“รวมมิตร...ชิดใกล้”
ในห้องควบคุมพวกเราชาวเอเลี่ยนทั้งหลายนั้น มีขนาดใหญ่น้องๆ สนามฟุตบอล เลยทีเดียว
30×80×10 เมตร แถมมี 2 ชั้น มีเตียงวางไว้ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง
มี 72 ที่นอน ซึ่งเท่ากับว่า จะจุคนได้ 72 คน
ถึงแม้จะอยู่เต็มตามจำนวนที่กำหนดไว้ ก็ไม่ได้รู้สึกว่า แออัด ยัดเยียด แต่ประการใด
และในความเป็นจริงนั้น สมาชิกของห้องเราก็เข้าๆ ออกๆ
เฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 65-66 คนเท่านั้น
จึงอยู่กันอย่างสะดวกสบายพอสมควร
ห้องน้ำห้องท่าก็เพียงพอ ซึ่งก็มีอยู่ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง
และในห้องควบคุมแบบเดียวกันนี้ เท่าที่ผมสำรวจได้จะมีอยู่ 4 Unit ซึ่งใช้ควบคุมผู้ชาย
โดยเป็นพวกชุดน้ำเงินจำนวน 2 ห้อง ชุดสีส้ม 1 ห้อง ชุดสีแดง 1 ห้อง
และมีห้องสำหรับควบคุมผู้หญิงอีกจำนวน 1 ห้อง
ทุกห้องก็มีขนาดเท่าๆ กัน ความจุก็เท่ากัน
แต่ทั้งนี้ ก็ไม่ใช่ว่า จะมีสมาชิกอยู่เต็มตามจำนวนที่จุได้
ต้าร์ ที่อยู่อีกห้องหนึ่งบอกว่า ห้องที่เขาอยู่มีประมาณสัก 50 คน
แต่พอ 3-4 วันต่อมา ก็ลดลงเหลือ 30 กว่าคน
เนื่องจากมีคนออกอยู่เรื่อยๆ บางวันก็ 4 คน บางวันก็ 5 คน
ออกเนื่องจากประกันตัวไปสู้คดี หรือบางรายก็โดนส่งกลับประเทศโดยคำพิพากษาของศาล
แน่นอนว่า คนเข้าก็มี ซึ่งก็แล้วแต่ กำหนดแน่นอนตายตัวไม่ได้
สมาชิกขาเข้า ส่วนใหญ่ก็มาจากเมืองต่างๆ ของรัฐนิวยอร์ค
แต่ก็มีมาจากที่อื่นเช่นเดียวกัน เช่น รัฐฟลอริด้า ซึ่งไกลจากรัฐนิวยอร์ค ระดับต้องบินถึง 5-6 ชั่วโมง เลยทีเดียว
แพทได้ข้อมูลมาว่า สถานควบคุมทางโน้นอาจจะคนเยอะ และแออัดเกินไป จึงส่งมาอยู่ทางนี้บ้าง
กลับมาที่ห้องของเรา ในจำนวนประมาณ 60 กว่าคนนั้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกที่เยอะที่สุดเกินกว่าครึ่งห้อง คือพวกที่พูดภาษาสเปนทั้งหลายแหล่ หรือที่เรียกว่า พวก “Hispanic”
โดยมาจาก กัวเตมาลาเยอะที่สุด รองลงมาก็เป็น เม็กซิโก ฮอนดูรัส
กลุ่มต่อมา ก็คือ สายแอฟริกา กลุ่มนี้มากันประเทศละคนสองคน
เช่น โซมาเลีย ซิมบับเว กานา อังโกลา กาบอง เซเนกัล กินี เบนิน ไนจีเรีย คาเมรูน โมร็อคโค
เรียกได้ว่า มากันเกือบครบทวีปเลยทีเดียว
กลุ่มต่อมา ก็พวก ประเทศเกาะต่างๆ ในแถบทะเลแคริบเบียน
เช่น บาฮามาส จาไมกา เฮติ
พวกอเมริกาใต้ ก็มีแจมมาด้วย 3 คน เป็นบราซิล 2 คน เอกวาดอร์ 1 คน
ยุโรปก็มีกับเขาเหมือนกันนะ จากอังกฤษ 1 คน แอลบาเนีย 1 คน โรมาเนีย 1 คน เยอรมนี 1 คน
อาจจะสงสัยว่า พวกยุโรปนี่ เขามาอยู่ในศูนย์ควบคุมนี้ได้อย่างไรหรือ?
