จากเด็กฝึกงาน สู่การมีเด็กฝึกงานเป็นของตัวเอง หนูเข้าใจพี่แล้วค่ะว่าที่ไม่คุยกะหนูเพราะอะไร?

กระทู้คำถาม
เรื่องมันมีอยู่ว่า เราได้งานไวกว่าที่คิด คือฝึกงานเสร็จไม่นานก็ได้งานเลย 
และ ที่พีคไปกว่านั้นคือทำงานเดือนกว่า ก็มีเด็กฝึกงานเข้ามา (ไวเกิ้นนนไม่กี่เดือนที่แล้วเรายังเป็นเด็กฝึกงานอยู่เลยง่ะ)

ที่มาตั้งกระทู้นี่คือไม่ได้จะอวดว่าได้งานเร็วนะคะ แต่จะมาแชร์ความรู้สึกที่เคยเข้าใจพี่ๆที่เราเคยฝึกงานด้วยผิดไปค่ะ

คือ ตอนเราฝึกงานเนี่ยไม่ค่อยมีพี่คนไหนคุยด้วยเลยค่ะ คุยทีก็สั้นๆแล้วก็ไม่ค่อยให้ทำอะไร(นอกจากใช้แรงงาน)
จนเราคิดมากกลัวไม่มีงานเขียนส่ง เลยชอบถามพี่เขาบ่อยๆว่ามีอะไรให้ช่วยทำหรือไม่ หลายครั้งที่ถูกปฏิเสธด้วยหน้าที่เฉยชา
เราก็เลยเก้อๆเศร้าๆไป จนแอบคิดไปว่าพวกพี่เขาไม่ชอบเรารึเปล่าะ หลายต่อหลายครั้ง จนฝึกงานเสร็จ

มาตอนนี้ เรามีเด็กฝึกงานเป็นของตัวเองเป็นผู้หญิงเหมือนกันด้วย
แรกๆเราก็ทักทายปกติสอบถามเรื่องจิปาถะ แต่ปัญหาคือ เราคุยกับน้องน้อยมากๆ

เพราะว่าน้องจะพูดน้อยๆ ถามอะไรไปตอบ "ค่ะ" อย่างเดียวทำให้เราถามต่อไปไม่ได้ อึดอัดพอสมควรค่ะ 
....แต่ท่าทางแบบนี้ของน้องเขา มันตรงกับเราตอนที่ฝึกงานทุกอย่าง เพราะตอนฝึกงานเราจะพูดน้อยๆเบาๆ
แบบว่าเจียมเนื้อเจียมตัวที่สุดว่างั้นเถอะ ซึ่งผิดกับวิสัยส่วนตัวเราอย่างมาก 
พูดได้ว่าตอนฝึกงานนั้น....คือร่างแบ้วที่สุดในชีวิต

เพราะงั้นตอนนี้เลยเข้าใจแล้วค่ะ ว่าที่พี่เขาไม่คุยกับเรา เพราะเขาอาจจะอึดอัดกับการพูดน้อยๆ เสียงเบาๆ ของเราก็เป็นได้
เพราะเราตอนนี้ก็อึดอัดอยู่55555
อีกอย่างที่พี่เขาปฏิเสธไม่ให้เราช่วยอาจจะไม่ใช่เพราะเขาไม่ชอบเรา แต่เพราะบางงานเด็กฝึกงานช่วยไม่ได้จริงๆนะ 
เช่น ล่าสุดเรากำลังทำสรุปรายงานการประชุมอยู่ แล้วน้องอยากช่วยเงี้ย มันก็ไม่ได้ใช่ปะล่ะ นั่นแหละ 
น่าจะเป็นความรู้สึกเดียวกันกับที่พี่ๆเขาเคยรู้สึกแน่ๆ........

เพี้ยนหัวเราะ

 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่