1.รูปร่าง การจับถือ เเละความเป็น DSLR
สำหรับตัวผมนั้นบอกเลยครับ ไม่มีอะไรจะมาเเทนฟิวลิ่งของการจับถือ DSLR ได้เลยครับ ด้วยที่ความเป็น กล้องระดับ Semi Pro บอดี้ขนาดกลาง ความรู้สึกเเรกที่ได้จับถือเข้ามือมากครับ น้ำหนักพอดีมือ (ราวๆ 600กรัม) กริ๊ปเข้ารูปกับมือ ให้ฟิวลิ่งบ่งบอกถึงความจริงจังเเละมืออาชีพมากครับ
มาพูดถึงเรื่องช่องมองภาพบ้าง ผมบอกได้เลยครับ ได้ลองใช้ mirrorless ที่มีช่องมองภาพแบบ EVF (Electronic View Finder) มาหลายตัว มันเทียบไม่ได้เลยครับ กับฟิวลิ่งช่องช่องมองภาพ OVF(Optical Viewfinder) ของกล้อง DSLR
ถึงเเม้ว่า OVF จะไม่ทันสมัยมีข้อมูลครบถ้วนเเละเห็นภาพที่จะได้จริงๆ เหมือน EVF เเต่เวลาเรามองผ่าน OVF นี่มันทำให้เราได้มองผ่านเลนส์จริง มันรู้สึกได้จริงๆ จากความรู้สึกของผมนะ ว่าเราได้สัมผัส กับ Subject ที่เราจะถ่ายมากกว่า มองสบายตากว่า เเละเป็นธรรมชาติมากกว่าครับ EVF จะให้ฟิวลิ่งเหมือนดูทีวีเอาซะมากกว่า เป็นความคิดเห็นเเละความชอบส่วนตัวนะครับ บางท่านอาจจะเห็นต่างกันไป

2.ราคา
กล้อง Nikon D80 นี้ก็ออกมานานหลายปีเเล้วครับ ตั้งเเต่ปี 2006 เเล้วครับ ตอนนี้ก็ 2019 เเล้ว 13 ปีเเล้วครับ สมัยนั้น ราคานี่ 40000 กว่าเลยครับ ถือว่าเป็นกล้องที่ ทันสมัยมากๆเลยในสมัยนั้น เเต่ทุกวันนี้ราคากลางๆจะอยู่ที่ 4000-5000 บาทซึ่งถือว่าไม่เเพงเลยครับ ด้วยความที่เป็นกล้อง SemiPro สามารถเอาไปถ่ายเรียนถ่ายรับงานกันได้สบายเลยไม่ขัดเขินเลยครับ บอดี้ใหญ่ๆดูหล่อเลยครับ
ตัวผมเองได้มาที่ราคา 8000 บาท สภาพบอดี้ถือว่าค่อยข้างสวยเลยครับพร้อมเลนส์ Nikon 35mm 1.8G กับเลนส์ Nikon 18-135mm ผมได้ขายเลนส์ 18-135 ไปในราคา 3000 ก็จะเหลือต้นทุนจริงๆ
D80 + 35 1.8G = 5000 บาท ถือว่าคุ้มมากๆครับ
3.ความClassic ของโทนภาพ ง่ายต่อการ Process
โทนภาพจากกล้อง นิค รุ่นใหม่ๆจะให้ความสีสดเเละคอนทราสที่ค่อนข้างเยอะครับผม ทำให้บางทีการจะเอาไปเเต่ง พอภาพสดไปเเล้วจะทำให้เเต่งได้ยาก
เเต่ว่าโทนภาพจากกล้อง D80 นี้ซึ่งเป็นกล้อง นิคยุคเก่าให้ความลงตัวครับ ไม่สดไป ออกเรียบๆ ธรรมชาติ อาจจะดูหลังกล้องไม่ค่อยสวยเเต่ว่า ภาพที่ถ่ายออกมาเเต่งง่ายมากครับ รู้สึกว่าจูนอะไรดึงยังไงก็ได้ภาพที่ออกมาลงตัวมากครับ