ผมอธิบายโดยภาพรวมดังนี้ว่า
ในการเข้าประเทศมานั้น เข้ามาโดยถูกต้องทั้งหมด
ซึ่งประเทศในยุโรปส่วนใหญ่ก็ไม่ต้องขอวีซ่าเข้าอเมริกาอยู่แล้ว *****
(ในที่นี้ แอลบาเนีย และโรมาเนีย ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศตามปกติทั่วไป)
แต่ต้องเข้าใจกระบวนการของการเข้าเมืองว่า
หน่วยงานสุดท้ายที่จะอนุมัติให้เข้าเมืองได้หรือไม่นั้น คือ ศุลกากรของสหรัฐอเมริกาและการป้องกันชายแดน
หรือ CBP ซึ่งย่อมาจาก U.S.Customs and Border Protection
และเมื่อเจ้าหน้าที่อนุมัติให้เข้าเมืองได้
เขาก็จะ Stamp หรือประทับลงตราให้อยู่ในประเทศได้สูงสุดไม่เกิน 6 เดือน หรือ 180 วัน
และเมื่อใดก็ตามที่คุณอยู่ในประเทศนี้เกินระยะเวลาที่ว่านั้น คุณก็เข้าข่าย Overstay และผิดกฎหมายคนเข้าเมืองทันที
กลุ่มชาวยุโรปจึงได้มาอยู่ในศูนย์รวมความบันเทิงกับเราด้วยประการ ฉะนี้
ประมาณว่า มาเที่ยวแล้วก็สนุกสนาน เบิกบานสำราญใจ
ก็เดินทางไปรัฐนั้น รัฐนี้ เพลินไปเรื่อยจนลืมที่จะกลับประเทศตัวเอง
ส่วนจะลืมแบบตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจนั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
สุดท้าย...ที่ภูมิใจนำเสนอเข้าแข่งขัน
คือ เอเชีย ผิวเหลือง ผมดำ อย่างเรานี่แหละ
มีไทยแลนด์ 3 คน ซาอุดิอาระเบีย 2 คน ศรีลังกาและปากีสถาน ประเทศละ 1 คน
ไต้หวัน 1 คน ตบท้ายด้วยฟิลิปปินส์อีก 1 คน

สาเหตุ ของการอพยพย้ายถิ่นหลั่งไหลเข้ามาอาศัยและทำงานในอเมริกานั้น
น่าจะมาจากสาเหตุหลักๆ 2 ประการ คือ สภาพทางเศรษฐกิจ และสภาพทางภูมิศาสตร์
เรื่องปากท้องนั้น สำคัญที่สุดแล้วสำหรับมนุษย์และสัตว์โลก
ประเทศไหนมีสภาพเศรษฐกิจไม่ดี ซึ่งจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตามแต่
ประชาชนในประเทศยากจน การจ้างงานน้อย การตกงานเยอะ
ย่อมทำให้คนเหล่านั้นต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอด
การดิ้นรนเพื่อไปทำงานในประเทศที่มีเศรษฐกิจดีกว่า จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ส่วนเรื่องสภาพภูมิศาสตร์นั้น คิดง่ายๆ อยู่ใกล้กัน พรมแดนติดกัน เดินทางไม่ไกล ก็เลยมากันมากหน่อย
ประเทศเม็กซิโกมีพรมแดนติดกับทางตอนใต้ของอเมริกา เป็นระยะทางหลายพันไมล์ ก็มีทั้งพวกมาแบบถูกกฎหมาย และไม่ถูกกฎหมาย
ใต้เม็กซิโกลงไป ก็เป็น กัวเตมาลา และฮอนดูรัส
ประเทศเหล่านี้นอกจากอยู่ใกล้แล้ว ยังยากจนกันถ้วนหน้า
เพื่อนๆ พวกนี้บอกผมว่า เราไม่มีเงิน ไม่มีงาน เราไม่มีอะไรเลย เราจึงมาหาอนาคตที่อเมริกา
คนรุ่นแล้วรุ่นเล่า ที่เข้ามาขุดทองที่อเมริกา เป็นแบบเรียนชั้นดีให้กับพวกเขา
มีทั้งประสบผลสำเร็จ และประสบความล้มเหลว
พวกเขาบอกว่า ถ้าเรายังอยู่ที่ประเทศตัวเอง
เรามีแต่ล้มเหลวอย่างเดียวเท่านั้น !!
