะลอง แต่กลับทุ่มเทรักสุดสวาทขาดใจกับลูกซ้องปีบ
ไหนๆก็ไหนๆ มีอีกคำหนึ่งที่อยากนำเสนอ คือคำว่า " แก่บ้าน " คำนี้แปลว่าผู้ใหญ่บ้านค่ะ
เช่นบอกว่า คุณเต้ย เป็นแก่ แปลว่า คุณเต้ยเป็นผู้ใหญ่บ้านนะคะ มิได้แปลว่าคุณเต้ยนั้นแก่แต่ประการใดค่ะ ... อ่ะขอยืมนักแสดงมาจากอีกเรื่องนะคะ ^ ^
เพื่ออรรถรสในการอ่านคอมเมนต์ มีคำที่คนเหนือเค้าใช้เซ้ย หรือก็คือแซวกัน
1) คำแรก " เจ็บแอว "
ไม่ใช่เจ็บเอวนะคะ คำนี้หมายถึง คนเหนือที่พูดภาษาเหนือได้ แต่กลับพูดภาษาไทยกลางกับคู่สนทนา มันจึงทำให้คู่สนทนารู้สึก " เจ็บแอว " ขึ้นมาตะหงิดๆ
2) คำว่า " ไทยเผลิด " อ่านว่า ไท - ผะ - เลิด
คำนี้หมายถึง คนเหนือที่พูดภาษาไทยกลาง แต่ดันไปหลุดใช้คำศัพท์ภาษาเหนือ ก็จะถูกแซวว่า ไทยเผลิด
เริ่มเห็นมีคนใช้กันบ้างแล้วค่ะ ^_^