ส่วนตัวผมชอบเเต่งภาพโทนฟิล์ม ไฟล์ที่ได้จาก Nikon D80 ทำได้ลงตัวมากๆครับเเต่เเล้วออกมาดู Vintage มากครับ
4.ใช้เลนส์ AF-D ได้
ตัวกล้อง Nikon D80 จะมีเดือยที่เอาไว้ใช้หมุนเลนส์ AF-D ทำให้เลนส์AutoFocusได้เต็มระบบ ซึ่งกล้องรุ่นใหม่ๆที่เป็นรุ่นล่างเช่นกล้องรุ่น D3XXX D5XXX จะไม่มีตัวเดือยตัวนี้ครับ จะมีก็เป็นรุ่น D7XXX หรือ FullFrame ขึ้นไป (กล้องรุ่นล่างก็ใช้เลนส์ AF-D ได้นะครับเพียงเเต่ว่าจะไม่ Autofocus)

เเล้วเลนส์ AF-D นี่มันดียังไง ข้อเเรกคือเป็นเลนส์ที่ราคา ถูกมากครับ
เช่นตัว Nikon 50mm 1.8D ราคากลางๆจะอยู่ที่ 1500-2500 บาท
Nikon 50mm 1.4D ราคากลางๆจะอยู่ที่ 4000-6500 บาท
Nikon 85mm 1.8D ราคากลางๆจะอยู่ที่ 5000-7500 บาท
ซึ่งถือว่าถูกมากครับ เพราะว่าเลนส์ G จะมีราคาที่ค่อนข้างสูงเลย
เเละเลนส์ AF-D ถือว่าเป็นเลนส์ที่ยังมีอายุไม่มาก สภาพมือสองในตลาดถือว่ายังสวยๆกันทั้งนั้นครับ


เเละผมชอบคาเเร็กเตอร์ เลนส์ D มากกว่า
เพราะเลนส์ G จะให้ความคมที่สูงมากครับ สิ่งที่ตามมากับความคม ก็คือความเเข็ง ภาพที่ได้บางครั้งจะดูเเข็งไป


เลนส์ D จะให้ภาพที่ไม่คมเท่า เเต่สำหรับผมให้ความดูสมูทดูมีชีวิตมากกว่า ไม่เเข็งไป เพราะเป็นเลนส์ที่ต่อช่วงมาจากยุคกล้องฟิล์มด้วย (เริ่มเข้าตลาดราวๆ 1995) ทำให้บางที่คาเเร็กเตอร์หลายๆอย่างเหมือนกับเราถ่ายกล้องฟิล์มเลยครับ ซึ่งเหมาะกับภาพเเนวที่ผมชอบด้วย
(ภาพทุกภาพที่ลงถ่ายด้วย Nikon D80 + 50mm 1.4D)


5.เเบตเตอร์รี่
หลายๆคนอาจจะเริ่มถ่ายภาพโดยเริ่มจากกล้อง Mirrorless ไม่เคยจับ DSLR มาก่อน อาจจะไม่ได้สัมผัสกับความอึดถึกทน ของกล้อง DSLR มาว่าเป็นยังไง กล้อง DSLR มีกระจกสะท้อนภาพ ทำให้ไม่ต้องเลี้ยงมีไฟเลี้ยงเซ็นเซอร์เเละจอภาพ เวลาที่เราจะถ่ายภาพเหมือนกล้อง Mirrorless ส่องได้เลยครับช่องมองภาพ ไม่กินเเบตเเน่นอน


สำหรับ D80 นี้ ถ่ายได้ 1000 รูปสบายๆเลยครับ ถ้าเป็นถ่ายเล่นทั่วไปที่อยู่ได้เป็นอาทิตย์ครับ ถึงได้ถอดมาชาร์ตกันที


สำหรับคนที่กำลังดูกล้องรุ่นนี้อยู่ อาจจะเป็นกล้องตัวเเรก ถูกใจในด้านราคาก็จัดกันได้เลยครับ Recommend ครับ เเนะนำว่าถ้าเป็นไปได้เลือกราคาที่ อาจจะสูงหน่อยเเต่ว่าได้บอดี้ที่สวยๆไปเลยจะจบกว่าครับ เพราะผมถือว่าเป็นรุ่นที่นิค ออกเเบบบอดี้มาสวยเลยครับ อีกกี่ปีเอามาถือก็หล่อ