หลังกินข้าวในแต่ละมื้อ
เราชาวเอเลี่ยน มักจะมาจับกลุ่มพูดคุย แลกเปลี่ยน สนทนาสัพเพเหระกัน
เสมือนปรับทุกข์กันก็ว่าได้ คุยกันรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ก็ว่ากันไป
แต่ทุกคนที่อยู่ในศูนย์ฯแห่งนี้ คือหัวอกเดียวกันทั้งหมด
เราทำผิดกฎหมายคนเข้าเมือง เราไร้อิสรภาพ แต่เรามิใช่อาชญากร
เราจึงอยู่ในสถานะเอเลี่ยน หรือคนต่างด้าวเท่านั้น
“เฮ้...เราไม่ใช่เอเลี่ยนอย่างเดียวหรอกนะ เราคือ Immigrant ด้วยว่ะ“
หนุ่มแอฟริกันขี้เล่นจากซิมบับเว พูดแทรกกลางวงสนทนา
พร้อมฉีกยิ้มจนเห็นฟันขาว ตัดกับผิวสีดำสนิทของเขาอย่างลงตัว
พูดเสร็จ ก็เดินสะบัดตูดกลับเตียงตัวเองไป
อืม...Immigrant ผู้อพยพ
ดูดีกว่า Alien สัตว์ประหลาดนอกโลก เอ๊ย..คนต่างด้าวนิดนึงว่ะ !!
@@@@@@@@@@@@
*****
ประเทศในยุโรปส่วนใหญ่ สามารถทำการขออนุญาตเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาโดยไม่ต้องขอวีซ่า
ซึ่งเรียกว่า โปรแกรมสละสิทธิ์วีซ่า หรือยกเว้นวีซ่า (Visa Waiver Program)
โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ ESTA (Electronic System for Travel Authorization)
หรือเรียกว่า ระบบอิเล็กทรอนิคส์เพื่อการอนุมัติการเดินทาง
แล้วกรอกประวัติและข้อมูลผ่านระบบออนไลน์เพื่อขออนุญาตเข้าประเทศ
และต้องส่งคำร้องอย่างน้อย 3 วัน หรือ 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทาง
และตามโปรแกรมนี้ จะอยู่ได้สูงสุดไม่เกิน 90 วัน
ปัจจุบัน ประเทศที่มีสิทธิ์อยู่ในโปรแกรมนี้มี 38 ประเทศ
ซึ่งเป็นประเทศในยุโรปเป็นส่วนใหญ่
นอกนั้น ที่น่าสนใจก็มี อาทิ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี
และประเทศในทวีปเอเชียมีแค่ 5 ประเทศ คือ
ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไต้หวัน และบรูไน
หมายเหตุ โปรแกรมนี้ต้องมีวัตถุประสงค์ที่เดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาเพื่อ
1. ทำธุรกิจ
2. ท่องเที่ยว
3. ผ่านแดน (แวะประเทศอเมริกาเพื่อเปลี่ยนเส้นทางไปประเทศอื่น)
ทั้งนี้ จะไม่ครอบคลุมสำหรับผู้ที่จะมาศึกษาต่อ หรือทำงาน
หรือผู้ที่ต้องการพำนักอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาเกินกว่า 90 วัน
หมายเหตุ (อีกที)
สิ่งที่ประเทศสหรัฐอเมริกาใช้เกณฑ์การวัด ในการที่จะให้สิทธิ์ยกเว้นวีซ่า แก่ประเทศต่าง ๆ
1. ความปลอดภัยของหนังสือเดินทางประเทศนั้น ๆ
2. ประเทศนั้น มีสถิติอัตราการปฏิเสธวีซ่าชั่วคราวไม่เกิน 3 %
3. ประเทศนั้นมีเศรษฐกิจดี ประชากรมีรายได้สูง
4. ประเทศนั้นมีดัชนีการพัฒนามนุษย์ที่สูงมาก ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
************************************
โปรดติดตามตอนต่อไป ; "คืนบาปที่...Buffalo"
เรื่องสั้นชุด "ชีวิตต่างแดน" ตอน "รวมมิตรชิดใกล้" โดย..."ตุ๊กดุ๋ย เลิฟลี่"
“รวมมิตร...ชิดใกล้”
ในห้องควบคุมพวกเราชาวเอเลี่ยนทั้งหลายนั้น มีขนาดใหญ่น้องๆ สนามฟุตบอล เลยทีเดียว
30×80×10 เมตร แถมมี 2 ชั้น มีเตียงวางไว้ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง
มี 72 ที่นอน ซึ่งเท่ากับว่า จะจุคนได้ 72 คน
ถึงแม้จะอยู่เต็มตามจำนวนที่กำหนดไว้ ก็ไม่ได้รู้สึกว่า แออัด ยัดเยียด แต่ประการใด
และในความเป็นจริงนั้น สมาชิกของห้องเราก็เข้าๆ ออกๆ
เฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 65-66 คนเท่านั้น
จึงอยู่กันอย่างสะดวกสบายพอสมควร
ห้องน้ำห้องท่าก็เพียงพอ ซึ่งก็มีอยู่ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง
และในห้องควบคุมแบบเดียวกันนี้ เท่าที่ผมสำรวจได้จะมีอยู่ 4 Unit ซึ่งใช้ควบคุมผู้ชาย
โดยเป็นพวกชุดน้ำเงินจำนวน 2 ห้อง ชุดสีส้ม 1 ห้อง ชุดสีแดง 1 ห้อง
และมีห้องสำหรับควบคุมผู้หญิงอีกจำนวน 1 ห้อง
ทุกห้องก็มีขนาดเท่าๆ กัน ความจุก็เท่ากัน
แต่ทั้งนี้ ก็ไม่ใช่ว่า จะมีสมาชิกอยู่เต็มตามจำนวนที่จุได้
ต้าร์ ที่อยู่อีกห้องหนึ่งบอกว่า ห้องที่เขาอยู่มีประมาณสัก 50 คน
แต่พอ 3-4 วันต่อมา ก็ลดลงเหลือ 30 กว่าคน
เนื่องจากมีคนออกอยู่เรื่อยๆ บางวันก็ 4 คน บางวันก็ 5 คน
ออกเนื่องจากประกันตัวไปสู้คดี หรือบางรายก็โดนส่งกลับประเทศโดยคำพิพากษาของศาล
แน่นอนว่า คนเข้าก็มี ซึ่งก็แล้วแต่ กำหนดแน่นอนตายตัวไม่ได้
สมาชิกขาเข้า ส่วนใหญ่ก็มาจากเมืองต่างๆ ของรัฐนิวยอร์ค
แต่ก็มีมาจากที่อื่นเช่นเดียวกัน เช่น รัฐฟลอริด้า ซึ่งไกลจากรัฐนิวยอร์ค ระดับต้องบินถึง 5-6 ชั่วโมง เลยทีเดียว
แพทได้ข้อมูลมาว่า สถานควบคุมทางโน้นอาจจะคนเยอะ และแออัดเกินไป จึงส่งมาอยู่ทางนี้บ้าง
กลับมาที่ห้องของเรา ในจำนวนประมาณ 60 กว่าคนนั้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกที่เยอะที่สุดเกินกว่าครึ่งห้อง คือพวกที่พูดภาษาสเปนทั้งหลายแหล่ หรือที่เรียกว่า พวก “Hispanic”
โดยมาจาก กัวเตมาลาเยอะที่สุด รองลงมาก็เป็น เม็กซิโก ฮอนดูรัส
กลุ่มต่อมา ก็คือ สายแอฟริกา กลุ่มนี้มากันประเทศละคนสองคน
เช่น โซมาเลีย ซิมบับเว กานา อังโกลา กาบอง เซเนกัล กินี เบนิน ไนจีเรีย คาเมรูน โมร็อคโค
เรียกได้ว่า มากันเกือบครบทวีปเลยทีเดียว
กลุ่มต่อมา ก็พวก ประเทศเกาะต่างๆ ในแถบทะเลแคริบเบียน
เช่น บาฮามาส จาไมกา เฮติ
พวกอเมริกาใต้ ก็มีแจมมาด้วย 3 คน เป็นบราซิล 2 คน เอกวาดอร์ 1 คน
ยุโรปก็มีกับเขาเหมือนกันนะ จากอังกฤษ 1 คน แอลบาเนีย 1 คน โรมาเนีย 1 คน เยอรมนี 1 คน
อาจจะสงสัยว่า พวกยุโรปนี่ เขามาอยู่ในศูนย์ควบคุมนี้ได้อย่างไรหรือ?
ผมอธิบายโดยภาพรวมดังนี้ว่า
ในการเข้าประเทศมานั้น เข้ามาโดยถูกต้องทั้งหมด
ซึ่งประเทศในยุโรปส่วนใหญ่ก็ไม่ต้องขอวีซ่าเข้าอเมริกาอยู่แล้ว *****
(ในที่นี้ แอลบาเนีย และโรมาเนีย ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศตามปกติทั่วไป)
แต่ต้องเข้าใจกระบวนการของการเข้าเมืองว่า
หน่วยงานสุดท้ายที่จะอนุมัติให้เข้าเมืองได้หรือไม่นั้น คือ ศุลกากรของสหรัฐอเมริกาและการป้องกันชายแดน
หรือ CBP ซึ่งย่อมาจาก U.S.Customs and Border Protection
และเมื่อเจ้าหน้าที่อนุมัติให้เข้าเมืองได้
เขาก็จะ Stamp หรือประทับลงตราให้อยู่ในประเทศได้สูงสุดไม่เกิน 6 เดือน หรือ 180 วัน
และเมื่อใดก็ตามที่คุณอยู่ในประเทศนี้เกินระยะเวลาที่ว่านั้น คุณก็เข้าข่าย Overstay และผิดกฎหมายคนเข้าเมืองทันที
กลุ่มชาวยุโรปจึงได้มาอยู่ในศูนย์รวมความบันเทิงกับเราด้วยประการ ฉะนี้
ประมาณว่า มาเที่ยวแล้วก็สนุกสนาน เบิกบานสำราญใจ
ก็เดินทางไปรัฐนั้น รัฐนี้ เพลินไปเรื่อยจนลืมที่จะกลับประเทศตัวเอง
ส่วนจะลืมแบบตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจนั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
สุดท้าย...ที่ภูมิใจนำเสนอเข้าแข่งขัน
คือ เอเชีย ผิวเหลือง ผมดำ อย่างเรานี่แหละ
มีไทยแลนด์ 3 คน ซาอุดิอาระเบีย 2 คน ศรีลังกาและปากีสถาน ประเทศละ 1 คน
ไต้หวัน 1 คน ตบท้ายด้วยฟิลิปปินส์อีก 1 คน
สาเหตุ ของการอพยพย้ายถิ่นหลั่งไหลเข้ามาอาศัยและทำงานในอเมริกานั้น
น่าจะมาจากสาเหตุหลักๆ 2 ประการ คือ สภาพทางเศรษฐกิจ และสภาพทางภูมิศาสตร์
เรื่องปากท้องนั้น สำคัญที่สุดแล้วสำหรับมนุษย์และสัตว์โลก
ประเทศไหนมีสภาพเศรษฐกิจไม่ดี ซึ่งจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตามแต่
ประชาชนในประเทศยากจน การจ้างงานน้อย การตกงานเยอะ
ย่อมทำให้คนเหล่านั้นต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอด
การดิ้นรนเพื่อไปทำงานในประเทศที่มีเศรษฐกิจดีกว่า จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ส่วนเรื่องสภาพภูมิศาสตร์นั้น คิดง่ายๆ อยู่ใกล้กัน พรมแดนติดกัน เดินทางไม่ไกล ก็เลยมากันมากหน่อย
ประเทศเม็กซิโกมีพรมแดนติดกับทางตอนใต้ของอเมริกา เป็นระยะทางหลายพันไมล์ ก็มีทั้งพวกมาแบบถูกกฎหมาย และไม่ถูกกฎหมาย
ใต้เม็กซิโกลงไป ก็เป็น กัวเตมาลา และฮอนดูรัส
ประเทศเหล่านี้นอกจากอยู่ใกล้แล้ว ยังยากจนกันถ้วนหน้า
เพื่อนๆ พวกนี้บอกผมว่า เราไม่มีเงิน ไม่มีงาน เราไม่มีอะไรเลย เราจึงมาหาอนาคตที่อเมริกา
คนรุ่นแล้วรุ่นเล่า ที่เข้ามาขุดทองที่อเมริกา เป็นแบบเรียนชั้นดีให้กับพวกเขา
มีทั้งประสบผลสำเร็จ และประสบความล้มเหลว
พวกเขาบอกว่า ถ้าเรายังอยู่ที่ประเทศตัวเอง
เรามีแต่ล้มเหลวอย่างเดียวเท่านั้น !!
หลังกินข้าวในแต่ละมื้อ
เราชาวเอเลี่ยน มักจะมาจับกลุ่มพูดคุย แลกเปลี่ยน สนทนาสัพเพเหระกัน
เสมือนปรับทุกข์กันก็ว่าได้ คุยกันรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ก็ว่ากันไป
แต่ทุกคนที่อยู่ในศูนย์ฯแห่งนี้ คือหัวอกเดียวกันทั้งหมด
เราทำผิดกฎหมายคนเข้าเมือง เราไร้อิสรภาพ แต่เรามิใช่อาชญากร
เราจึงอยู่ในสถานะเอเลี่ยน หรือคนต่างด้าวเท่านั้น
“เฮ้...เราไม่ใช่เอเลี่ยนอย่างเดียวหรอกนะ เราคือ Immigrant ด้วยว่ะ“
หนุ่มแอฟริกันขี้เล่นจากซิมบับเว พูดแทรกกลางวงสนทนา
พร้อมฉีกยิ้มจนเห็นฟันขาว ตัดกับผิวสีดำสนิทของเขาอย่างลงตัว
พูดเสร็จ ก็เดินสะบัดตูดกลับเตียงตัวเองไป
อืม...Immigrant ผู้อพยพ
ดูดีกว่า Alien สัตว์ประหลาดนอกโลก เอ๊ย..คนต่างด้าวนิดนึงว่ะ !!
@@@@@@@@@@@@
*****
ประเทศในยุโรปส่วนใหญ่ สามารถทำการขออนุญาตเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาโดยไม่ต้องขอวีซ่า
ซึ่งเรียกว่า โปรแกรมสละสิทธิ์วีซ่า หรือยกเว้นวีซ่า (Visa Waiver Program)
โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ ESTA (Electronic System for Travel Authorization)
หรือเรียกว่า ระบบอิเล็กทรอนิคส์เพื่อการอนุมัติการเดินทาง
แล้วกรอกประวัติและข้อมูลผ่านระบบออนไลน์เพื่อขออนุญาตเข้าประเทศ
และต้องส่งคำร้องอย่างน้อย 3 วัน หรือ 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทาง
และตามโปรแกรมนี้ จะอยู่ได้สูงสุดไม่เกิน 90 วัน
ปัจจุบัน ประเทศที่มีสิทธิ์อยู่ในโปรแกรมนี้มี 38 ประเทศ
ซึ่งเป็นประเทศในยุโรปเป็นส่วนใหญ่
นอกนั้น ที่น่าสนใจก็มี อาทิ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี
และประเทศในทวีปเอเชียมีแค่ 5 ประเทศ คือ
ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไต้หวัน และบรูไน
หมายเหตุ โปรแกรมนี้ต้องมีวัตถุประสงค์ที่เดินทางเข้าสหรัฐอเมริกาเพื่อ
1. ทำธุรกิจ
2. ท่องเที่ยว
3. ผ่านแดน (แวะประเทศอเมริกาเพื่อเปลี่ยนเส้นทางไปประเทศอื่น)
ทั้งนี้ จะไม่ครอบคลุมสำหรับผู้ที่จะมาศึกษาต่อ หรือทำงาน
หรือผู้ที่ต้องการพำนักอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาเกินกว่า 90 วัน
หมายเหตุ (อีกที)
สิ่งที่ประเทศสหรัฐอเมริกาใช้เกณฑ์การวัด ในการที่จะให้สิทธิ์ยกเว้นวีซ่า แก่ประเทศต่าง ๆ
1. ความปลอดภัยของหนังสือเดินทางประเทศนั้น ๆ
2. ประเทศนั้น มีสถิติอัตราการปฏิเสธวีซ่าชั่วคราวไม่เกิน 3 %
3. ประเทศนั้นมีเศรษฐกิจดี ประชากรมีรายได้สูง
4. ประเทศนั้นมีดัชนีการพัฒนามนุษย์ที่สูงมาก ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
************************************
โปรดติดตามตอนต่อไป ; "คืนบาปที่...Buffalo"